ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2173

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มให้กับคำพูดของเฉินไท่เหอทีหนึ่งและกล่าวว่า “เช่นนั้นแล้วข้าได้แต่เหยียบพวกเจ้าให้ราบคาบ ข้าหวังว่าจะมีคนที่มีศักยภาพกว่านี้โผล่ออกมาสักหลายๆ คน อ่อนเกินไปสู้ไปแล้วไร้ความหมายจริงๆ มีฝีมืออะไรสำแดงออกมาให้หมด ให้ข้าได้อุ่นเครื่องบ้างก็ดี”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้สีหน้าของศิษย์ตระกูลเฉินที่อยู่ในเหตุการณ์ดูไม่จืดยิ่งนัก ในจำนวนพวกเขามีอยู่ไม่น้อยที่เป็นยอดฝีมือซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เมื่อออกจากปากของหลี่ชิเย่กลับไม่มีค่าเหลืออยู่อีกเลย ท่าทีของหลี่ชิเย่ที่ไม่เคยเห็นพวกเขาอยู่ในสายตาทำให้พวกเขารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่สบายใจอย่างยิ่ง ทำให้พวกเขารู้สึกอัดอั้นความโกรธเอาไว้เต็มอก ขอเพียงเฉินไท่เหอมีคำสั่ง พวกเขายินดีบุกเข้าไปเป็นคนแรก เพื่อแลกชีวิตกับหลี่ชิเย่!

“ตระกูลเฉินก็ไม่ใช่ใครจะมาหาเรื่องได้ง่ายๆ!” ดั่งคำว่า แม้คนเราจะอ่อนโยนเพียงใด แต่ก็มีอารมณ์ได้เหมือนกัน เมื่อหลี่ชิเย่พูดจาดูแคลนครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ภายในใจของเฉินไท่เหอก็บังเกิดความโกรธขึ้นมา เขาส่งเสียงฮึน่าเกรงขามออกมา ปรากฏกลิ่นอายปราชญ์แท้จริงตลบอบอวลทั่วร่าง นาทีนี้กลิ่นอายทั่วร่างของเขาเสมือนดั่งมังกรที่คำรามด้วยความโกรธ ดูบ้าคลั่งยิ่งนัก เหมือนเป็นการประกาศถึงความเคียดแค้นของเขาอย่างนั้น

แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่เฉินไท่เหอพูดขาดคำ บริเวณค่ายของตระกูลเฉินปรากฎประกายแต่ละสายที่พวยพุ่งขึ้นมา ทันใดนั้นเอง ปรากฎอานุภาพที่เกรียงไกรพรั่งพรูออกมาเสมือนดั่งคลื่นที่ปกคลุมไปทุกพื้นที่ ยามที่อานุภาพที่เกรียงไกรเช่นนี้พรั่งพรูออกมา พลันทำให้ภายในใจของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับสั่นเทา

ทันใดนั้น ทุกคนเสมือนหนึ่งมองเห็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรยืนอยู่ตรงหน้าของตน ภายใต้กลิ่นอายเทพแท้จริง ทำให้ผู้คนบังเกิดปฏิกิริยาอยากจะคุกเข่าลงกราบ

“เทพแท้จริง…” ระดับผู้อาวุโสของสำนักถึงกับตระหนกตกใจยิ่งนักเมื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายอานุภาพสายนี้ ร้องออกมาด้วยความหวาดผวาภายในใจ

“ตระกูลเฉินมีระดับเทพแท้จริงมานั่งบัญชาการอยู่ที่นี่!” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสถึงกับพึมพำออกมา

เวลานี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองหน้ากันและกัน มิน่าเล่าตระกูลเฉินจึงได้มั่นใจนัก ที่แท้ตระกูลเฉินมีระดับเทพแท้จริงมาด้วย เมื่อมีเทพแท้จริงนั่งบัญชาการ ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดก็ตาม หรือยอดฝีมือคนใดก็ช่าง หากคิดจะบุกเข้าไปในค่ายของตระกูลเฉินก็ต้องประเมินศักยภาพของตนเอง

