“แคว้นว่านโซ่วของข้าก็ยินดีและยอมรับการเจรจาสงบศึก” เวลานี้ ระดับบรรพบุรุษอีกคนรีบเอ่ยขึ้นมา
“ข้าก็ยินดี” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษอย่างนักบวชหยางหมิง และจูเซียงหวู่ถิงก็ยอมอ่อนข้อแล้ว เวลานี้พวกเขาต่างก็กลายเป็นนักโทษของหลี่ชิเย่ เมื่อเป็นเช่นนี้บรรพบุรุษคนอื่นๆ ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องแข็งกร้าวให้ถึงที่สุด
“ต่อให้พวกเรายินดีและยอมรับเจรจาสงบศึกแล้ว แต่ทว่า ศิษย์ของพวกเราจำนวนหลายหมื่นคนก็ไม่ควรต้องเสียสละโดยเปล่าประโยชน์” สุดท้าย เทพหมื่นกรได้ส่งเสียงฮึเย็นชาและเอ่ยขึ้นเบาๆ
“พูดแบบนี้ ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็สามารถตายโดยไร้เหตุผลภายใต้คมดาบของพวกเจ้าแล้วสิ?” หลี่ชิเย่กล่าวยิ้มแต้ขึ้นมา
“เรื่อง เรื่องนี้อย่างน้อยก็ควรมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลให้กับพวกเรา” เวลานี้ เทพหมื่นกรคิดจะแข็งกร้าวก็ทำไม่ได้ คอของเขาก็ไม่ได้แกร่งมากไปกว่าดาบ หากทำให้หลี่ชิเย่โกรธขึ้นมา เขาก็จะตัดศีรษะของตนโดยตรง แต่ว่า เขาเองก็ยอมไม่ได้ที่จะต้องเลิกราเพียงเท่านี้
เขากล่าวว่า “ให้พวกเรากลับไปเช่นนี้ ชั่วดีอย่างไรระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพวกเจ้าก็ควรมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลให้กับบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากเหล่านั้น”
คำพูดของเทพหมื่นกรทำให้ผู้คนจำนวนมากเห็นพ้องด้วย ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ แม้จะกล่าวว่า พวกเขายอมอ่อนข้อให้ ยอมรับการเจรจาสงบศึก แต่ทว่า ชั่วดีอย่างไรระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ควรจะมีคำอธิบายที่เป็นทางการ มิฉะนั้นล่ะก็พวกเขากลับไปแล้วก็ยากจะอธิบายได้
“เรื่อง เรื่องนี้สามารถทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของทุกท่าน” หลังจากที่ฟู่หนิวหมิงจู่ทำท่าลังเลอยู่นิดหนึ่ง จึงกล่าวเสนอขึ้นมา
จะอย่างไรเสีย เมื่อพวกของนักบวชหยางหมิงกลับไปในลักษณะเช่นนี้รู้สึกเสียหน้า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสมควรแสดงท่าทีที่เป็นทางการสักหน่อย อย่างน้อยให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้จัดการกำจัดคนชั่วร้ายที่สร้างกระแสดูดเลือดซึ่งยังคงเหลืออยู่จนหมดสิ้นไปแล้ว
“ต้องการคำอธิบายใช่หรือไม่?” หลี่ชิเย่ยิ้มแต้และกล่าวว่า “ได้ ไม่มีปัญหา เมื่อถึงเวลานั้นแล้วข้าจะไประบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของพวกเจ้าสักครั้งหนึ่ง พอดีข้าจะไปเดินเล่นสักหน่อย”
“เรื่อง เรื่องเช่นนี้ไหนเลยต้องรบกวนท่านบรรพบุรุษ” หลี่เชียนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมากะทันหัน เมื่อได้ยินว่าหลี่ชิเย่จะไปด้วยตนเอง จึงรีบพูดขึ้นว่า “เรื่องเช่นนี้ให้ศิษย์ไปด้วยตนเองก็พอแล้ว ไม่ต้องให้ท่านบรรพบุรุษต้องลำบาก”
หลี่เชียนไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของหลี่ชิเย่ เนื่องจากในความคิดของเขาดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถขวางหลี่ชิเย่ได้อยู่แล้ว เขากลับจะเป็นกังวลในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเช่นจูเซียงหวู่ถิงอะไรเหล่านี้ เกิดหลี่ชิเย่ไปที่พรรคหยางหมิง หรือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงแล้วพูดไม่เข้าหู เขาก็จะทำการเข่นฆ่าอย่างไม่ยั้งล่ะก็มิแย่เลยรึ มันคือเลือดไหลนองหมื่นลี้ชัดๆ เลยนะ
“ไหนๆ ข้าก็ไม่มีธุระอะไร ไปก็ไป” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “วางใจเถอะ ข้าจะมีคำอธิบายให้กับพวกเจ้า ข้าจะไปด้วยตนเอง ถือว่าจริงใจมากพอแล้วกระมัง”
