ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว จูซือจิ้งได้ลืมตาทั้งสองขึ้นมา มองเห็นหลี่ชิเย่นั่งมองนางเงียบๆ อยู่ตรงข้ามนางเท่านั้น
“ท่านบรรพบุรุษ ศิษย์แสดงได้ไม่ดีนัก” หลังจากจูซือจิ้งลุกขึ้นยืนแล้ว ท่าทางดูใจฝ่ออยู่บ้าง ก้มหน้าลง
หลี่ชิเย่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้วยท่าทีสงบ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “พื้นฐานถือว่าแน่น ที่ยังขาดคือความเข้าใจเกี่ยวกับพลังภายในดูผิดเพี้ยนไปบ้าง และพลังภายในก็ไม่ครบถ้วนเพียงพอ เป็นเพียงปลายหางเท่านั้น หากต้องการก้าวไปให้ไกลกว่านี้ ต้องอัดกระทุ้งให้มันแน่นขึ้น”
ที่หลี่ชิเย่พูดมาหาใช่พูดส่งเดช ครั้งนั้นเขาเคยสนทนาธรรมกับผู้เฒ่ากำแหงมาก่อน ร่วมกับศึกษาเกี่ยวกับวิธีการฝึกของแดนสามเซียนมาก่อน ถกถึงเรื่องข้อดีข้อเสีย เพียงแต่ความทรงจำเหล่านี้ได้ถูกลบเลือนไปในภายหลัง เวลานี้ความทรงจำเหล่านี้ได้กลับคืนมาอีกครั้ง เรียกได้ว่าในเรื่องของการฝึกวิชาในแดนสามเซียนกล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ไม่มีความยากเลยแม้แต่น้อย สามารถได้รับการยกย่องให้เป็นปรมาจารย์ทางด้านนี้
“ศิษย์โง่เขลา ไม่สามารถใกล้ชิดระบบถ่ายทอดทางความคิด ไม่สามารถควบคุมหลักกฎเกณฑ์พื้นฐานเอาไว้ได้” จูซือจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และท่าทีใจฝ่อยิ่งนัก
ความจริงแล้วจะโทษจูซือจิ้งก็ไม่ถูก สำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเขาตกต่ำอยู่แล้ว เคล็ดวิชาที่มีอยู่นั้นเรียกว่ามีน้อยถึงน้อยที่สุด ที่พวกเขามีอยู่ในครอบครองเป็นเพียงส่วนที่เป็นปลายของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหงเท่านั้นเอง แล้วจูซือจิ้งสามารถไปได้ดีรึ?
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง เป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่บุกเบิกโดยผู้เฒ่ากำแหง ซึ่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนั้นมีพื้นที่กว้างขวางนับสิบล้านลี้ พื้นที่ทั้งหมดของลานกำแหงล้วนแล้วแต่เป็นเอกเทศของตนเอง
ข้อนี้เป็นจุดที่แตกต่างมากที่สุดระหว่างแดนสามเซียนกับเก้าแดนและสิบสามทวีป สำนักต่างๆ ของเก้าแดน และหรือสิบสามทวีป แม้แต่สายสำนักราชันเซียนก็จะตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินที่เป็นของตนเองบนเก้าแดน หรือสิบสามทวีป
ขณะที่ในแดนสามเซียนจะแตกต่าง ในแดนสามเซียนมีเพียงราชันแท้จิรงเท่านั้นที่สามารถบุกเบิกระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิได้ อีกทั้งระดับราชันแท้จริงผู้นั้นจะต้องมีความแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถเปิดแหล่งกำเนิดสัจธรรมได้แล้ว จึงจะมีสิทธิ์เปิดระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ มิฉะนั้นแล้ว ต่อให้เป็นถึงระดับราชันแท้จริงหากยังไม่ถึงขั้นนี้ก็ไม่สามารถสร้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนได้
หลังจากที่ราชันแท้จริงแข็งแกร่งจนถึงขั้นนั้นแล้ว ทำการกลืนกินและจุตะวันจันทราและดวงดาวบนจักรวาล และบุกเบิกพื้นที่ที่เป็นที่รกร้างขึ้นมา เปิดแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรม หลอมกลั่นผืนแผ่นดิน สุดท้าย ทำให้ผืนแผ่นดินผืนดังกล่าวกลายเป็นพื้นดินสัจธรรมไปทุกแห่งหน ทุกหนทุกแห่งล้วนแล้วแต่เรียบง่าย จนกลายเป็นรูปแบบของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ
เฉกเช่นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง มันเกิดจากผู้เฒ่ากำแหงนำเอาผืนแผ่นดินรกร้างที่กว้างใหญ่ไพศาลมาหลอมกลั่นจนกลายเป็นแผ่นดินสัจธรรม บุกเบิกพื้นที่แห่งนี้ สุดท้ายเปิดแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรม อาศัย ‘คัมภีร์กำแหง’ เป็นพื้นฐาน สร้างเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิขึ้นมา
หรือจะกล่าวว่า ท่ามกลางผืนแผ่นดินที่เป็นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง พื้นฐานการฝึกพลังภายในทั้งหมดล้วนแล้วแต่กำเนิดมาจาก ‘คัมภีร์กำแหง’ เป็นเค้าโครงการฝึก แน่นอนที่สุด ‘คัมภีร์กำแหง’ในฐานะที่เป็นคัมภีร์พื้นฐานของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดลัทธิหนึ่ง มันมีความยอดเยี่ยมมาก เพราะมาจากจิตใจของผู้ที่มีฐานะอยู่ในระดับสูงสุดยอด
ภายใต้ผืนแผ่นดินที่เป็นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง หากบุคคลผู้นั้นฝึกพลังภายในใดๆ โดยอาศัยโครงสร้างของ ‘คัมภีร์กำแหง’ เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาใดๆ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่ทำให้บุคคลผู้นั้นสามารถใกล้ชิดกับผืนแผ่นดินสัจธรรมทุกตารางนิ้วที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าบุคคลผู้นั้น เมื่อแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่ง กระทั่งสามารถใกล้ชิดแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรม ก็จะทำให้บุคคลผู้นั้นกลับกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อทำการฝึกวิชาก็จะลงแรงน้อยแต่ได้ผลตอบแทนสูง
แต่หากว่าทำการฝึกพลังภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นบนผืนแผ่นดินสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจะต้องถูกสยบอย่างแน่นอน ทำให้ความก้าวหน้าในการฝึกเชื่องช้าลง ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผืนแผ่นดินสัจธรรม ไม่มีแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรมที่จะพึ่งพาอาศัยได้
เหตุที่การฝึกของจูซือจิ้งยากจะเข้าใกล้ผืนแผ่นดินสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหงนั้น เป็นเพราะพลังภายในที่นางฝึกนั้นเป็นเพียงส่วนปลายแถวของ ‘คัมภีร์กำแหง’ เท่านั้น ไม่สามารถนับเป็นส่วนผิวเผินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหงแม้แต่นิดเดียวด้วยซ้ำ
พูดอีกอย่างให้เข้าใจง่ายก็คือ พลังภายในของสำนักกระบี่ยักษ์แย่เกินไป เป็นพลังภายในที่ไม่เข้าขั้นอย่างสิ้นเชิง ถือเป็นสายแยกที่อยู่ปลายแถวที่เล็กมากๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง
หลี่ชิเย่มองดูจูซือจิ้งที่ใจฝ่อทีหนึ่ง กล่าวเฉยเมยขึ้นว่า “พลังภายในที่เจ้าฝึกอยู่นั้น นับเป็นสายสัจธรรมหนักในโครงสร้างของ ‘คัมภีร์กำแหง’ พลังภายในที่เจ้าฝึกอยู่นั้น เทียบไม่ได้แม้คำว่าผิวเผินของสายนี้ด้วยซ้ำ ข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เจ้าหลายประโยค สามารถจดจำได้หรือไม่ สามารถทำความบรรลุได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้า”
เมื่อจูซือจิ้งได้ยินคำพูดเช่นนี้แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง นี่มันเท่ากับฟ้าประทานโอกาสให้แล้ว โอกาสเช่นนี้เป็นที่ใฝ่ฝันของผู้คนจำนวนเท่าไร ไม่นึกไม่ฝันเลยว่ามาวันนี้โอกาสดั่งฟ้าประทานมาจะตกใส่หัวของตนเอง
“ขอบคุณท่านบรรพบุรุษ…” จูซือจิ้งร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ก้มกราบลงกับพื้น รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
“ฟังให้ดีล่ะ ข้าจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ เป็นคัมภีร์สูตรออกมา ไอลีนโนเวล
จูซือจิ้งรีบรวบรวมจิตให้มั่น รวบรวมสมาธิฟังและจดจำทุกๆ คำพูดของหลี่ชิเย่เอาไว้ในใจอย่างมั่นคง ต่อให้เวลานี้นางไม่สามารถบรรลุได้ ก็จะสลักทุกคำพูดไว้มั่นภายในใจ ค่อยมาทำความบรรลุภายหลัง
เวลานี้ อย่าว่าแต่เป็น ‘คัมภีร์กำแหง’ ขั้นพื้นฐานที่สุดของลานกำแหงเลย ต่อให้เป็นเคล็ดวิชาหรือศิลปะกลวิธีที่มีอยู่เป็นจำนวนมากของลานกำแหง กระทั่งสุดยอดเคล็ดวิชาลับและศิลปะกลวิธีที่ปราศจากผู้ต่อกรมากที่สุด หลี่ชิเย่ก็รู้อย่างละเอียดลึกซึ้ง เพราะเขามีความทรงจำทุกสิ่งทุกอย่างของเฒ่ากำแหง
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ถ่ายทอดคัมภีร์สูตรหลายประโยคให้กับจูซือจิ้งแล้ว ก็โบกมือและกล่าวว่า “ออกไปเถอะ”
“ค่ะ ท่านบรรพบุรุษ” จูซือจิ้งมีความนอบน้อมยิ่งนัก รีบแสดงคารวะ กล่าวสำหรับนางแล้ว หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าคือบรรพบุรุษที่แท้จริงของลานกำแหงพวกเขา
“ทีหลังอย่าเรียกข้าว่าเป็นบรรพบุรุษ เรียกข้าเสียแก่เชียว เรียกข้าว่าคุณชายก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่สั่งการไปตามอารมณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...