ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2204

หลี่ชิเย่เพียงหัวเราะไปตามอารมณ์ และไม่ได้พูดอะไรมากความเท่านั้นเอง สำหรับการเจรจาสงบศึกของฟู่หนิวหมิงจู่

ครั้นหลี่เชียนเห็นหลี่ชิเย่ไม่พูดไม่จาจึงก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง หัวเราะเจื่อนๆ เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ท่านบรรพบุรุษ เรื่อง เรื่องนี้ ท่านเห็น ท่านเห็นว่าใช่สมควรผ่อนปรนสักนิดหนึ่งหรือไม่?”

กล่าวสำหรับหลี่เชียนแล้ว เขาย่อมคาดหวังให้เหตุการณ์ในครั้งนี้สามารถจบลงอย่างสันติ จะอย่างไรเสียคงมีสักวันไม่ช้าก็เร็วที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังคงต้องหลอมรวมเข้าไปอยู่ในแดนลัทธิพรรษอยู่แล้ว

กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้ว ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นใด พวกเขาก็ต้องก้าวออกไป หากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของพวกเขาคิดจะแข็งแกร่งต่อไป คิดจะทำให้เป้าหมายการก้าวสู่ความเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นความจริง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของพวกเขาจะทำอะไรโดยไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงเหมือนเช่นทุกวันนี้ไม่ได้ จะปิดสำนักเช่นนี้ตลอดไปไม่ได้ มิฉะนั้นล่ะก็ การที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงคิดจะผงาดขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นได้เพียงคำพูดที่เลื่อนลอยเท่านั้น

ในอนาคต หากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงคิดจะก้าวเดินออกไป คิดจะหลอมรวมเข้ากับแดนลัทธิพรรษ นอกเหนือจากตนเองต้องมีความแข็งแกร่งที่เพียงพอแล้ว ยังต้องมีสัมพันธ์ที่ดีกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ของแดนลัทธิพรรษในระดับหนึ่ง ต่อให้ไม่สามารถเป็นพันธมิตรกัน แต่ว่าก็ต้องไม่กลายเป็นศัตรูกับแดนลัทธิพรรษทั้งหมด

ถ้าหากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังคงแบกเอาชื่อของพรรคมารเอาไว้ต่อไปเหมือนดั่งเช่นในอดีต เกรงว่าจะต้องคงความเป็นศัตรูกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากในแดนลัทธิพรรษต่อไป

ด้วยเหตุนี้เอง หากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต้องการมีช่องว่างที่มากกว่านี้ หลี่เชียนในฐานะผู้นำของผู้พิทักษ์ เขาก็ต้องการผ่อนคลายความสัมพันธ์ระหว่างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง กับสำนักต่างๆ จำนวนมาก

เวลานี้หลี่ชิเย่สามารถเอาชนะกองทัพพันธมิตรได้แล้ว ด้วยการสังหารไพร่พลของกองทัพพันธมิตรรวดเดียวไปเสียส่วนใหญ่ เป็นการบ่งบอกว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมีความมั่นใจเช่นนี้ และบ่งบอกว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมีต้นทุนเพียงพอที่จะนั่งโต๊ะเจรจากับบรรดาสำนักต่างๆ ได้ และบรรลุผลในด้านการข่มขู่เป็นผลสำเร็จ

ถ้าหากในเวลานี้สามารถเจรจาสงบศึกกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากในแดนลัทธิพรรษได้ ด้วยการละเว้นชีวิตให้กับเหล่าบรรพบุรุษที่อยู่ตรงหน้า กล่าวสำหรับ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้ว นับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากอย่างยิ่ง

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ นิดหนึ่งตามอารมณ์สำหรับการร้องขอความเมตตาของหลี่เชียน กล่าวออกมาตามอารมณ์ว่า “ส่วนตัวของข้าเองอย่างไรก็ได้ไม่มีปัญหา ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกันหมื่นชาติมันก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บๆ เท่านั้นเอง”

หลี่เชียนถึงกับยิ้มเจื่อนๆ กับคำพูดที่อันธพาลปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นนี้ ซึ่งก็คงมีเพียงบรรพบุรุษเช่นนี้เท่านั้นที่พูดออกมาได้แล้ว

“ท่านบรรพบุรุษคือผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า” หลี่เชียนหัวเราะแห้งๆ แล้วรีบกล่าวต่อว่า “ท่านบรรพบุรุษไม่เคยหวาดหวั่นต่อผู้ใด เทียบชั้นปฐมบรรพบุรุษ…”

