“เจ้าตามหาโลกลักษณะเช่นนี้ไม่เพียงแค่ต้องการรู้เท่านั้นกระมัง” สุดท้ายนังหนูน้อยกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “เจ้าต้องอยากขึ้นไปแน่นอน นับแต่ออดีตกาลเป็นต้นมา ขอเพียงคนผู้นั้นที่รู้เรื่องนี้ ไม่เพียงเจ้าเท่านั้นที่อยากขึ้นไป! เพียงแต่บางคนแม้อยากขึ้นไปแต่ทำไม่ได้ ต่อให้เขาแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ทำไม่ได้!”
“ถูกต้อง เป็นความจริงที่ข้าอยากขึ้นไป” หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาเรียบๆ ว่า “ถ้าหากเป็นเพียงคำเล่าลือเท่านั้น มันก็ไม่คุ้มกับที่ข้าไปไล่ย้อนกลับไป ไม่คุ้มกับที่ข้าต้องไปขุดค้น”
“ถ้าเช่นนั้นแล้วเจ้าขึ้นไปเพื่ออะไร? ของวิเศษ? หนีเอาชีวิตรอด? และหรือมีจุดประสงค์อื่น!” นังหนูน้อยจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “แต่ว่า เจ้าไม่เหมือนคนที่ต้องการหนีเอาชีวิตรอด ถ้าหากเจ้าเพียงต้องการอยู่รอดต้องไม่รอจนถึงวันนี้อย่างแน่นอน ในเมื่อเจ้าไปสถานที่แห่งนั้นไม่ใช่เพื่อหนีเอาชีวิตรอด เช่นนั้นแล้วก็ต้องมีจุดประสงค์อื่น!”
“ถ้าเช่นนั้น บิดาของเจ้าทำเพื่ออะไร?” หลี่ชิเย่มองดูนังหนูน้อยแล้วหัวเราะและกล่าวว่า “พ่อของเจ้าก็ไม่ได้เพื่อหนีเอาชีวิตรอด ในเมื่อไม่ได้เป็นเพราะต้องการหนีเอาชีวิตรอด แล้วทำไมจะต้องขึ้นไปยังโลกเช่นนี้กันเล่า สมควรทราบว่า การไปยังโลกลักษณะเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างยิ่ง ต่อให้แข็งแกร่งดั่งเช่นบิดาของเจ้า เกรงว่าคงต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนที่แสนสาหัสมาก นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา ผู้ที่สามารถไปสถานที่แห่งนั้นได้เรียกว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น! เฉกเช่นยุคสมัยของพวกเรา ต่อให้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดก็ทำไม่ได้”
นั่นคือโลกที่ไม่ได้ดำรงคงอยู่ ในแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องเกี่ยวกับโลกใบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าไปยังโลกใบนั้นได้!
นังหนูน้องนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท่ายได้เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า “แม้ว่าข้าไม่รู้ถึงความคิดในใจของท่านพ่อชัดเจนนัก แต่ว่า ที่เขายินดีกลับมานั้นเกรงว่าเพื่อสรรพชีวิตนับล้านล้าน มิฉะนั้นหละก็ท่านก็ไม่มีความจำเป็นต้องกลับมาอีก”
“นับว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “หากเปลี่ยนเป็นผู้ที่มีความเห็นแก่ตัว ในเมื่อขึ้นไปได้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องกลับมา การกลับมามีเพียงตายสถานเดียว”
“หากจะกล่าวว่า เจ้าขึ้นไปเพื่อช่วยเหลือยุคสมัยของเจ้าหละก็ เกรงว่าจะทำให้เจ้าต้องผิดหวัง ที่ตรงนั้นไม่ได้มีสิ่งที่เจ้าได้จินตนาการเอาไว้อย่างนั้น เกรงว่าที่นั่นก็ไม่มีสิ่งที่เจ้าอยากได้!” สุดท้าย นังหนูน้อยได้กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ถ้าหากมีหละก็ ท่านพ่อก็คงไม่กลับมามือเปล่า โลกของข้าก็คงไม่หายสาบสูญไป!”
