อักขระยันต์ที่อยู่บนผนังหินนั้นเก่าแก่โบราณจนไม่สามารถไล่ย้อนขึ้นไปถึง เหมือนว่ามันดำรงอยู่เช่นนี้มาตั้งแต่ก่อนยุคดึกดำบรรพ์เสียอีก แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม ยังคงไม่สามารถทำลายมันให้เลือนหายไปได้
อักขระยันต์นี้ได้บันทึกเรื่องราวต่างๆ เอาไว้มากมาย เกี่ยวพันไปถึงความลับที่ลึกซึ้งจำนวนมากที่ผู้คนไม่เคยรับรู้มาก่อน เป็นต้นว่าเรื่องอายุวัฒนะ เรื่องต้นกำเนิดที่ดึกดำบรรพ์ ประวัติความเป็นมาของสุดปลายทางของโลก…
หลี่ชิเย่พิจารณาอักขระยันต์ที่อยู่บนผนังหินอย่างละเอียด และทำความเข้าใจมันเป็นเรื่องๆ ภายในใจของหลี่ชิเย่อดที่จะยินดีไม่ได้หลังจากที่ได้เห็นอักขระยันต์เหล่านี้แล้ว เนื่องจากอักขระยันต์ที่อยู่บนผนังหินได้เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปตามการจินตนาการที่มีอยู่ในใจของเขา
นับตั้งแต่ยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์ที่ยาวนานมากเป็นต้นมา กระทั่งนับตั้งแต่ฟ้าดินเพิ่งแยกออกเป็นสอง แต่ละยุคสมัยที่สับเปลี่ยนหมุนวน แต่ละยุคสมัยที่ถูกทำลาย เคยมีผู้ที่โชคดีรอดมาได้ เคยมีผู้ที่ก้าวข้ามไป และเคยมีผู้ที่ต่อสู้แล้วต่อสู้อีก…
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้างหลังก็ได้ซ่อนความลับที่สุดยอดเอาไว้ ข้างหลังล้วนแล้วแต่มีความสยองขวัญที่ผู้คนไม่รู้ และความชั่วร้ายที่คนอื่นไม่รู้
กระทั่งกล่าวได้ว่า เหนือศีรษะของสรรพสัตว์ในทุกยุคทุกสมัยล้วนแล้วแต่มีดวงตาอยู่คู่หนึ่งที่จับจ้องอยู่ แต่ทว่า ดวงตาคู่นี้ไม่แน่เสมอไปว่าเป็นสวรรค์! นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด
เพียงแต่ผู้ที่รับรู้ถึงความลับที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีอยู่น้อยมาก ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้ถึงเบื้องหลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ผู้ที่รับรู้ถึงเบื้องหลังของความลับที่น่ากลัวเช่นนี้ ถ้าไม่ตายในสนามรบที่ห่างไกล ไม่ก็หนีไปให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว และหรือหดหัวอยู่ในกระดองหันไปรับใช้ความชั่วร้าย…
“ข้ามาแล้วสำหรับยุคสมัยนี้ ข้าก็จะสู้รบให้ถึงที่สุด สู้แล้วสู้อีก ใครก็ขวางข้าไม่ได้ ข้าจะต้องสู้ให้ได้มาซึ่งท้องฟ้าที่แจ่มใส!” ในที่สุดได้ทำความเข้าใจกับอักขระยันต์ทั้งหมดที่อยู่บนผนังหินจนสิ้นแล้ว หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มจางๆ ออกมา
ในขณะที่หลี่ชิเย่มองดูอักขระยันต์ที่อยู่บนผนังหินอยู่นั้น ต้นไม้แก่ที่ไม่สมบูรณ์ต้นนั้นก็ไม่ได้หนีไปไหน ความจริงแล้วการที่หลี่ชิเย่อาศัยของเหลวทองคำจากน้ำเต้าสุริยันปิดกั้นห้องศิลาทั้งห้องเอาไว้ มันคิดจะหนีไปก็ใช่เป็นเรื่องง่ายดาย อันดับแรกจะต้องล้มหลี่ชิเย่ลงให้ได้เสียก่อน มันจึงสามารถหนีไปได้
ขณะที่หลี่ชิเย่มองดูอักขระยันต์ที่อยู่บนผนังหินนั้น ต้นไม้แก่ที่ไม่สมบูรณ์ต้นนี้กลับมองที่ตัวของหลี่ชิเย่ มันพิจารณาครุ่นคิดตัวของหลี่ชิเย่อย่างละเอียด เหมือนว่าต้องการมองดูหลี่ชิเย่ให้ทะลุปรุโปร่งอย่างนั้น
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ในที่สุดหลี่ชิเย่ได้ละสายตาจากอักขระยันต์ที่อยู่บนผนัง เขามองดูต้นไม้แก่ที่ไม่สมบูรณ์แล้วหัวเราะกล่าวว่า “เจ้าจะตามข้าไปด้วยความสมัครใจ หรือคิดจะทำอย่างไร?”
ต้นไม้แก่จ้องมองหลี่ชิเย่แล้วส่ายหัว แม้ว่ามันจะพูดไม่ได้ แต่ว่ามันสามารถฟังรู้คำพูดของหลี่ชิเย่
“ข้าเป็นคนที่มีความเมตตายิ่งคนหนึ่ง ไม่ฝืนบังคับคนอื่น แต่ว่า ถ้าหากจำเป็นขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ คล้อยตามข้าอยู่ ขัดขืนข้าม้วย” หลี่ชิเย่ยิ้มแต้และกล่าวว่า “เกิดข้าร้ายขึ้นมาล่ะก็ ข้าจะจับเจ้าตุ๋นให้เป็นครีมอายุวัฒนะสักเตาหนึ่ง เจ้าว่ามันจะเป็นอย่างไรกันนะ? แม้ว่าออกจะเป็นการสิ้นเปลืองไม่รู้จักทะนุถนอม แต่เมื่อถึงคราวจำเป็น ข้ายังคงยินดีที่จะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว”
ต้นไม้แก่ฟังออกว่าหลี่ชิเย่หมายถึงอะไร และเข้าใจในการข่มขู่ของหลี่ชิเย่ แม้ว่ามันจะพูดไม่ได้แต่มันก็ยังส่ายหัว ย่อมไม่ต้องสงสัยว่ามันไม่ต้องการติดตามเขาไป
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ของระดับเซียนเช่นนี้ในเมื่อข้าได้มาพบเข้าแล้ว มีรึที่จะปล่อยไป ในเมื่อเจ้าไม่ยอมข้าได้แต่ใช้กำลังแล้ว” กล่าวพลางถลกแขนเสื้อขึ้น ท่าทางเหมือนคันไม้คันมืออยากลองเต็มแก่แล้ว ท่าทางคล้ายต้องการเข้าไปอัดมันอย่างนั้น
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อหลี่ชิเย่จะใช้กำลัง เจ้าต้นไม้แก่ที่ไม่สมบูรณ์ต้นนี้พลันปรากฎประกายที่แผ่ออกมาทั่วตัว ประกายแต่ละสายบานเบ่ง โดยแต่ละสายก็จะบานเบ่งและกลายเป็นอาวุธเซียนชิ้นหนึ่ง มีขวานเซียน มีกระบี่เซียน มีกระบองเซียน…อาวุธเซียนทุกชิ้นล้วนแล้วแต่มีพลังที่น่ากลัวยิ่ง เหมือนว่าอาวุธเซียนทุกชิ้นที่สำแดงออกมาล้วนแล้วแต่สามารถทำลายฟ้าดินได้อย่างนั้น
ด้วยพลังอาวุธเซียนทุกชิ้นที่สำแดงออกมา ต่อให้เป็นเทพแท้จริงก็ต้องสั่นเทา เรียกได้ว่าต้นไม้แก่ต้นนี้ตัวมันเองก็มีพลังที่กล้าแข็งปราศจากผู้ต่อกรอยู่แล้ว สังหารเทพก็หาใช่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
ย่อมไม่เป็นที่สงสัย หากหลี่ชิเย่คิดจะใช้กำลังล่ะก็ ต้นไม้แก่ที่ไม่สมบูรณ์ต้นนี้ก็จะสู้อย่างดุเดือดจนถึงที่สุด ต่อให้ต้องสู้จนตัวตายมันก็จะไม่ติดตามหลี่ชิเย่ไปจากที่นี่
“นับว่าแข็งแกร่งโดยแท้” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขณะมองดูต้นไม้แก่ที่ไม่สมบูรณ์ต้นนี้ และกล่าวว่า “น่าเสียดาย เจ้าในเวลานี้แค่อยู่ไปวันๆ เท่านั้นเองและไม่สมบูรณ์ ถ้าหากเจ้ามีความสมบูรณ์ล่ะก็จะต้องหนีจากเงื้อมมือข้าไปได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าใครก็ยากจะจับตัวเจ้าได้ แต่ว่า เวลานี้หากเจ้าคิดจะหนีจากเงื้อมมือของข้าล่ะก็ มันเป็นความเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อน”
ต้นไม้แก่เพียงจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ประกายที่เปล่งออกมาจากตัวของมันสว่างไสวมากกว่าเดิมและดูแหลมคมยิ่งนัก เหมือนว่าสามารถแทงทะลุทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก แม้ว่ามันจะพูดไม่ได้ แต่ท่าทีของเขาเช่นนี้เป็นการอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา มองดูท่าทางของต้นไม้แก่ที่เหมือนพร้อมสู้ตายอย่างนั้น ส่ายหน้าและกล่าวว่า “แค่ล้อเล่นกับเจ้าเท่านั้นเอง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องติดตามข้าไปอยู่แล้ว”
กล่าวขาดคำ หลี่ชิเย่ได้หยิบเอากล่องไม้ออกมาใบหนึ่ง กล่องไม้ใบนี้แลดูงดงามเรียบง่ายแบบโบราณ อีกทั้งกล่องไม้ใบนี้ถูกคนลูบคลำจนดูแวววาว ย่อมไม่ต้องสงสัยว่านี่คือกล่องไม้ที่มีค่ายิ่งใบหนึ่ง มิฉะนั้นแล้วคงไม่ถูกผู้คนนำเอามาลูบคลำอยู่เสมอๆ
หลี่ชิเย่เปิดกล่องไม้ใบนี้ออกมา ฉับพลันปรากฏประกายเซียนที่วูบวาบ เขามองดูสิ่งที่อยู่ในกล่องไม้แล้วถึงกับทอดถอนใจออกมาว่า “ตาเฒ่านี้ล่ะนะ เป็นการขุดหลุมให้ข้ากระโดดลงไปนะเนี่ย แม้รู้อยู่แล้วว่าเป็นหลุม แต่ยังคงทำให้คนอดที่จะไปสืบค้นไม่ได้ นี่มันคือหลุมพรางที่ไม่สามารถแก้ได้เลยนะเนี่ย”
กล่องไม้ที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่นั้นก็คือของขวัญที่ผู้เฒ่าลึกลับจากห้างเจียวเหิงมอบให้กับหลี่ชิเย่นั่นเอง หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้รับกล่องไม้ใบนี้มาแล้ว ได้เคยพิจารณาสิ่งที่อยู่ภายในกล่องใบนี้อย่างพินิจพิเคราะห์ เขารู้ว่าการที่ผู้เฒ่าลึกลับมอบกล่องใบนี้ให้กับเขาจะต้องมีความหมายที่ลึกซึ้งแน่นอน อีกทั้งสิ่งนี้คือหลุมๆ หนึ่ง แต่ทว่าแม้หลี่ชิเย่จะรู้อยู่แล้วว่ามันคือหลุมก็ยังคงกระโดดลงไป เนื่องจากสิ่งของที่อยู่ในนั้นมันคุ้มค่ากับการไปครุ่นคิดพินิจพิเคราะห์มากเหลือเกิน คุ้มค่าแก่การไปสืบค้นเหลือเกิน
หลี่ชิเย่ละสายตากลับมา เอากล่องไม้ให้ต้นไม้แก่ดู ยิ้มกล่าวว่า “ข้าเชื่อว่าเจ้าน่ะจดจำของสิ่งนี้ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...