โลกดึกดำบรรพ์กลายเป็นเงียบสงัด ทั่วทั้งโลกกลับกลายเป็นเงียบสงบอย่างยิ่ง แต่ว่า ความสงบในเวลานี้หาใช่เป็นความกดดันก่อนเกิดสงครามก่อนหน้านั้น ความสงบในเวลานี้ดูจะเงียบสงัดเป็นพิเศษ เหมือนว่าทุกอย่างล้วนอยู่ในความหลับใหลอย่างนั้น
เวลานี้สถาบันศึกษาเทพเจ้าสงบเงียบมาก ท่ามกลางความสงบเงียบดูเงียบสงบยิ่ง เหมือนว่าทุกคนล้วนแล้วแต่หลับไหลเข้าสู่ความฝันตั้งแต่ยามเที่ยงคืน
มีเพียงเสียงเดียวก็คือเสียงของสวรรค์ลงทัณฑ์ที่ส่งเสียงเปรี๊ยะเปรี๊ยะผ่าลงมาจากบนท้องฟ้า และผ่าลงบนผนังหินนั้น ทำการหล่อเลี้ยงลวดลายเต๋าแต่ละเส้น
กล่าวสำหรับสวรรค์ลงทัณฑ์โดยปรกติแล้วนับเป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจอมราชันเซียนหวัง ทำให้สีหน้าต้องเปลี่ยนไปพลันที่มีการเอ่ยถึง
แต่ว่าเวลานี้สวรรค์ลงทัณฑ์ลงมาจากฟากฟ้ากลับเคียงข้างทุกคนในสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้เข้าสู่การนิทราที่แสนหวาน เหมือนว่าสวรรค์ลงทัณฑ์ที่ลงมาจากฟากฟ้านี้ได้กลายเป็นสายน้ำและน้ำตกของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไปแล้วอย่างนั้น ทุกคนยังคงหลับได้อย่างสงบ นอนได้อย่างสบายใจ
ภายในโลกดึกดำบรรพ์แห่งนี้มีสัตว์ขนาดยักษ์และสัตว์ปีกดุร้ายอยู่เป็นจำนวนมาก พวกมันคือผู้บงการของโลกนี้โดยแท้จริง พวกมันคือเจ้าของของโลกนี้ แต่ทว่าเวลานี้สัตว์ยักษ์สัตว์ปีกดุร้ายล้วนแล้วแต่หายไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเขาต่างหลบซ่อนตัวเข้าไปอยู่ในรังที่ลึกเข้าไปมากที่สุด
กล่าวสำหรับสัตว์ขนาดยักษ์และสัตว์ปีกดุร้ายของโลกดึกดำบรรพ์เวลานี้ อย่าว่าแต่ให้พวกมันเป็นฝ่ายริเริ่มโจมตีสถาบันศึกษาเทพเจ้าเลย การที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ล่าสังหารพวกมันหละก็ พวกมันก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว
สถาบันศึกษาเทพเจ้าดูเงียบสงบเป็นพิเศษ กล่าวได้ว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าในเวลานี้ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีใครคิดหาเหตุอะไรกับสถาบันศึกษาเทพเจ้า หลังจากศึกในครั้งนี้แล้ว เรียกได้ว่าเป็นการสร้างสถาบันศึกษาเทพเจ้าให้มีรากฐานมั่นคงเป็นสายตรงโดยพื้นฐานของร้อยชาติพันธุ์
โลกดึกดำบรรพ์ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากศึกในครั้งนี้ พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลถูกทำลาย แต่ทว่าโลกดึกดำบรรพ์มีพลังที่ลึกลับและแข็งแกร่ง แม้ว่าพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลถูกทำลายจนแตกละเอียดไปแล้ว แต่ว่า มันกำลังค่อยๆ ซ่อมแซมฟื้นฟูพื้นที่ที่แตกละเอียดนี้อย่างช้าๆ คงมีสักวันที่โลกดึกดำบรรพ์แห่งนี้จะกลับคืนสู่สภาพเดิมที่ควรจะเป็นของมัน
ท่ามกลางความเงียบสงบไปทั่วทั้งโลกดึกดำบรรพ์ หลี่ชิเย่ได้นำหวงหลงและป้าหู่ก้าวสู่หมายกำหนดการเดินทางที่ลึกเข้าไปภายในโลกดึกดำบรรพ์ส่วนที่ลึกที่สุด พวกเขามุ่งหน้าเข้าไปยังจุดหมายปลายทางอย่างสะดวกโยธิน
ด้วยความเร็วของพวกหลี่ชิเย่เรียกได้ว่าหนึ่งก้าวสามารถก้าวข้ามฟ้าดินได้ แต่ว่าพวกเขาไม่ได้รีบเร่ง พวกเขาก้าวเดินไปช้าๆ เก็บเอาภาพที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้เอาไว้ในสายตาทั้งหมด
ขณะที่พวกเขาก้าวข้ามพื้นที่ เคยมองเห็นสัตว์ขนาดยักษ์และสัตว์ปีกดุร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน มองเห็นวานรยักษ์ที่แข็งแกร่งดุจขุนเขาตัวหนึ่ง ด้วยลักษณะของวานรยักษ์เช่นนี้ซึ่งมีพละกำลังที่จะถอนหรือเคลื่อนย้ายภูเขาได้สบายๆ เมื่อมันมองเห็นพวกของหลี่ชิเย่ที่ก้าวเดินมาแต่ไกล ก็รีบมุดเข้าไปในถ้ำลึกของตนไม่กล้าออกมาอีกเลย
พวกเขายังได้เห็นงูเหลือมยักษ์ที่ดูเหมือนเป็นแม่น้ำสายหนึ่ง มันยึดครองผืนดินด้วยท่าทีสบาย บรรดาสัตว์บกสัตว์ปีกมากมายล้วนไม่กล้าเข้าไปใกล้ แม้ว่างูเหลือมยักษ์ที่ทรงพลังถึงเพียงนี้ เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่มาแต่ไกล มันก็ค่อยๆ เลื้อยจมลงสู่ก้นทะเลช้าๆ โดยไม่มีซุ่มเสียง และไม่กล้าโผล่ออกมาอีก
พวกเขายังเคยมองเห็นเหยี่ยวขนาดยักษ์ที่คล่องแคล่วว่องไว ยามที่มันกังปีกสองข้างออกสามารถปิดกั้นท้องนภาและสุริยัน อ้าปากกลืนกินสิ้นทุกสิ่ง น่ากลัวถึงขีดสุด แต่ทว่า เมื่อหลี่ชิเย่มาถึง เหยี่ยวที่คล่องแคล่วว่องไวและน่ากลัวยิ่งตัวนี้กระทั่งส่งเสียงร้องออกมายังไม่กล้า รีบทะยานหนีขึ้นไปยังจักรวาลนั่น
……
บรรดาสัตว์ขนาดยักษ์และสัตว์ปีกดุร้ายท่ามกลางโลกดึกดำบรรพ์แห่งนี้นับว่าน่ากลัวมากโดยแท้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่พบเห็นแล้วต้องตกใจจนร่างสั่นเทา แต่ทว่า ที่น่ากลัวอย่างแท้จริงนั้นหาใช่พวกมันที่เป็นสัตว์ขนาดยักษ์และสัตว์ปีกดุร้ายเหล่านี้แต่เป็นหลี่ชิเย่ เส้นทางที่หลี่ชิเย่ก้าวผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ขนาดยักษ์และสัตว์ปีกดุร้ายใดๆ ที่ทรงพลังและน่ากลัวกว่านี้ก็ต้องวิ่งหนีไปไกล หลบซ่อนตัวอยู่ในรังของตน หรือหมอบอยู่กับพื้นหวาดกลัวจนตัวสั่นงันงก แม้ว่าหลี่ชิเย่จะเดินจากไปไกลแล้วพวกมันก็ยังไม่กล้าลุกขึ้นมา
หลี่ชิเย่นั่นแหละคือความน่ากลัวที่แท้จริง เขาก้าวเดินอยู่ท่ามกลางโลกดึกดำบรรพ์ บงการไปทั่วทั้งโลกดึกดำบรรพ์ ไม่ว่าจะเป็นสรรพสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตาม จะต้องหมอบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา เขาคือผู้ที่ได้รับการเคารพสูงสุด เป็นจ้าวที่มีฐานะสูงสุด!