“เอาล่ะ หลี่เชียน เรื่องประจบสอพรอคงไม่ต้องแล้วล่ะ เจ้าไม่ใช่ผู้ชำนาญด้านการประจบ การประจบสอพรอของเจ้าดูจะแข็งไม่เป็นธรรมชาติ” หลี่ชิเย่หัวเราะกล่าวตัดบทของหลี่เชียน

คำพูดนี้สร้างความเคอะเขินให้กับหลี่เชียนเป็นยิ่งนัก หัวเราะเจื่อนๆ ถูมือไปมาและส่งเสียงเหอะ เหอะ เหอะออกมา

หลี่ชิเย่เหลือบมองหลี่เชียนทีหนึ่ง จากนั้นมองดูบรรดาระดับบรรพบุรุษที่ถูกพันธนาการเอาไว้นั่น ยิ้มแต้และกล่าวว่า “คนอย่างข้าโดยปรกติแล้วไม่ยอมรับการเจรจาสงบศึกกับใคร ในเมื่อมีคนยินดีก้าวออกมาขอเจรจาสงบศึกก็ต้องขึ้นอยู่กับความจริงใจของพวกเจ้าเองแล้ว”

“ทุกท่าน ในเมื่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจริงใจที่จะนั่งลงมาเจรจา พวกเราไหนเลยจะนั่งลงมาเจรจากันไม่ได้เล่า?” ฟู่หนิวหมิงจู่รีบพูดไกล่เกลี่ยขึ้นมาว่า “ทุกคนไม่มีความจำเป็นต้องนำเอาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิและสำนักของตนมาเดิมพันเข้าไปเพียงเพราะสามเทพเลือดกำแหงที่เป็นพวกชั่วร้ายที่หลงเหลืออยู่ ในเมื่อพวกชั่วร้ายที่หลงเหลือเหล่านี้ก็ถูกกำจัดไปแล้ว พวกเราสมควรขจัดตวามเข้าใจผิดซึ่งกันและกันจึงจะถูก”

“นั่นสิ นั่นสิ” ตันหวังที่อยู่ข้างๆ ก็รีบพูดสนับสนุนขึ้นมาว่า “ข้ามองว่าท่านผู้อาวุโสท่านนี้คือผู้บำเพ็ญเพียรที่สูงส่งปราศจากผู้เทียบเทียม เป็นผู้เยี่ยมยุทธ จะยอมให้มีคนชั่วร้ายอย่างสามเทพเลือดกำแหงไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกท่านต่างก็เป็นผู้มีความรู้ เป็นผู้บรรลุสัจธรรมที่สูงส่งทั้งสิ้น ใยจะต้องฆ่าฟันกันและกันต่อไปอีกเล่า มีเรื่องอะไรก็ให้นั่งลงแล้วคุยกันสิ”

เดิมชื่อเสียงของฟู่หนิวหมิงจู่ในแดนลัทธิพรรษก็สูงมากอยู่แล้ว มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากกับระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมาก และเนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง ครั้งนั้นเขาจึงสามารถรับหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงกับบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ จำนวนมาก

คำพูดของตันหวังก็มีน้ำหนักอย่างยิ่ง โดยเฉพาะยาเม็ดอายุวัฒนะที่เขาปรุงกลั่นขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดของแดนลัทธิพรรษ ไม่รู้ว่ามีระดับบรรพบุรุษจำนวนเท่าไรที่ต้องขอความช่วยเหลือต่อเขา แม้แต่ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะอมตะ ล้วนแล้วแต่มีโอกาสต้องขอความช่วยเหลือต่อเขา

ดังนั้น ในเมื่อเวลานี้ทั้งฟู่หนิวหมิงจู่และตันหวังต่างทยอยกันออกปาก มีแนวความคิดต้องการสงบศึก ทำให้บรรดาบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์และถูกพันธนาการเอาไว้ต่างก็สบตากันและกัน

แน่นอน ที่สำคัญมากกว่านี้ก็คือ ในเวลานี้บรรดาเหล่าบรรพบุรุษของกองทัพพันธมิตรต่างก็กลายเป็นนักโทษไปแล้ว ในขณะนี้หลี่ชิเย่เป็นผู้ที่มีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายอยู่ในมือ ถ้าหากพวกเขาไม่ยอมรับการเจรจาสงบศึก พวกเขาก็จะต้องถูกหลี่ชิเย่สังหาร

เวลานี้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขามีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น ไม่ก็ปฏิเสธการเจรจาสงบศึก แล้วถูกสังหารทิ้งไป ไม่ก็ยอมรับการเจรจาสงบศึก

“ฮึจับพวกเรามัดอยู่ตรงนี้ พูดได้อย่างไรว่านั่งลงเจรจากัน” เทพหมื่นกรส่งเสียงฮึเย็นชาออกมาสำหรับการเสนอเจรจาสงบศึกของตันหวัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล