ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2195

การที่หวังหานก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์ สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่าสถานการณ์ทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะไม่อยู่ในห้วงของการแย่งชิงอำนาจอีกต่อไป ขอเพียงหวังหานสามารถรวบรวมกำลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเอาไว้ได้ ย่อมมีความหวังที่จะสร้างความเจริญรุ่งเรืองได้ในอนาคต

“ฉู่ชิงหลิน…” หลี่ชิเย่ขานชื่อขึ้นมาช้าๆ

ฉู่ชิงหลินถึงกับตะลึงงันนิดหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าจะมีการขานชื่อของตน ก้าวไปข้างหน้าคุกเข่าก้มกราบกับพื้นและกล่าวว่า “ศิษย์อยู่นี่”

“ทวนราชันขวางตี้เล่มนี้มอบคืนให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง วันนี้มอบให้เจ้าเป็นผู้ใช้มัน หวังว่าเจ้าจะสามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด เกรียงไกรไปทั่วแดนสามเซียน” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ

เมื่อฉู่ชิงหลินได้รับทวนราชันขวางตี้แล้ว ถึงกับยืนงงงันอยู่ตรงนั้น มือทั้งสองข้างถือทวนราชันขวางตี้ ไม่อาจเรียกสติกลับมาได้

ความกรุณาเช่นนี้มาได้กะทันหันมาก เวลานี้นางยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นไม่อาจเรียกสติกลับมาอยู่นาน

ทวนราชันขวางตี้คืออาวุธบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับกระบี่เซียนพิโรธ แต่ก็มีฐานะที่สูงส่งที่สุด นับแต่อดีตกาลที่ผ่านมาผู้ที่ได้ครอบครองทวนราชันขวางตี้ลำพังคนเดียวมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง

มาวันนี้ หลี่ชิเย่ได้มอบทวนราชันขวางตี้ให้ฉู่ชิงหลินได้ใช้ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าเป็นการยืนยันถึงฐานะของนางในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง และเป็นการฝากความหวังที่สูงมากให้กับนาง

“ขอบคุณคุณชายที่ประทานให้…” ฉู่ชิงหลินก้มกราบกับพื้นด้วยท่าทีเคารพเลื่อมใส สยบทั้งกายและใจ ต่อหลี่ชิเย่โดยสิ้นเชิง

ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ไม่พอใจต่อการจัดการของหลี่ชิเย่ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าการจัดการในลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นั้นยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว

หลี่เชียนและสายพิทักษ์ของพวกเขาได้ครอบครองกระบี่เซียนพิโรธ เฝ้าปกป้องต้นกำเนิดสัจธรรม เฝ้าปกป้องระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

หวังหานถูกยกขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์ ซึ่งเป็นการยืนยันว่าอำนาจในมือของนางไม่เป็นที่กังขา ซึ่งเป็นการกวาดล้างสิ่งกีดขวางต่อการพัฒนาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่ให้เจริญรุ่งเรืองของนางให้ราบเรียบ ทำให้นางมีอำนาจอย่างเพียงพอที่จะไปรวบรวมกำลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

ฉู่ชิงหลินในฐานะที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ในฐานะที่เป็นบุคคลอันดับหนึ่งของกลุ่มคนรุ่นใหม่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เมื่อนางได้รับการมอบทวนราชันขวางตี้ ย่อมเป็นการบ่งบอกถึงการฝากความหวังที่สูงมากกับนางของหลี่ชิเย่ คาดหวังว่านางสามารถก้าวสู่ราชันแท้จริงในอนาคต

เมื่อเป็นเช่นนี้ มีหวังหานคอยจัดการเรื่องราวต่างๆ ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ฉู่ชิงหลินก็สามารถทุ่มเทกำลังอย่างสุดความสามารถไปกับการฝึกวิชา หากมีสักวันนางบรรลุสัจธรรมได้เป็นราชันแท้จริง เช่นนั้นแล้ว นางก็จะกลายเป็นปราการหลังที่แข็งแกร่งให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ซึ่งจะเป็นการทำให้การสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมีรับประกันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ผู้เฒ่ากำแหงเป็นปฐมบรรพบุรุษที่สูงสุดคนหนึ่ง เขาก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในแดนลัทธิเซียน ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าในบรรดาปฐมบรรพบุรุษนับแต่อดีตกาลเป็นต้นมาเขานั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใด และปราศจากผู้ต่อกรเช่นใด

อาจกล่าวได้ว่า อาวุธบรรพบุรุษที่ผู้เฒ่ากำแหงได้ทิ้งเอาไว้นั้น เมื่อเทียบกับเหล่าปฐมบรรพบุรุษที่ทำได้เพียงก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิขึ้นที่แดนลัทธิพรรษแล้วนับว่าแข็งแกร่งกว่ากันมากยิ่ง และมีคุณค่ามากกว่า

ไม่ว่าจะเป็นทวนราชันขวางตี้ หรือกระบี่เซียนพิโรธหลี่ชิเย่ก็ไม่ได้อมเอาไว้คนเดียว สมควรทราบว่า กระบี่เซียนพิโรธยังเป็นสมบัติส่วนตัวของผู้เฒ่ากำแหงอีกด้วย เขาไม่ได้ทิ้งเอาไว้ให้กับลูกหลานด้วยซ้ำ

เกรงว่าถ้าหากหลี่ชิเย่จะยึดเอาทวนราชันขวางตี้กับกระบี่เซียนพิโรธมาเป็นของตนก็คงไม่มีใครกล้าพูดอะไร แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับไม่ได้นำยึดเอาอาวุธบรรพบุรุษทั้งสองมาเป็นของตนคนเดียว เขายังคงให้อาวุธบรรพบุรุษทั้งสองคงอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

สิ่งนี้นับว่าหลี่ชิเย่ได้ทำความดีให้กับผู้เฒ่ากำแหงเรื่องหนึ่ง แม้จะกล่าวว่าผู้เฒ่ากำแหงได้ทำเรื่องที่บ้าบิ่นหลายเรื่องในภายหลังก็ตาม แต่สำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้ว ยังคงเป็นสิ่งที่เขาให้ความห่วงใยอยู่ในใจ หาไม่แล้วเขาก็คงไม่สิ้นเปลืองกำลังกายใจมากมายไปกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเช่นนี้

ด้วยเหตุนี้เอง การที่หลี่ชิเย่คงอาวุธบรรพบุรุษสองชิ้นไว้ นับว่าเป็นการชดเชยให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ทำให้ตาเฒ่าได้หมดความกังวลไปบ้าง จะอย่างไรเสียหากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังคงเสื่อมลงเช่นนี้เรื่อยๆ เกรงว่าอีกไม่กี่ยุคก็คงกลายเป็นเถ้าธุลีไป ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงคงจะกลายเป็นที่ดินที่รกร้างว่างเปล่าจนสิ้น

“เอาล่ะ มาจากทางไหนก็กลับไปทางนั้นก็แล้วกัน” สุดท้าย หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ กล่าวขึ้นมาช้าๆ กับทุกคน

แม้จะเป็นเช่นนี้ เมื่อทุกกคนได้สติกลับมายังคงแสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่อีก ศิษย์ที่มาจากทั่วทุกสารทิศของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังคงอาลัยอาวรณ์ไม่อยากไปจาก เนื่องจากได้เฝ้าในครั้งนี้แล้ว เกรงว่าหลังจากนี้พวกเขาคิดจะได้พบบรรพบุรุษเช่นนี้ก็คงยากแล้ว

ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่พลันเพ่งตรงไปข้างหน้า ร่างของเขาแวบหนึ่งก็หายไปในพริบตา ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมาหลี่ชิเย่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกคนต่างไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่ไปที่ใด

ในเสี้ยววินาทีนี้เองหลี่ชิเย่ได้ก้าวข้ามไปยังบริเวณลึกเข้าไปแนวเทือกเขาของเขาฟันหลอ พลันตรงเข้าไปถึงบริเวณส่วนลึกของฐานเต๋า หลี่ชิเย่รอดผ่านไปตามใต้พื้นดิน จากการก้าวเดินของเขาได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมาไม่ขาดสาย

มองเห็นรอบๆ ตัวของหลี่ชิเย่ล้วนแล้วแต่ปรากฏเป็นลวดลายเต๋าสีทองเป็นเส้นๆ โดยลวดลายเต๋าสีทองที่เป็นเส้นๆ นี้คล้ายดั่งเป็นของเหลวทองคำอย่างนั้น ขณะที่ลวดลายเต๋าที่ดุจดั่งของเหลวทองคำแต่ละเส้นที่ไหลไปตามการเคลื่อนที่ของหลี่ชิเย่นั้น ลวดลายเต๋าแต่ละเส้นที่ถักทอเข้าด้วยกัน เสมือนหนึ่งได้ทำให้โลกใต้พิภพกลายเป็นกรงขังอย่างนั้น

ภายในระยะเวลาอันสั้น หลี่ชิเย่ได้ก้าวข้ามเส้นชีพจรใหญ่ของเขาฟันหลอไปกว่าค่อน ก้าวเข้าไปในเหวลึกแห่งหนึ่ง มันเป็นห้องศิลาที่มีขนาดเล็กมาก ห้องศิลาขนาดเล็กๆ นี้ถูกซ่อนเร้นเอาไว้ด้วยกฎเกณฑ์ที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่ง กฎเกณฑ์ลักษณะเช่นนี้หาใช่เกิดจากฝีมือของปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่งคนใด หรือฝีมือของผู้ยิ่งใหญ่คนใด มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล