หนึ่งกระบวนท่าชี้ผลแพ้ชนะ แขนขวาของป้าซั่งถูกตัดขาดภายใต้หนึ่งกระบวนท่า ทุกคนที่ได้เห็นต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ผู้พิทักษ์ใช่เป็นผู้มีชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้น
หลังจากที่ป้าซั่งได้ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว เขาได้ทำการห้ามเลือดและสะกดอาการบาดเจ็บเอาไว้ เวลานี้ใบหน้าของเขาดูขาวซีด พ่ายแพ้ในการต่อสู้เพียงกระบวนท่าเดียว ไม่เพียงทำให้แขนของเขาถูกตัดจนขาด ยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส สูญเสียงลมปราณไปเป็นจำนวนมาก
หลี่เชียนไม่ได้แสดงท่าทีผยองจากการตัดแขนขวาป้าซั่งจนขาดในกระบี่เดียว เพียงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเฉยเมย มองดูป้าซั่งอย่างเย็นชา กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “ต่อให้เจ้าสำแดงท่าไม้ตายของเจ้าออกมาก็ไร้ประโยชน์ เจ้าจะยอมให้จับแต่โดยดี หรือว่าจะให้ข้าสังหารเจ้า”
“ดี ดี ดี” ป้าซั่งโกรธจัดจนต้องหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “ผู้พิทักษ์สมดังคำเล่าลือจริงๆ แต่ว่า เรื่องในวันนี้จะไม่เลิกราเพียงเท่านี้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะต้องมีการเปลี่ยนโฉมหน้าอย่างแน่นอน”
โฮ่วเพียงชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ป้าซั่งได้คำรามเสียงดังขึ้นมา จากการคำรามด้วยเสียงอันดังเสมือนหนึ่งมีสัตว์ขนาดยักษ์ตัวหนึ่งได้อ้าปากกว้าง ปรากฏประกายเลือดดั่งคลื่นยักษ์
ปุ ปุ ปุ…ในพริบตาเดียวนี้เอง ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ใกล้ป้าซั่งมากที่สุดพลันกลับกลายเป็นหมอกเลือดไป ลมปราณทั้งหมดของพวกเขาถูกปากที่อ้ากว้างนี้ดูดและกลืนกินไปจนสิ้นโดยพลัน
‘มารคลั่งดูดเลือด’ ผู้คนจำนวนมากรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่ และร้องเสียงแหลมดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นป้าซั่งเหมือนอ้าปากกว้างในทันที ทันใดนั้นทุกคนต่างล่าถอยออกไป ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรถูกทำให้ต้องตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง
ตูมหลังจากที่ป้าซั่งได้ดูดกลืนไปหลายร้อยคนในฉับพลัน พริบตาเดียวกันนี้เขาได้พวยพุ่งประกายเลือดที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา ร่างของเขาเสมือนหนึ่งได้กลับกลายเป็นคลื่นประกายโลหิตที่บ้าคลั่งอย่างนั้น หมอกเลือดที่น่ากลัวได้ปกคลุมทั่วพื้นที่ของเขาฟันหลอในพริบตาเดียว เหมือนหนึ่งได้กลับกลายเป็นทะเลเลือดทันทีอย่างนั้น เพียงพริบตาเดียว เหมือนว่าทั่วทั้งเขาฟันหลอล้วนแล้วแต่แช่อยู่ท่ามกลางทะเลเลือด
นาทีนี้ ตัวของป้าซั่งแทบจะคล้ายดั่งถูกเลือดย้อมจนกลายเป็นสีแดงไปทั่วทั้งตัว ดวงตาคู่นั้นของเขาพวยพุ่งเป็นประกายเลือดที่น่ากลัวออกมา ในเวลานี้ คู่ดวงตาของเขาได้กลายเป็นตาโลหิตไปแล้ว แม้แต่เส้นผมของเขาก็ล้อมรอบด้วยหมอกเลือด ทำให้ผู้คนถึงกับต้องตัวสั่นดั่งลูกนก
นาทีนี้ป้าซั่งคล้ายดั่งได้กลายร่างเป็นมารร้าย ทำให้ใครก็ตามต้องรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่เมื่อได้เห็น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องสั่นเทา ตกใจจนต้องถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว
‘มารคลั่งดูดเลือด’ ระดับบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณถึงกับหวาดกลัวจนขนลุกซู่ เมื่อมองเห็นภาพที่น่ากลัวของป้าซั่ง ตกใจจนใบหน้าขาวซีด ก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว
ในขณะนี้ ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่ เมื่อได้ยินชื่อเคล็ดวิชา ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ชื่อนี้ ต่างตกใจจนต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ เว้นระยะหห่างไปจากป้าซั่ง
แม้ว่า ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ได้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไปแล้ว ห้ามไม่ให้ผู้ใดฝึกทั้งสิ้น ผู้คนจำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการพูดถึงช่วงเวลาแห่งความชั่วร้ายนั่น แต่ทว่า ยังคงมีรุ่นอาวุโสจำนวนมากที่รับรู้เรื่องราวของ ‘มารคลั่งดูดเลือด’
ในครั้งนั้น เทพแท้จริงเทียนเต๋อได้คิดค้น ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ขึ้นมา และนำพาศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเข้าไปถึงขั้นบ้าคลั่ง ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงตกต่ำสู่ลัทธิมาร
ภายหลังซิวหลอจ้านเทียนได้ทำการกำจัดศิษย์ทรยศให้กับสำนัก กวาดล้างความชั่วร้ายจนสิ้น จึงได้คืนความสงบให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ไม่นึกเลยว่า ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ที่ถูกห้ามมานานขนาดนี้กลับมาปรากฏบนตัวของป้าซั่งในเวลานี้ แล้วจะไม่ให้ผู้คนต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่ได้อย่างไรเล่า
นาทีนี้เอง ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรหลี่เชียนจึงได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อป้าซั่ง ที่แท้เป็นเพราะ ‘มารคลั่งดูดเลือด’
ไม่ว่าใครก็ตามต้องรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่ เมื่อได้เห็นป้าซั่งดูดกลืนเลือดของผู้บำเพ็ญตนรวดเดียวหลายร้อยคน ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่สั่นเทิ้มขึ้นมา
‘มารคลั่งดูดเลือด’ แม้แต่เทพฟ้าคะนองที่เป็นผู้นำของตรีเทพแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่เช่นกัน เมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว ได้พาตัวออกห่างในทันที
“ดื้อรั้นยิ่งนัก” หลี่เชียนที่มองเห็นป้าซั่งเต็มไปด้วยประกายเลือดทั่วทั้งตัว กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “วันนี้ ข้าจะต้องกำจัดศิษย์ทรยศให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง!”
เวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้มองดูหลี่เชี่ยนและป้าซั่ง โดยเฉพาะท่าทางของป้าซั่งนั้น ทำให้ผุ้คนจำนวนมากต่างรู้สึกขนลุกภายในใจ ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่กล้าเข้าใกลเขา เกิดเขาบ้าคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง แล้วดูดกลืนผู้คนรวดเดียวอีกหลายร้อยคน พวกเขามิต้องกลายเป็นอาหารโปรดของป้าซั่งไป
“กำจัดศิษย์ทรยศ?” ป้าซั่งหัวเราะเสียงดัง และตวาดเสียงดังออกมาว่า “หลี่เชียนเจ้ามันสุนัขแต่ไล่จับหนู ออกจะยุ่งเรื่องของคนอื่นมากเกินไปแล้ว! ทุกสิ่งที่พวกเราทำไปนั้นเพื่ออะไร? ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแข็งแกร่งขึ้น ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง! ครั้งนั้น ศิษย์จำนวนเท่าไรต้องหลั่งเลือดเพื่อเป้าหมายนี้ แต่ว่า ใช่สิพวกเจ้าที่เป็นผู้พิทักษ์ เพื่อให้ศัตรูหายโกรธ ถึงกับยอมเจรจาสันติด้วยความอ่อนแอ…”
“…ฮ่า ฮ่า ฮ่าชนรุ่นหลังจำนวนเท่าไรที่รู้เพียงว่าหลุมขนาดยักษ์ในเขาฟันหลอคือบ่อเลือดที่เทพแท้จริงเทียนเต๋อใช้หลอมกลั่นเลือด แต่จะมีใครรู้บ้างว่ามันก็คือหลุมฝังศพที่อาจารย์ของเจ้าเข่นฆ่าศิษย์จำนวนนับสิบล้านคนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงกันเล่า? ในครั้งนั้น อาจารย์ของเจ้าเพื่อกำจัดศิษย์ทรยศอะไรนั่น สังหารศิษย์ที่ได้ฝึก ‘มารคลั่งดูดเลือด’ ไปนับสิบล้านคน หากจะกล่าวว่าพวกเรานั้นได้ตกต่ำลงสู่ลัทธิมาร พวกเจ้าที่เป็นผู้พิทักษ์ก็แค่สุภาพบุรุษจอมปลอมที่สองมือเต็มไปด้วยเลือดของศิษย์ร่วมสำนักเท่านั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...