“ไม่ทราบว่ามีระดับเทพแท้จริงมากับทางกองกำลังซั่ง” มีผู้เฒ่าที่พึมพำขึ้นมา

ระดับเทพแท้จริงในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่ได้มีจำนวนมากมายเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอยู่ในฐานะเสื่อมถอยไปแล้ว อีกทั้งระดับเทพแท้จริงที่มีอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงส่วนใหญ่มาจากกองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์ ค่ายฉู่ และจวนหวัง นอกเหนือจากนี้แล้ว สำนักและตระกูลขุนนางโบราณที่มีระดับเทพแท้จริงเรียกได้ว่ามีกันหร็อมแหร็มเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ศาลเจ้าโบราณนับเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

“เทพแท้จริงนะเนี่ย…” ไม่ว่าใครก็ตาม หากเอ่ยถึงเทพแท้จริงแล้วก็ต้องบังเกิดความเคารพยำเกรงขึ้นในใจ แม้จะกล่าวว่าระดับปราชญ์แท้จริงกับระดับเทพแท้จริงจะห่างกันเพียงแค่ระดับเดียวเท่านั้น

ความจริงแล้วระหว่างระดับเทพแท้จริงกับระดับปราชญ์แท้จริงนั้นห่างกันราวฟ้ากับดิน กล่าวสำหรับยอดฝีมือจำนวนมากแล้ว การก้าวข้ามวิบากเต๋าในระดับปราชญ์แท้จริงและก้าวขึ้นสู่ระดับเทพแท้จริงแล้ว นั่นแหละเรียกว่าได้พบกับทะเลและท้องฟ้าที่กว้างไกลปลดปล่อยจินตนาการอย่างอิสระได้โดยแท้จริง มีเพียงก้าวสู่ระดับเทพแท้จริงแล้ว จึงจะมีสิทธิ์ไปก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของแดนสามเซียนได้อย่างแท้จริง มิฉะนั้นล่ะก็มันก็เป็นได้แค่ยอดฝีมือธรรมดาเท่านั้น

มีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ข้อแตกต่างที่ห่างชั้นกันมากที่สุดระหว่างระดับเทพแท้จริงกับระดับปราชญ์แท้จริงนั้นอยู่ตรงไหน? ระดับเทพแท้จริงก็คือเทพ ขณะที่ผู้บำเพ็ญตนที่ต่ำกว่าระดับเทพแท้จริงก็แค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาเท่านั้นเอง นี่แหละคือระดับความห่างที่มากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ระดับราชันแท้จริงก็ต้องกลายเป็นเทพแท้จริงเสียก่อน จากนั้นจึงสามารถเป็นราชันแท้จริงได้

“เกรงว่าหลี่ชิเย่คงไม่ไหวกระมัง” เมื่อทุกคนเห็นว่าภายในค่ายตระกูลเฉินมีระดับเทพแท้จริงนั่งบัญชาการอยู่ แม้ว่าทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าระดับเทพแท้จริงของตระกูลเฉินผู้นี้จะเป็นเทพแท้จริงท่านใด แต่ทว่า การมีกำลังความสามารถอยู่ในระดับเทพแท้จริงก็เพียงพอแล้ว

เวลานี้ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ แม้ว่าหลี่ชิเย่จะมีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง และเป็นสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกๆ คน แต่ผู้คนจำนวนมากรู้สึกว่าหลี่ชิเย่ยังคงก้าวไปไม่ถึงระดับของเทพแท้จริง จะอย่างไรเสียการที่จะก้าวจากระดับปราชญ์แท้จริงไปยังเทพแท้จริงนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าหากจะกล่าวว่าในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงใครบ้างที่มีความเป็นไปได้ก้าวสู่ระดับเทพแท้จริงล่ะก็ นั่นก็คืออันดับหนึ่งของกลุ่มคนรุ่นใหม่ฉู่ชิงหลินนั่นเอง

“คนโหดอันดับหนึ่งผู้นี้ต่อให้มีความโหดมากกว่านี้ เกรงว่าก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปต่อกรกับระดับเทพแท้จริงได้ หากรู้จักกาลเทศะล่ะก็ ให้รู้จักบันยะบันยังอย่าโลภมาก การหาทางลงเสียตั้งแต่ตอนนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลวนัก” แม้แต่ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสก็เห็นว่าควรเป็นเช่นนี้

ความจริงแล้ว การรู้จักถอยเมื่ออยู่ในสถานการณ์ลำบากก็ไม่ถือเป็นเรื่องที่เสียหน้าแต่อย่างใด ถ้าหากหลี่ชิเย่จะรู้จักถอยเมื่อรู้ว่าลำบากก็ไม่มีใครไปหัวเราะเยาะเขา

กล่าวอย่างไม่เกรงใจ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเกรงว่าคงหากลุ่มคนรุ่นใหม่นักคนที่จะต้านกับเทพแท้จริงได้ แม้แต่ฉู่ชิงหลินที่อยู่ในฐานะอันดับหนึ่งของกลุ่มคนรุ่นใหม่ก็ทำไม่ได้ จะอย่างไรเสียนางอายุยังน้อย ยังคงต้องอาศัยเวลา

“แค่ระดับเทพแท้จริงเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่มีท่าทีที่สงบนิ่งมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลิ่นอายเทพแท้จริงที่เสมือนดั่งคลื่นทะเลที่บ้าคลั่ง เพียงกล่าวตามอารมณ์ขึ้นมาว่า “เทพแท้จริงหากไม่สามารถบรรลุขั้นอมตะได้ ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้นเอง การก้าวขึ้นสู่ระดับเทพแท้จริงไม่ก็บรรลุสัจธรรมกลายเป็นราชัน ไม่ก็สำเร็จเป็นอมตะ นอกเหนือจากนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงเมฆที่ล่องลอยเท่านั้นเอง”

พลันที่พูดคำๆ นี้ออกมา เรียกได้ว่าทำให้ทุกคนต่างมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำโดยพร้อมเพรียงกัน เวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองหน้ากันและกัน แม้ว่าก่อนหน้านั้นหลี่ชิเย่จะแสดงให้เห็นถึงกำลังความสามารถที่กล้าแข็งอย่างยิ่ง แต่การที่หลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ มันออกจะเกินเลยไปแล้วจริงๆ

“นี่มันออกจะอวดดีเกินไปแล้ว ถึงกับดูแคลนระดับเทพแท้จริงขนาดนี้ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกันนะเนี่ย ตัวเองเป็นราชันแท้จริงอย่างนั้นรึ?” มีผู้ที่ส่งเสียงฮึด้วยความไม่พอใจ รู้สึกไม่พอใจในคำพูดที่อวดดีและยโสเช่นนี้ของหลี่ชิเย่

“ระดับเทพแท้จริงหากถึงขั้นก้าวสู่สวรรค์ ล้วนแล้วแต่เรียกได้ว่าปราศจากผู้ต่อกรแล้ว หากถึงขั้นอมตะนั่นเท่ากับดำรงอยู่ในฐานะมีสิทธิ์ก้าวสู่แดนลัทธิเซียนได้ ซึ่งเพียงพอที่จะหมางเมินต่อแดนพรรษ กระทั่งมีความสำคัญในแดนลัทธิราชัน เจ้าคนโหดอันดับหนึ่งแม้จะมีกำลังทระนงองอาจ แต่ว่าการดูแคลนต่อเทพแท้จริงเช่นนี้ดูจะอวดดีเกินไปแล้ว ในโลกนี้มีใครบ้างกล้าบอกว่าต่ำกว่าขั้นอมตะล้วนแล้วแต่เป็นเมฆที่ล่องลอย” ระดับผู้อาวุโสสำนักก็รู้สึกว่าหลี่ชิเย่นั้นอวดดีเกินไป

จะอย่างไรเสีย ระดับเทพแท้จริงนับว่ามีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับเทพแท้จริงขั้นก้าวขึ้นสู่สวรรค์ ส่วนเทพแท้จริงขั้นอมตะยิ่งไม่ต้องกล่าวให้มากความ นั่นคือผู้ดำรงอยู่ในฐานะที่สูงส่ง

อย่าว่าแต่ยอดฝีมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเลย ต่อให้เป็นแดนพรรษก็ไม่มีใครกล้าพูดว่าต่ำกว่าขั้นอมตะเป็นเพียงเมฆที่ล่องลอย เพราะเท่ากับเป็นการล่วงเกินต่อเทพแท้จริงทั่วหล้าเลยทีเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล