ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างพยักหน้า เมื่อเห็นรูปขบวนของกองกำลังทหารสองขบวนที่เสมือนดั่งเป็นคมมีดสองเล่มทั้งฟันทั้งแทงเข้าใส่หลี่ชิเย่อย่างโหดเหี้ยม การที่บ้านตระกูลเผิงมีฐานะเช่นทุกวันนี้ใช่เป็นเพียงชื่อเสียงจอมปลอม พวกเขาได้อาศัยศักยภาพแสดงถึงความแข็งแกร่งบ้านตระกูลเผิงของพวกเขา
กรรร…จังหวะที่ขบวนกองทัพทั้งสองขบวนกำลังสลับไขว้ซ้ายขวาบุกเข้าสังหารนั้น พลันปรากฏเสียงร้องคำรามของมังกรขึ้นมา หรือพูดให้ถูกต้องมากกว่านี้มันเหมือนเป็นเสียงร้องคำรามของมังกรยักษ์ที่บ้าคลั่งตัวหนึ่งมากกว่า
พริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนล้วนแล้วแต่บังเกิดเป็นมโนภาพขึ้นมา หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้หายตัวไป ทันใดนั้นเองมองเห็นเพียงการปรากฏตัวขึ้นของมังกรยักษ์อย่างกะทันหัน มังกรยักษ์ตัวนี้ฉับพลันได้บ้าคลั่งขึ้นมา จากการที่ร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธและพาลอย่างบ้าคลั่ง มันแยกเขี้ยวกางเล็บและวิ่งเข้าใส่ทันที ทันใดที่มังกรยักษ์บ้าคลั่ง กลิ่นอายมังกรที่น่ากลัวได้พังทลายทุกสิ่งทุกอย่าง กรงเล็บที่คมกริบอย่างยิ่งฉีกทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าจนแหลกละเอียด
ได้ยินเสียงดังปัง ปังที่ดังขึ้น กองทัพที่แปรขบวนเป็นหอกยาวและดาบศักดิ์สิทธิ์สองขบวนถูกมังกรยักษ์หักทิ้งโดยพลัน ตามติดด้วยเสียงฉีกขาดดังแคว่กก แคว่กก แคว่กก เห็นเพียงมังกรยักษ์ที่บ้าคลั่งได้พุ่งชนขบวนสู้รบทั้งสองขบวนจนแตกพ่าย ขบวนทัพของศิษย์บ้านตระกูลเผิงทั้งหมดแตกพ่ายไม่เป็นขบวน
ทันใดนั้นเอง มังกรยักษ์เสมือนดั่งลุยเข้าไปในฝูงแกะอย่างนั้น ศิษย์ทั้งหมดของบ้านตระกูลเผิงภายใต้กรงเล็บที่แหลมคมนั้นไม่สามารถต้านได้เลย ท่ามกลางเสียงฉีกขาดแคว่กก แคว่กก แคว่กกที่ดังขึ้นเป็นระลอก มองเห็นศิษย์บ้านตระกูลเผิงแต่ละคนถูกฉีกร่างจนแหลกละเอียด
อ๊ากก อ๊ากก อ๊ากก…เสียงร้องน่าเวทนาดังระงมขึ้นเป็นระลอก มองเห็นเลือดสดๆ ที่แตกกระเซ็น เศษเนื้อและเลือดที่ปลิวว่อน ศิษย์บ้านตระกูลเผิงแต่ละคนถูกฉีกร่างจนละเอียด เวลานี้บนพื้นเต็มไปด้วยเศษเนื้อเกลื่อนกลาด เลือดที่ไหลรินรวมกันเป็นธาร กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งโชยมาแตะจมูก ทำให้ผู้คนบังเกิดอาการอยากจะอาเจียนขึ้นมา
ท่ามกลางเลือดสดๆ ที่เทราดลงมา เศษเนื้อที่ปลิวว่อนไปทั่ว ภายในระยะเวลาอันสั้นศิษย์บ้านตระกูลผิงจำนวนนับพันถูกฉีกร่างจนแหลกเหลว เสียงร้องอันน่าเวทนาแต่ละเสียงที่ดังขึ้นทำให้ผู้คนถึงกับตัวสั่นดั่งลูกนก
ครั้นมังกรยักษ์ได้ฉีกร่างของศิษย์บ้านตระกูลผิงจนแหลกละเอียดไปหมดทุกคนแล้ว มังกรยักษ์ได้หายตัวไป มองเห็นแต่เพียงหลี่ชิเย่ที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เศษเนื้อยังเต้นตุ้บๆ อยู่ใต้เท้าของเขา เลือดสดๆ ไหลรินผ่านใต้เท้าของเขา เขาเพียงก้าวเดินผ่านไปช้าๆ เสมือนดั่งเป็นดอกบัวดอกหนึ่งที่เกิดอยู่บนเนื้อเน่าๆ เลือดสกปรกอย่างนั้น ให้ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมกับผู้คน เหมือนว่าตัวเขามาจากนรกอเวจี แต่มีท่าทีที่เรียบเฉย ดูเป็นธรรมชาติยิ่ง ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกตัวสั่นดั่งลูกนก
“มังกรกำแหงอาละวาด…” ไม่ว่าจะเป็นระดับบรรพบุรุษของสำนักใด หรือตระกูลขุนนางโบราณใดก็ตาม ต่างร้องเสียงหลงขึ้นมา เมื่อมองเห็นภาพของมังกรยักษ์ที่ฉีกทุกอย่างจนละเอียดนั่น ต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่ภายในใจ และมีระดับบรรพบุรุษที่รู้สึกใจหายใจคว่ำ พึมพำออกมาว่า “นี่จะต้องเป็นลักษณะการบ่มฟักศิษย์แบบเน้นๆ ของสายตรงแน่นอน!”
ในขณะนี้ สิ่งหนึ่งที่บรรดาบรรพบุรุษเหล่านี้นึกถึงก็คือจวนหวัง มังกรกำแหงอาละวาด คือหนึ่งในเคล็ดวิชาที่พาลมากที่สุดของผู้เฒ่ากำแหง มันสูงกว่า ‘พลังพาลบ้าระห่ำ’ ขั้นหนึ่ง สำนักและหรือตระกูลขุนนางโบราณของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงที่มีเคล็ดวิชานี้อยู่ในครอบครองมีอยู่ไม่กี่แห่งเท่านั้น เป็นต้นว่าตระกูลเฉินแห่งกองกำลังซั่ง ตระกูลหวังแห่งจวนหวังก็จะมีเคล็ดวิชานี้อยู่ในครอบครอง
แต่ทว่า ใช่ว่าใครๆ ก็สามารถฝึกเคล็ดวิชานี้ได้ เฉกเช่น ‘พลังพาลบ้าระห่ำ’ ในสำนักและหรือตระกูลขุนนางโบราณก็มีศิษย์ที่ฝึกเคล็ดวิชานี้อยู่จำนวนไม่น้อย ขณะที่ ‘มังกรกำแหงอาละวาด’ จะแตกต่างกัน ศิษย์ที่จะฝึกเคล็ดวิชา ‘มังกรกำแหงอาละวาด’ ได้นั้น ต้องมีฐานะที่สูงส่ง และมีพรสวรรค์ที่สูงมาก!
ในสำนักและหรือตระกูลขุนนางโบราณ ผู้ที่สามารถฝึก ‘มังกรกำแหงอาละวาด’ เป็นการบ่งบอกว่าคนผู้นี้จะต้องเป็นศิษย์ที่ทางสำนักและหรือตระกูลขุนนางโบราณต้องการบ่มฟักเป็นพิเศษ เฉกเช่นศิษย์ประเภทเฉินซูเหว่ย และซี๋วจื้อเจี๋ยทำนองนั้น
ในเวลานี้ บรรดาระดับบรรพบุรุษของสำนักและหรือตระกูลขุนนางโบราณต่างมั่นใจได้ว่า หลี่ชิเย่จะต้องเป็นศิษย์ที่ทางจวนหวังให้การบ่มฟักเป็นพิเศษแน่นอน กระทั่งคือผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งกษัตริย์ต่อจากกษัตริย์องค์ก่อน!
จังหวะที่กลิ่นคาวเลือดโชยคละคลุ้งแตะจมูกของทุกๆ คนอยู่ ศิษย์นับพันคนของบ้านตระกูลเผิงถูกสังหารสิ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ทั้งค่ายเหลือเพียงเผิงฉู่จวินเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั่วบริเวณพื้นที่ค่ายเต็มไปด้วยเลือด เสมือนหนึ่งได้กลับกลายเป็นนรกอเวจีไปแล้วอย่างนั้น
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกขาทั้งสองข้างที่อ่อนแรง และสั่นเทาตลอดเวลา เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ กระทั่งมีบางคนที่ทนดูไม่ได้จนอาเจียนออกมา กระทั่งน้ำดีก็ยังอาเจียนออกมาด้วย
“เจ้า…” นาทีนี้สีหน้าของเผิงฉู่จวินดูขาวซีด ขาทั้งสองอ่อนแรง ถึงกับต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อเห็นหลี่ชิเย่เดินเข้ามาหาตน ความรู้สึกหวาดกลัวลามไปทั่วจิตใจของเขา
เวลานี้ ผู้ที่มีความหวาดกลัวเข้าไปในใจใช่มีเพียงเผิงฉู่จวินเท่านั้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับสั่นเทาอยู่ในใจ และจำนวนไม่น้อยที่จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยสีหน้าที่ขาวซีด
“เจ้า เจ้า เจ้าโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว…” เวลานี้เผิงฉู่จวินถึงกับร้องเสียงดังออกมา และยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวลานี้เขาไม่สามารถถอยไปไหนได้อีก มีทางเดียวคือสู้ตาย!
“โหด…” หลี่ชิเย่แสดงท่าทีที่อ่อนโยน และกล่าวเฉยเมยว่า “อย่างนี้รึนับว่าโหด? คนที่มีชีวิตอยู่กับคมดาบก็ต้องสำนึกได้ว่าอาจจะต้องถูกฆ่าตายได้สักวัน เจ้าที่เป็นคนแก่เฒ่าและพูดเช่นนี้ออกมา ออกจะดูเด็กๆ เกินไปแล้วกระมัง? อีกอย่าง ถ้าหากไม่โหดแล้วข้าจะถูกผู้คนยกย่องว่าเป็น ‘จอมโหดอันดับหนึ่ง’ ได้รึ? การล้างผลาญเช่นนี้สำหรับข้าแล้วมันก็แค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้นเอง ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง”
ร่างของเผิงฉู่จวินถึงกับสั่นเทิ้มไปทั่วร่างเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
“คนโหดอันดับหนึ่ง…” มีผู้ที่พูดทวนฉายาของหลี่ชิเย่ ทว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อฉายาของหลี่ชิเย่มาก่อน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...