คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ผู้คนต้องใจหายใจคว่ำ เป็นความจริงที่หวงหลงและป้าหู่ไม่เคยพบเจอสิบสามลัคนามาก่อน ก่อนที่จะได้พบกับหลี่ชิเย่
กล่าวได้ว่า ทุกคนต่างรู้ว่าสิบสองลัคนาคือที่สุดแล้ว สูงสุดก็แค่สิบสองลัคนาเท่านั้น ซึ่งเป็นความรู้ทั่วไป และมีเพียงหลี่ชิเย่ที่ทำลายความรู้ทั่วไปนี้ลง!
พริบตาเดียวนั่นเอง ทั้งหวงหลงและป้าหู่บังเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับระดับการฝึกในสิบสามทวีปขึ้นมา เนื่องจากผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด หรือว่าเป็นความจริงว่ายังมีระดับที่เหนือกว่าสิบสองชะตาฟ้าไปแล้วรึ?
“จงจำเอาว่า ชะตาฟ้าสิบสองสายคือธรณีประตูถ้าหากเจ้าไม่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย เจ้าก็จะไม่มีวันได้สัมผัสกับบางสิ่งได้ตลอดไป เมื่อเจ้าได้ครอบครองสิบสองชะตาฟ้าเช่นนั้นแล้ว บางสิ่งก็คุ้มกับเจ้าไปเสาะแสวงหา เฉกเช่นว่าเพราะอะไรราชันเซียนหมิงเหริน ราชันเทพจงหนานพวกเขาจึงต้องไปศึกเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายอย่างนั้น!” จังหวะที่หวงหลงและป้าหู่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้เอ่ยขึ้นมาเรียบๆ
“หลังจากชะตาฟ้าสิบสองสายไปแล้วจะต้องมีการฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างไรกันเล่า? เส้นทางสายนี้จะต้องก้าวเดินกันอย่างไรเล่า? เพราะอะไรจึงไม่เคยได้ยินใครเขาพูดกันมาก่อน?” หวงหลงเองก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“สิ่งของบางสิ่งมันดำรงคงอยู่ของมันแต่เดิมอยู่แล้ว เพียงแต่ถูกคนเขาปิดบังซ่อนเร้นเท่านั้นเอง ทำให้ผู้คนบนโลกไม่รู้” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “เหมือนดั่งการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายครั้งแรกนั้น พวกเจ้ามีความเข้าใจมากน้อยเพียงใด?”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ได้สร้างความตะลึงให้กับหวงหลงและป้าหู่ เนื่องจากนับแต่อดีตที่ผ่านมา เคยปรากฏศึกการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายมาแล้วถึงหกครั้ง ครั้งที่สองริเริ่มโดยราชันเซียนหุ้นหยวน ครั้งที่สามริเริ่มโดยราชันเทพจงหนานและราชันเซียนเฟย ครั้งที่สี่ริเริ่มโดยราชันเซียนกู่ฉุน ครั้งที่ห้าริเริ่มโดยราชันเซียนหมิงเหริน และครั้งที่หกมีราชันเซียนฉวี่เจินเป็นผู้ริเริ่ม…
แต่ว่า มีเพียงการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายครั้งแรกที่ปราศจากการบันทึกใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้ริเริ่มให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายครั้งแรกขึ้น และมีใครที่เข้าร่วม เรียกได้ว่าการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายครั้งแรกนั้นเป็นปริศนามาโดยตลอด ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับมันแม้เพียงถ้อยคำเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหลาดมากที่สุด
ถ้าหากไม่มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายครั้งแรก การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายครั้งที่สองที่มีราชันเซียนหุ้นหยวนเป็นผู้ริเริ่มก็คงไม่ถูกเรียกว่าเป็นครั้งที่สอง ในเมื่อมีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายครั้งแรก แล้วเป็นเพราะอะไรจึงไม่มีการจดบันทึกใดๆ ทั้งสิ้นเล่า?
ปริศนาข้อนี้เปี่ยมด้วยความอัศจรรย์ของผู้คนตลอดมา เวลานี้เมื่อคำพูดเช่นนี้ถูกพูดออกมาจากปากของหลี่ชิเย่แล้ว ทุกอย่างก็กลับกลายเป็นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เหมือนว่าความจริงนั้นอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก
ในเมื่อมีผู้ริเริ่มให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายขึ้นเป็นครั้งแรก เช่นนั้นแล้วเพราะอะไรจึงต้องปิดบังความจริงเสีย เบื้องหลังความจริงที่ถูกปิดบังมีความลับเช่นใดกันแน่นะ?
เป็นผู้ใดที่ริเริ่มให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้าย แล้วใครเป็นผู้ปิดบังความจริงที่อยู่เบื้องหลัง! ทุกอย่างดูเหมือนปกคลุมอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก
“การมีเซียนบนโลกไม่เห็นจะเป็นเรื่องดี” ขณะที่หวงหลงและป้าหู่กำลังตะลึงกับสิ่งนี้ หลี่ชิเย่ที่เดินอยู่ข้างหน้าได้กล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาอย่างเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่สร้างความหวั่นไหวให้กับหวงหลงและป้าหู่อีกครั้ง ขึ้นชื่อว่าเซียนเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ในฐานะเป็นที่ใฝ่หาให้ได้มาของผู้คนจำนวนมาก เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ในฐานะมีผู้ติดตามค้นหาเป็นจำนวนมาก ผู้คนจำนวนมากต่างมีจินตนาการที่งดงามต่อผู้เป็นเซียน ผู้คนจำนวนมากได้จินตนาไปไกลโพ้นในเรื่องที่เกี่ยวกับเซียน แต่ทว่า คำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่ดำเหมือนจะทำลายความฝันที่งดงามของผู้คนจำนวนมากจนป่นปี้
หลี่ชิเย่ยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป สุดท้าย ได้เข้าไปยังส่วนที่ลึกเข้าไปในโลกดึกดำบรรพ์ แต่ว่า มันแตกต่างจากพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลด้านนอกที่มีพลังชีวิต ส่วนที่ลึกเข้าไปในโลกดึกดำบรรพ์กลับเป็นพื้นที่ที่มีแต่ความเงียบงัน
“นี่คือ…” ทั้งป้าหู่และหวงหลงต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ เมื่อมองเห็นพื้นดินที่มีแต่ความเงียบงันตรงหน้า
ที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าคือโลกที่พ่ายแพ้อย่างยับเยิน ภายใต้โลกสีเทาที่มีไม้แห้งที่พาดขวาง จากด้านหนึ่งไปยังที่ที่ห่างไกลมากๆ อีกด้านหน้า ดูเหมือนเป็นสะพานลอยฟ้าที่เชื่อมไปยังสวรรค์อย่างนั้น ใต้พื้นดินมีต้นไม้เก่าแก่ที่สูงทะลุฟ้า แม้ว่าจะเป็นต้นที่ผุพังไปแล้วก็ยังคงตั้งตรงชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้า ยิ่งกว่านั้น ยังมีต้นไม้ที่เน่าเปื่อยผุพังนอนขวางอยู่บนพื้นดิน เสมือนดั่งเป็นเทือกเขาขนาดยักษ์ที่นอนอยู่บนพื้นดินอย่างนั้น…
“นี่คือต้นมหัศจรรย์ อย่างน้อยที่สุดในยุคของพวกเราสามารถเรียกมันว่าต้นมหัศจรรย์” เวลานี้ หวงหลงได้ฉีกเอาเปลือกต้นไม้แก่ออกมาแล้วดมดู จากนั้นก็ลองเคี้ยวดู สุดท้ายกล่าวด้วยความหวั่นไหวว่า “ต้นไม้แห้งต้นนี้ใกล้เคียงกับต้นมหัศจรรย์จิงจินของโลกในยุคของพวกเรามาก ข้ารู้ว่าสายสำนักราชันเซียนแห่งหนึ่งของเผ่าสวรรค์มีต้นไม้ลักษณะเช่นนี้อยู่ต้นหนึ่ง มีความสูงแค่แปดฟุตเท่านั้นเอง แต่ก็เป็นอะไรที่สุดล้ำค่าอย่างยิ่ง!”
เมื่อหวงหลงเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกสะเทือนหวั่นไหวในใจยิ่งนัก ขณะมองดูกิ่งไม้แก่ที่แห้งยื่นทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่เห็นเป็นเพียงกิ่งไม้แห้งเท่านั้นเอง ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าขณะที่มันยังมีชีวิตอยู่จะมีขนาดใหญ่ยักษ์เช่นใด ขนาดของมันต้องสามารถปิดบังพื้นดินได้อยู่แล้ว
ในยุคสมัยนี้ ลำพังแค่ต้นมหัศจรรย์จินจิงที่สูงเพียงแปดฟุตเท่านั้นก็เรียกได้ว่าล้ำค่าสุดๆ แล้ว ถ้าหากเป็นต้นมหัศจรรย์จินจิงที่ใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ มันก็คงเป็นของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้เลยทีเดียว
“ถูกต้อง ล้วนแล้วแต่เป็นต้นไม้ตายที่อยู่ในระดับต้นไม้อัศจรรย์ทั้งสิ้น” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยยิ่งว่า “กล่าวได้ว่า ที่ตรงนี้เคยมีต้นมหัศจรรย์ที่ล้ำค่าที่สุดแห่งยุคขึ้นอยู่ ที่นี่คือแดนสวรรค์ของต้นไม้มหัศจรรย์ ต้นมหัศจรรย์ที่ขึ้นอยู่ที่นี่เป็นสิ่งที่ผู้คนบนโลกสุดจะจินตนาการได้”
หวงหลงและป้าหู่มองดูโลกที่พ่ายแพ้อย่างยับเยินตรงหน้า พวกเขาต่างไม่รู้ว่าจะบรรยายสภาพจิตใจในขณะนี้ได้อย่างไร แดนสวรรค์ของต้นไม้มหัศจรรย์ที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ มันได้มีต้นไม้มหัศจรรย์ที่ประเมินค่าไม่ได้ขึ้นอยู่จำนวนเท่าไรกันแน่ ถ้าหากในยุคปัจจุบันมีแดนสวรรค์ลักษณะเช่นนี้จริงหละก็ สามารถทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องคลั่งไคร้กันเล่า
“แดนสวรรค์ของต้นไม้มหัศจรรย์!” ทั้งหวงหลงและป้าหู่สองคนต่างรุ้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ พวกเขาตระหนักถึงอะไรบางอย่างพร้อมกัน และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พูดเช่นนี้แสดงว่า…”
“ถูกต้อง สิ่งที่พวกเจ้าต้องการค้นหาก็อยู่ที่นี่แหละ” หลี่ชิเย่พยักหน้าและเดินนำทางไป
หวงหลงและป้าหู่ทั้งสองคนได้สติกลับมาจึงรีบตามขึ้นไปให้ทัน ภายในใจของพวกเขารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง เนื่องจากสิ่งของชิ้นนี้พวกเขาไม่รู้ว่าได้ทุ่มเทกำลังกายใจไปเท่าไรแล้วแต่ก็หาไม่พบ มาวันนี้มีโอกาสที่พวกเขาจะได้สมหวังแล้วในที่สุด แล้วจะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นดีใจได้อย่างไรกันเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...