สัญชาตญาณของสัตว์ขนาดยักษ์และสัตว์ปีกดุร้ายไวกว่าผู้บำเพ็ญตนใดๆ ทั้งสิ้น ยามที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินเข้ามา บรรดาสัตว์ขนาดยักษ์และสัตว์ปีกดุร้ายทั้งหมดจึงได้รู้ว่าใครคือจ้าวผู้มีอำนาจสูงสุด
“ฉายา ‘คนโหดอันดับหนึ่ง’ ของท่านสมดังคำเล่าลือจริงๆ สัตว์ดุวิหคร้าย หรือคนโหดมารร้ายใดๆ ในโลกล้วนแล้วแต่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง” ป้าหู่ถึงกับทอดถอนใจและยิ้มกล่าว เมื่อเห็นสัตว์ขนาดยักษ์และสัตว์ปีกดุร้ายทั้งหมดล้วนแล้วแต่ตกใจจนหมอบอยู่กับพื้น
แม้ว่าคำพูดของป้าหู่จะมีท่าทีล้อเล่นอยู่เจ็ดส่วน แต่ที่พูดมาก็เป็นความจริง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ดุวิหคร้ายใดๆ เมื่อเทียบกับคนโหดอันดับหนึ่งแล้วเรียกได้ว่าอ่อนจนสุดเปรียบเปรย อะไรคือจ้าวผู้สูงส่ง อีกาทมิฬนั่นแหละคือจ้าวผู้สูงส่ง!
“ข้าคือจ้าวในบรรดาเหล่าสรรพสัตว์ เนื่องจากข้าคืออีกาทมิฬ ข้าเป็นผู้สูงส่งของหมื่นเผ่าพันธุ์ เนื่องจากข้าคือปรมาจารย์!” หลี่ชิเย่หัวเราะกล่าว แม้ว่าคำพูดนี้เป็นการล้อเลียนตัวเอง แต่ก็เปี่ยมด้วยความพาล ในโลกนี้ก็คงมีเขาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอที่จะพูดคำพูดที่พาลเช่นนี้ออกมาได้
หวงหลงเองก็ต้องทอดถอนใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ในยุคสมัยนี้ไม่มีใครสามารถขัดขวางการก้าวเดินของหลี่ชิเย่ได้อีกแล้ว แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดก็เป็นเช่นนี้!
คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากกในขณะที่พวกของหลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้านั้น โลกดึกดำบรรพ์ได้ปรากฎเสียงกลิ้งเคลื่อนไหวของหินและไม้ดังขึ้นเป็นระลอก นั่นเป็นเพราะโลกดึกดำบรรพ์กำลังซ่อมแซมผืนแผ่นดินของตน ผืนแผ่นดินที่แตกร้าวค่อยๆ ประสานกลับดังเดิม
“นี่เป็นโลกที่มหัศจรรย์จริงๆ” หวงหลงที่มองเห็นโลกดึกดำบรรพ์กำลังซ่อมแซมผืนแผ่นดินที่แตกละเอียดอยู่ ถึงกับทอดถอนใจออกมาว่า “ได้รับความเสียหายหนักขนาดนี้ ยังคงสามารถฟื้นสภาพตัวเองได้”
“นี่คือแกนกลางของยุคสมัยๆ หนึ่ง เฉกเช่นไกลกันดารเป็นต้น” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ในยุคสมัยของพวกเขา โลกดึกดำบรรพ์กว้างกว่านี้เสียอีก ไม่รู้ว่ากว้างขวางกว่ากันมากมายเท่าไร กระทั่งอาจเป็นไปได้ว่ากว้างกว่าสิบสามทวีปและเก้าแดนรวมกันในวันนี้เสียอีก โลกใบนี้ของพวกเราในเวลานี้เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่หลงเหลืออยู่แล้วหละ โลกที่หลงเหลือเช่นนี้หากอยู่ในยุคสมัยของพวกเราหละก็ มันคือแผ่นดินเซียนพื้นที่ยอดเยี่ยมแล้ว ล้วนแล้วแต่เป็นแผ่นดินวิเศษทั้งสิ้น…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...