ขณะที่หลี่ชิเย่เข้าไปทำการวางม่านฟ้าแหดินภายในบริเวณฐานเต๋าของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอยู่นั้น เขาฟันหลอกลับกลายเป็นคึกคักยิ่งในเวลานี้ เนื่องจากการปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งของโสมโลหิต
ในวันนี้ ณ ภูเขาลูกหนึ่งของเทือกเขาฟันหลอ ได้เกิดเสียงดังตูมขึ้นมาอย่างกะทันหัน ปรากฏเมฆที่มีสีสันงดงามรวมตัวกัน ทะเลเลือดพลุ่งพล่าน ในเวลานี้เองบริเวณนี้ตลบอบอวลไปด้วยเมฆหมอกงามตา
ยามที่ปรากฎการณ์ประหลาดเกิดขึ้นมานั้น ต้นไม้ใบหญ้าบริเวณนี้ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นมาเช่นกัน มองเห็นต้นไม้ใบหญ้าที่เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ดอกไม้บานและโรยรารวดเร็ว และผลไม้ก็สุกงอมอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ได้ดึงดูดสายตาของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนต่างทยอยกันมองไปเป็น็นจำนวนมาก นาทีนี้เองท่ามกลางเมฆหมอกงดงาม และทะเลเลือดพลันปรากฏร่างเงาคนขึ้นมากะทันหันร่างหนึ่ง ขนาดเท่ากำปั้น กำลังหยอกล้อเมฆหมอกท่าทางดูซุกซนยิ่งนัก
“มันคือโสมโลหิต…” ผู้ที่อยู่ใกล้ภูเขาลูกนี้มากที่สุดพลันมองเห็นหน้าตาของร่างเงาคนผู้นี้ได้อย่างชัดเจน ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา และวิ่งเข้าหาภูเขาลูกนี้ทันที
ฟ่าวว…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่มีคนวิ่งเข้าไปยังทิศทางที่โสมโลหิตปรากฏนั้น ต้นโสมโลหิตต้นนี้พลันพุ่งตัวไปยังสันเขา และหายตัวไปท่ามกลางกองหินดาษดื่นของลำธารเล็กๆ ระหว่างภูเขา
“ตาม…” ระดับผู้อาวุโสของสำนัก และศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณที่พบเห็นโสมโลหิตเป็นคนแรกไหนเลยจะยอมปล่อยผ่านโสมโลหิตที่ล้ำค่ายิ่งให้หลุดมือไปง่ายๆ เล่า จึงไล่ติดตามไปยังทิศทางที่โสมโลหิตหายไปในทันที
ข่าวการปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งของโสมโลหิตได้แพร่กระจายไปทั่วเขาฟันหลอโดยพลัน นับตั้งแต่ค้นพบการปรากฎตัวของโสมโลหิตแล้วก็มีผู้คนเข้าไปสืบหาร่องรอยของโสมโลหิตในเขาฟันหลอเป็นจำนวนมาก แต่ทว่า นับแต่การปรากฏตัวในครั้งก่อนแล้วโสมโลหิตก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นอีกเลย ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากค้นไปทั่วสันเขาก็ไม่พบร่องรอยของโสมโลหิตเลย
ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังจะถอดใจอยู่นั้น เวลานี้โสมโลหิตกลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงสร้างความฮือฮาขึ้นมาได้ไม่น้อยทีเดียว แต่เดิมบรรดาระดับผู้อาวุโสของสำนัก และศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณจำนวนมากที่เฝ้าสังเกตุการณ์อยู่ด้านนอกเขาฟันหลอก็เริ่มอดใจไม่ไหวแล้ว ติดตามฝูงชนบุกเข้าไปยังเขาฟันหลอ ทยอยกันมุ่งหน้าติดตามไปยังทิศทางที่โสมโลหิตได้หายตัวไป
“จะหนีไปไหน…” ความจริงแล้ว จังหวะที่โสมโลหิตวิ่งหนีไปนั้น เสียงแหลมเสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้ที่บุกเข้าไปในเขาฟันหลอเป็นคนแรกก็คือฉู่ชิงหลิน นางบุกเดี่ยวนำหน้าใครๆ ด้วยความเร็วที่สูงสุดพุ่งตัวไปยังบริเวณที่โสมโลหิตหายตัวไป
เทียบกับคนอื่นแล้ว ฉู่ชิงหลินยิ่งต้องการโสมโลหิตอย่างยิ่ง เนื่องจากนางต้องการรับการบำรุงจากโสมโลหิต มิฉะนั้นล่ะก็ อนาคตนางสามารถก้าวหน้าไปได้ไกลแค่ไหนยังเป็นปริศนาอยู่
เมื่อฉู่ชิงหลินบุกเดี่ยวนำเข้าไปในเขาฟันหลอเป็นคนแรก คนอื่นๆ ยิ่งอดรนทนไม่ไหว ต่างทยอยกันลุยติดตามเข้าไปในเขาฟันหลอเช่นกัน
จากนั้นไม่นาน แม้แต่จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยและองครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ยก็นำพากำลังจำนวนมากบุกเข้าไปในเขาฟันหลอ
ความจริงแล้ว บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยและองครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ยไม่ได้มาที่เขาฟันหลอโดยพุ่งเป้าไปที่โสมโลหิตเพียงอย่างเดียว ระดับบรรพบุรุษผู้อยู่เบื้องหลังพวกเขามุ่งหวังไปที่ศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง มิฉะนั้นแล้ว พวกเขาคงไม่นำกองกำลังมามากมายเช่นนี้
เพียงแต่ศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษไม่ปรากฏร่องรอยตลอดเวลาที่ผ่านมา และระดับบรรพบุรุษผู้อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็ไม่มีความชัดเจนว่าศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษซ่อนอยู่ที่ใดกันแน่ ดังนั้น จึงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่อย่างใด
เวลานี้ โสมโลหิตได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งพวกของซี๋วจื้อเจี๋ยและเฉินซูเหว่ยจึงไม่อยากพลาดโอกาสเช่นนี้ไป จะอย่างไรเสียโสมโลหิตก็นับเป็นสมุนไพรวิเศษที่ล้ำค่ายิ่งนัก ถ้าหากพวกเขาสามารถครอบครองโสมโลหิตได้ก็สามารถเพิ่มพูนพลังวัตรให้กับพวกเขาได้ ซึ่งทำให้พวกเขาดั่งพยัคฆ์ติดปีกขณะเข้าช่วงชิงตำแหน่งกษัตริย์ ดังนั้น กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ต่อให้ไม่สามารถครอบครองศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษหากแต่ได้ต้นโสมโลหิตต้นนี้มาก็นับเป็นทางเลือกที่ไม่เลวนัก
ยามที่ผู้คนจำนวนมากอดใจไม่ไหวแล้วทะลักบุกเข้าไปในเขาฟันหลอนั้น ก็มีกลุ่มคนส่วนน้อยที่ยังวางเฉยไม่มีการเคลื่อนไหว ระดับบรรพบุรุษหนึ่งถึงสองคนที่หลบซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง คงท่าทีเฝ้าสังเกตุการณ์เอาไว้
สำนักต่างๆ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงใช่ว่าจะมีเพียงกองกำลังซั่ง จวนหวัง หอศักดิ์สิทธิ์ และค่ายฉู่ที่เป็นสี่ขั้วอำนาจใหญ่เท่านั้น ความจริงแล้วนอกราชสำนักยังมีสำนักอยู่เป็นจำนวนมาก และบางสำนักก็มีกำลังที่กล้าแข็งอย่างยิ่ง บรรพบุรุษของพวกเขาก็เคยเป็นบุคคลที่มิอิทธิพลต่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมาก่อน
ดังนั้น จึงมีระดับบรรพบุรุษนอกเหนือจากสี่ขั้วอำนาจใหญ่ที่มีท่าเฝ้าสังเกตการณ์ โดยเฉพาะหลังจากได้เห็นโสมโลหิตปรากฏตัวขึ้นแล้ว ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ไม่ได้มีท่าทีรู้สึกยินดี
“ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว” มีระดับบรรพบุรุษที่เฝ้าสังเกตการณ์หลังจากเห็นการปรากฏตัวของโสมโลหิตแล้ว ได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เขาฟันหลอมีต้นโสมโลหิตหาใช่เป็นคำเล่าลือที่มีมาเพียงหนึ่งหรือสองวัน แต่มันไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลย ไปมาไร้ร่องรอย ช่วงนี้กลับปรากฏตัวถี่ เกรงว่าคงมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่เขาฟันหลอ และเกรงว่าคงได้เวลาที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”
“เกรงว่าการปรากฏตัวถี่ขึ้นของโสมโลหิตคงไม่ใช่เป็นการจงใจ เกรงว่าจะมีสิ่งอัปมงคลใดๆ ไปทำให้มันแตกตื่น หรือว่าเรื่องร้ายในครั้งนั้นของเขาฟันหลอยังไม่จบ?” ระดับบรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งที่เฝ้าสังเกตุการณ์ก็อดที่จะกล่าวด้วยความกังวลขึ้นมา
แม้ว่าสำนักของพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมอยู่ในราชสำนัก ไม่ได้เข้าร่วมการแย่งชิงอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แต่ทว่า จะอย่างไรเสียพวกเขาก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง หากมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เกรงว่าพวกเขาก็ไม่รอดเช่นกัน
เรื่องร้ายในครั้งนั้น…เมื่อมีการเอ่ยถึงเรื่องร้ายของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในครั้งนั้นแล้ว ต่อให้เป็นผู้ดำรงอยู่ในระดับบรรพบุรุษก็มีท่าทีที่ไม่ปรกติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...