ตอน ตอนที่ 2133 เปิดศักราชใหม่ จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 2133 เปิดศักราชใหม่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว จูซือจิ้งได้ลืมตาทั้งสองขึ้นมา มองเห็นหลี่ชิเย่นั่งมองนางเงียบๆ อยู่ตรงข้ามนางเท่านั้น
“ท่านบรรพบุรุษ ศิษย์แสดงได้ไม่ดีนัก” หลังจากจูซือจิ้งลุกขึ้นยืนแล้ว ท่าทางดูใจฝ่ออยู่บ้าง ก้มหน้าลง
หลี่ชิเย่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้วยท่าทีสงบ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “พื้นฐานถือว่าแน่น ที่ยังขาดคือความเข้าใจเกี่ยวกับพลังภายในดูผิดเพี้ยนไปบ้าง และพลังภายในก็ไม่ครบถ้วนเพียงพอ เป็นเพียงปลายหางเท่านั้น หากต้องการก้าวไปให้ไกลกว่านี้ ต้องอัดกระทุ้งให้มันแน่นขึ้น”
ที่หลี่ชิเย่พูดมาหาใช่พูดส่งเดช ครั้งนั้นเขาเคยสนทนาธรรมกับผู้เฒ่ากำแหงมาก่อน ร่วมกับศึกษาเกี่ยวกับวิธีการฝึกของแดนสามเซียนมาก่อน ถกถึงเรื่องข้อดีข้อเสีย เพียงแต่ความทรงจำเหล่านี้ได้ถูกลบเลือนไปในภายหลัง เวลานี้ความทรงจำเหล่านี้ได้กลับคืนมาอีกครั้ง เรียกได้ว่าในเรื่องของการฝึกวิชาในแดนสามเซียนกล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ไม่มีความยากเลยแม้แต่น้อย สามารถได้รับการยกย่องให้เป็นปรมาจารย์ทางด้านนี้
“ศิษย์โง่เขลา ไม่สามารถใกล้ชิดระบบถ่ายทอดทางความคิด ไม่สามารถควบคุมหลักกฎเกณฑ์พื้นฐานเอาไว้ได้” จูซือจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และท่าทีใจฝ่อยิ่งนัก
ความจริงแล้วจะโทษจูซือจิ้งก็ไม่ถูก สำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเขาตกต่ำอยู่แล้ว เคล็ดวิชาที่มีอยู่นั้นเรียกว่ามีน้อยถึงน้อยที่สุด ที่พวกเขามีอยู่ในครอบครองเป็นเพียงส่วนที่เป็นปลายของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหงเท่านั้นเอง แล้วจูซือจิ้งสามารถไปได้ดีรึ?
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง เป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่บุกเบิกโดยผู้เฒ่ากำแหง ซึ่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนั้นมีพื้นที่กว้างขวางนับสิบล้านลี้ พื้นที่ทั้งหมดของลานกำแหงล้วนแล้วแต่เป็นเอกเทศของตนเอง
ข้อนี้เป็นจุดที่แตกต่างมากที่สุดระหว่างแดนสามเซียนกับเก้าแดนและสิบสามทวีป สำนักต่างๆ ของเก้าแดน และหรือสิบสามทวีป แม้แต่สายสำนักราชันเซียนก็จะตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินที่เป็นของตนเองบนเก้าแดน หรือสิบสามทวีป
ขณะที่ในแดนสามเซียนจะแตกต่าง ในแดนสามเซียนมีเพียงราชันแท้จิรงเท่านั้นที่สามารถบุกเบิกระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิได้ อีกทั้งระดับราชันแท้จริงผู้นั้นจะต้องมีความแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถเปิดแหล่งกำเนิดสัจธรรมได้แล้ว จึงจะมีสิทธิ์เปิดระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ มิฉะนั้นแล้ว ต่อให้เป็นถึงระดับราชันแท้จริงหากยังไม่ถึงขั้นนี้ก็ไม่สามารถสร้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนได้
หลังจากที่ราชันแท้จริงแข็งแกร่งจนถึงขั้นนั้นแล้ว ทำการกลืนกินและจุตะวันจันทราและดวงดาวบนจักรวาล และบุกเบิกพื้นที่ที่เป็นที่รกร้างขึ้นมา เปิดแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรม หลอมกลั่นผืนแผ่นดิน สุดท้าย ทำให้ผืนแผ่นดินผืนดังกล่าวกลายเป็นพื้นดินสัจธรรมไปทุกแห่งหน ทุกหนทุกแห่งล้วนแล้วแต่เรียบง่าย จนกลายเป็นรูปแบบของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ
เฉกเช่นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง มันเกิดจากผู้เฒ่ากำแหงนำเอาผืนแผ่นดินรกร้างที่กว้างใหญ่ไพศาลมาหลอมกลั่นจนกลายเป็นแผ่นดินสัจธรรม บุกเบิกพื้นที่แห่งนี้ สุดท้ายเปิดแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรม อาศัย ‘คัมภีร์กำแหง’ เป็นพื้นฐาน สร้างเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิขึ้นมา
หรือจะกล่าวว่า ท่ามกลางผืนแผ่นดินที่เป็นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง พื้นฐานการฝึกพลังภายในทั้งหมดล้วนแล้วแต่กำเนิดมาจาก ‘คัมภีร์กำแหง’ เป็นเค้าโครงการฝึก แน่นอนที่สุด ‘คัมภีร์กำแหง’ในฐานะที่เป็นคัมภีร์พื้นฐานของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดลัทธิหนึ่ง มันมีความยอดเยี่ยมมาก เพราะมาจากจิตใจของผู้ที่มีฐานะอยู่ในระดับสูงสุดยอด
ภายใต้ผืนแผ่นดินที่เป็นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง หากบุคคลผู้นั้นฝึกพลังภายในใดๆ โดยอาศัยโครงสร้างของ ‘คัมภีร์กำแหง’ เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาใดๆ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่ทำให้บุคคลผู้นั้นสามารถใกล้ชิดกับผืนแผ่นดินสัจธรรมทุกตารางนิ้วที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าบุคคลผู้นั้น เมื่อแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่ง กระทั่งสามารถใกล้ชิดแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรม ก็จะทำให้บุคคลผู้นั้นกลับกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อทำการฝึกวิชาก็จะลงแรงน้อยแต่ได้ผลตอบแทนสูง
แต่หากว่าทำการฝึกพลังภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นบนผืนแผ่นดินสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจะต้องถูกสยบอย่างแน่นอน ทำให้ความก้าวหน้าในการฝึกเชื่องช้าลง ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผืนแผ่นดินสัจธรรม ไม่มีแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรมที่จะพึ่งพาอาศัยได้
เหตุที่การฝึกของจูซือจิ้งยากจะเข้าใกล้ผืนแผ่นดินสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหงนั้น เป็นเพราะพลังภายในที่นางฝึกนั้นเป็นเพียงส่วนปลายแถวของ ‘คัมภีร์กำแหง’ เท่านั้น ไม่สามารถนับเป็นส่วนผิวเผินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหงแม้แต่นิดเดียวด้วยซ้ำ
พูดอีกอย่างให้เข้าใจง่ายก็คือ พลังภายในของสำนักกระบี่ยักษ์แย่เกินไป เป็นพลังภายในที่ไม่เข้าขั้นอย่างสิ้นเชิง ถือเป็นสายแยกที่อยู่ปลายแถวที่เล็กมากๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง
หลี่ชิเย่มองดูจูซือจิ้งที่ใจฝ่อทีหนึ่ง กล่าวเฉยเมยขึ้นว่า “พลังภายในที่เจ้าฝึกอยู่นั้น นับเป็นสายสัจธรรมหนักในโครงสร้างของ ‘คัมภีร์กำแหง’ พลังภายในที่เจ้าฝึกอยู่นั้น เทียบไม่ได้แม้คำว่าผิวเผินของสายนี้ด้วยซ้ำ ข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เจ้าหลายประโยค สามารถจดจำได้หรือไม่ สามารถทำความบรรลุได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้า”
เมื่อจูซือจิ้งได้ยินคำพูดเช่นนี้แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง นี่มันเท่ากับฟ้าประทานโอกาสให้แล้ว โอกาสเช่นนี้เป็นที่ใฝ่ฝันของผู้คนจำนวนเท่าไร ไม่นึกไม่ฝันเลยว่ามาวันนี้โอกาสดั่งฟ้าประทานมาจะตกใส่หัวของตนเอง
“ขอบคุณท่านบรรพบุรุษ…” จูซือจิ้งร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ก้มกราบลงกับพื้น รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
“ฟังให้ดีล่ะ ข้าจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ เป็นคัมภีร์สูตรออกมา ไอลีนโนเวล
จูซือจิ้งรีบรวบรวมจิตให้มั่น รวบรวมสมาธิฟังและจดจำทุกๆ คำพูดของหลี่ชิเย่เอาไว้ในใจอย่างมั่นคง ต่อให้เวลานี้นางไม่สามารถบรรลุได้ ก็จะสลักทุกคำพูดไว้มั่นภายในใจ ค่อยมาทำความบรรลุภายหลัง
เวลานี้ อย่าว่าแต่เป็น ‘คัมภีร์กำแหง’ ขั้นพื้นฐานที่สุดของลานกำแหงเลย ต่อให้เป็นเคล็ดวิชาหรือศิลปะกลวิธีที่มีอยู่เป็นจำนวนมากของลานกำแหง กระทั่งสุดยอดเคล็ดวิชาลับและศิลปะกลวิธีที่ปราศจากผู้ต่อกรมากที่สุด หลี่ชิเย่ก็รู้อย่างละเอียดลึกซึ้ง เพราะเขามีความทรงจำทุกสิ่งทุกอย่างของเฒ่ากำแหง
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ถ่ายทอดคัมภีร์สูตรหลายประโยคให้กับจูซือจิ้งแล้ว ก็โบกมือและกล่าวว่า “ออกไปเถอะ”
“ค่ะ ท่านบรรพบุรุษ” จูซือจิ้งมีความนอบน้อมยิ่งนัก รีบแสดงคารวะ กล่าวสำหรับนางแล้ว หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าคือบรรพบุรุษที่แท้จริงของลานกำแหงพวกเขา
“ทีหลังอย่าเรียกข้าว่าเป็นบรรพบุรุษ เรียกข้าเสียแก่เชียว เรียกข้าว่าคุณชายก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่สั่งการไปตามอารมณ์
สำหรับเส้นทางการฝึกที่เป็นเส้นทางสายใหม่ทั้งหมดสายนี้ หลี่ชิเย่สามารถสรุปขั้นตอนคร่าวๆ เป็นหว่านเมล็ดพันธุ์เต๋า ต้นไม้เต๋าเจริญเติบโต ออกผลเต๋า
เส้นทางสายใหม่ทั้งสายของหลี่ชิเย่สายนี้ ได้นำเอาชะตาแท้ และสัจธรรมหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้มีพลังความแข็งแกร่งที่เด็ดขาดยิ่งกว่า อีกทั้งพลังทั้งหมดเหล่านี้ล้วนแล้วแต่กำเนิดจากตัวของเขาเอง ตัวเขาก็คือสัจธรรม สัจธรรมก็คือชะตาแท้ ไม่ใช่ชะตาแท้ควบคุมสัจธรรม หรือสัจธรรมอาศัยชะตาแท้อีกต่อไป! ยิ่งไม่ต้องพึ่งพาฟ้าดิน
สิ่งนี้บ่งบอกว่า หลี่ชิเย่ไม่เพียงหลุดพ้นจากฟ้าดิน ทั้งยังหลอมกลั่นทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของชะตาแท้ นี่แหละคือเส้นทางที่หลี่ชิเย่ต้องการก้าวเดิน
สิ่งนี้ก็คือเหตุผลที่ว่าเพราะอะไรหลี่ชิเย่จึงต้องมาที่แดนสามเซียน เนื่องจากในแดนสามเซียนสามารถหลุดพ้นจากฟ้าดิน ที่ตรงนี้ไม่มีชะตาฟ้า ไม่มีการควบคุม ดังนั้นที่ตรงนี้จึงหลุดพ้นทุกสิ่งทุกอย่าง การที่หลี่ชิเย่จะสร้างสัจธรรมของตนเองบนโลกที่มีลักษณะเช่นนี้จะไม่ถูกยับยั้ง ในอนาคตจึงสามารถแข็งแกร่งและมีพลังมากที่สุด เมื่อมีการพลิกเปิดหน้าศักราชที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมา
หลังจากที่เมล็ดพันธุ์เต๋าเมล็ดนี้ถูกปลูกลงดินไปแล้ว ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ได้ยินเสียงดังปุเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เหมือนมีอะไรบางอย่างที่แทงทะลุดินโผล่ขึ้นมา นั่นคือเมล็ดพันธุ์เต๋าได้แทงรากออกมาแล้ว มองเห็นใบอ่อนสีเหลืองใบหนึ่งโผลขึ้นมาจากพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์นั่น มันคือต้นอ่อนที่เล็กมากกำลังเจริญเติบโตในผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดายนัก
แน่นอนที่สุด เพราะมีผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ผืนนี้ จึงทำให้ต้นอ่อนสามารถเจริญเติบโตได้ ซึ่งเป็นความพยายามของหลี่ชิเย่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาได้ทำการกระทุ้งให้รากฐานของตนแน่นหนาทั้งในเก้าแดนและสิบสามทวีป เนื่องจากมีเพียงการทำให้พื้นฐานแน่นหนาเท่านั้น จึงสามารถทำให้มีผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ได้ในอนาคต เมื่อมีผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์จึงสามารถทำให้เมล็ดพันธุ์เต๋าเจริญงอกงาม
เนื่องเพราะมีผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์นี่เอง จึงสามารถสร้างหลักประกันที่แข็งแกร่งและทรงพลังให้กับการพลิกเปิดหน้าศักราชทที่ใหม่ทั้งหมดของหลี่ชิเย่ในอนาคต มิฉะนั้นล่ะก็ ทุกอย่างก็เป็นเพียงสิ่งเลื่อนลอย
สิ่งนี้เปรียบเสมือนดั่งเป็นตึกระฟ้าตึกหนึ่ง คิดจะโผล่ขึ้นจากพื้นดินพุ่งทะลุเมฆาไปได้ จำเป็นต้องมีพื้นฐานที่มั่นคงแข็งแรง มิฉะนั้นล่ะก็คงเสียงเวลาเปล่า ต่อให้ตึกดังกล่าวสร้างจนสำเร็จก็ต้องล้มครืนลงได้
การที่หลี่ชิเย่คิดจะพลิกศักราชขึ้นมาใหม่ สร้างเส้นทางที่เป็นสายใหม่หมดทั้งเส้น เขาต้องการผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์แบบนี้แหละ นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าเพราะอะไรในอดีตขณะอยู่เก้าแดน และสิบสามทวีปนั้น เขาจึงได้ทำการกระทุ้งฐานเต๋าให้มันแน่นหนาทีละก้าวๆ
กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่สั่งสมในอดีตล้วนแล้วแต่เพื่อต้อนรับเส้นทางใหม่สายนี้ การแตกรากและเจริญเติบโตท่ามกลางระบบเก่า เพื่อสร้างเส้นทางสายใหม่ที่ใหม่ทั้งหมดสายหนึ่งขึ้นมา เปิดหน้าศักราชที่ใหม่ทั้งหมด นี่แหละจึงเป็นสิ่งที่หลี่ชิเย่ต้องพยายามไปทำ
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ต้นอ่อนเต๋าค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นมา ขั้นตอนการเจริญเติบโตนั้นช้ามาก และความเร็วก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่ทว่า วันนั้น วันที่เมล็ดพันธุ์เต๋าแทงรากออกมา มันตลบอบอวลไปด้วยพลังของสัจธรรม พลังตัวตนที่แท้จริง กลิ่นอายขมุกขมัว…
นี่เท่ากับบ่งบอกว่า เส้นทางสายนี้ของหลี่ชิเย่ได้เริ่มต้นสู่ความสำเร็จแล้ว นาทีนี้ สัจธรรมก็คือข้า ข้าก็คือสัจธรรม อีกทั้งข้าก็คือฟ้าดิน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...