“นั่นมันพ่อของเจ้าไม่ใช่ข้า พ่อของเจ้าคือพ่อของเจ้า ข้าก็คือข้า” หลี่ชิเย่หัวเราะส่ายหน้าและกล่าวว่า “อีกอย่าง ใครบอกว่าที่ข้าขึ้นไปเพื่อช่วยเหลือโลกของข้า? ใครบอกว่าที่ข้าขึ้นไปก็เพื่อสรรพชีวิตนับล้านล้านกันหละ?”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร?” นังหนูน้อยจ้องมองหลี่ชิเย่ทันที นางไม่เชื่อว่าหลี่ชิเย่ต้องการหนีเอาชีวิตรอด ถ้าหากหลี่ชิเย่ต้องการหนีเอาชีวิตรอดจริง เกรงว่าคงไม่ทำเพียงเท่านี้ เขาต้องมีวิธีการอีกมากมาย
“เพื่อตัวข้าเอง” หลี่ชิเย่มองไปที่ที่ห่างไกลมาก กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ข้าเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งเท่านั้น เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีปณิธานยิ่งใหญ่อะไร เพียงทำเพื่อตัวเองเท่านั้น ข้าเพียงต้องการสู้เพื่อตัวเอง เพราะข้าก็คือข้า ไม่ใช่มารร้าย และไม่ใช่พระเจ้าช่วยโลก ข้าเพียงต้องการสู้เพื่อตัวเองตลอดไป! ค้นหาคำตอบที่อยู่ในใจของข้า”
“คำตอบที่เจ้าต้องการคืออะไร?” นังหนูน้อยจ้องมองหลี่ชิเย่ และเอ่ยถามขึ้นมาช้าๆ
หลี่ชิเย่ อมยิ้มโดยไม่ตอบคำถามของนาง เพียงแต่จ้องมองไปยังที่ที่ห่างไกลออกไป
“ถ้าหากเจ้าคิดจะมีชีวิตเป็นอมตะอะไรทำนองนั้นหละก็ ฮึ ข้าขอเตือนเจ้าจงเลิกล้มความตั้งใจนี้เสีย” นังหนูน้อยก็จับทางหลี่ชิเย่ไม่ถูก ได้แต่คาดเดาไปกว้างๆ
“ชีวิตอมตะ?” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าหัวเราะและกล่าวว่า “แม้ว่าข้าไม่ใช่ผู้ที่กล้าหาญที่สุดในโลก แต่ว่า ความตายไม่ได้มีอะไรน่ากลัว บนโลกนี้ยังมีหลายสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย”
เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว เขาทอดถอนใจออกมาเบาๆ สุดท้ายได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “คงมีสักวันที่ข้าจะทำลายสวรรค์นี้เสีย ข้าจะสู้รบจนถึงที่สุดไม่จำต้องหันหลังกลับ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น!”
“เกรงว่าสุดปลายทางของโลกน่ากลัวกว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้” นังหนูน้อยกล่าวน้ำเสียงเย็นชา นางรู้เรื่องราวต่างๆ มากมาย เนื่องจากบิดาของนางเป็นผู้อยู่ในจุดสูงสุดของยุคสมัยหนึ่ง
“ข้าผ่านเหตุการณ์ที่น่ากลัวบนโลกมามากมายเหลือเกิน” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “หากจะน่ากลัวอีกสักครั้งก็ไม่เห็นจะมีอะไร”
“ถ้าเช่นนั้นที่เจ้ารู้สึกว่ามันน่ากลัวคืออะไร? การต่อสู้ครั้งสุดท้ายรึ? หรือจะเป็นอเวจี?”
“คำพูดของเจ้ามีเหตุผล” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ในยุคสมัยของเจ้าไม่เห็นจะมีอเวจี แต่เจ้ากลับรู้จักอเวจี ช่างน่าสนใจเหลือเกิน อีกทั้งเจ้ายังเจาะจงที่จะถามเช่นนี้ช่างมีความหมายเหลือเกิน”
“อย่าลืมสิ ข้ารู้ประวัติความเป็นมาของอเวจี” นังหนูน้อยพูดน้ำเสียงเย็นชาออกมา
“ไม่แน่เสมอไปว่าเจ้าเคยพบอเวจี อย่างน้อยในยุคสมัยของเจ้าไม่แน่ว่าจะได้เห็นอเวจี ภายหลังเจ้าถูกขังเอาไว้ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองก็พูดยากแล้วหละ” หลี่ชิเย่พูดเฉยเมยออกมา
“เจ้าพูดถูก แต่ว่า ต่อให้ในยุคสมัยของข้าข้าจะไม่เคยเห็น แต่ข้าก็ยังคงรู้ประวัติความเป็นมาของอเวจี” นังหนูน้อยกล่าวขึ้นมาช้าๆ “เรื่องเหล่านี้ก็หาใช่อเวจีบอกกล่าวต่อข้า”
“พ่อของเจ้ารึ?” หลี่ชิเย่มองดูนังหนูน้อย และกล่าวเรียบๆ ว่า “บางทีอาจเป็นคนใดคนหนึ่งที่สวามิภักดิ์ต่ออำนาจมืดบอกเจ้า จะอย่างไรเสียต้องมีคนที่รู้เรื่องราวบางอย่างอยู่แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...