ยิ่งหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ยิ่งทำให้หลี่เชียนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนมากขึ้น แต่ทว่าเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรในเวลานี้ เรื่องที่หลี่ชิเย่ตัดสินใจแล้วเขาไม่กล้าคัดค้าน
ในเวลานี้ บรรดาบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองตากันและกัน ภายในใจของพวกเขารู้สึกไม่น่าเชื่อเป็นพิเศษ พวกเขาก็มองออกว่า หลี่ชิเย่คือผู้ควบคุมสถานการณ์โดยรวมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เขามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง
คนที่สามารถควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเช่นนี้ การรั้งอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนเองนั้นเป็นความได้เปรียบอย่างเด็ดขาด ลองนึกภาพดู ด้วยคนๆ เดียวสามารถควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด เท่ากับเป็นการยืนอยู่บนบนจุดที่ไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาด
เปลี่ยนเป็นใครก็ตาม ในเมื่ออยู่ในฐานะเจ้าบ้านแล้วมีความได้เปรียบที่เด็ดขาดเช่นนี้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะเที่ยวไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ได้ เมื่อเขาไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่น ไม่เพียงแต่สูญเสียความได้เปรียบที่เด็ดขาดในฐานะที่ตนเองเป็นเจ้าบ้าน อีกทั้งระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ก็ย่อมมีโอกาสใช้ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนมาปราบหลี่ชิเย่ได้
เป็นเหมือนดั่งที่หลี่เชียนได้พูดเอาไว้อย่างนั้น เรียกได้ว่าเรื่องเช่นนี้หลี่ชิเย่ไม่จำเป็นต้องไปด้วยตนเอง ให้หลี่เชียนไปก็ถือว่าได้ให้คำอธิยายให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแต่ละแห่งแล้ว จะอย่างไรเสียในฐานะความเป็นผู้นำของผู้พิทักษ์ นับว่าหลี่เชียนนั้นมีน้ำหนักอย่างเพียงพอแน่นอน
เวลานี้ หลี่ชิเย่บอกว่าจะไปที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของพวกเขาสักครั้งหนึ่ง กลับจะทำให้ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไรนัก ซึ่งจะไปโทษพวกเขาที่สงสัยก็ไม่ถูก เพราะการกระทำของหลี่ชิเย่ไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็นอย่างสิ้นเชิง
“ข้าสามารถรับประกันให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง” ฟู่หนิวหมิงจู่นับว่ามีคุณธรรมมากเป็นพิเศษ รีบตบอกและเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่ามีระดับบรรพบุรุษบางส่วนไม่เชื่อ
“ถ้าหากต้องการ ข้าเองก็ยินดีรับประกันให้” ตันหวังกล่าวขึ้นในทันที
แม้แต่ฟู่หนิวหมิงจู่กับตันหวังล้วนแล้วแต่ก้าวออกมาให้การรับประกันทุกคนยังจะพูดอะไรได้ ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่ไป นั่นหมายถึงระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสูญเสียความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงทั้งหมดโดยแท้จริงแล้ว
“ข้าไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว” เทพหมื่นกรได้แต่พูดออกมาด้วยความแค้นใจ เขาเองก็ไม่มีปัญญาไปตั้งเงื่อนไข เวลานี้หลี่ชิเย่ครองความได้เปรียบอย่างเด็ดขาด แน่นอนกล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ในอนาคตยังคงเปี่ยมด้วยความหวังและโอกาส ถ้าหากหลี่ชิเย่เดินทางออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจริงๆ
“เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าจะให้การรับประกันแบบไหนล่ะ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวตามอารมณ์ขึ้นมา
เมื่อหลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ ทำให้พวกของนักบวชหยางหมิงต่างสบตากันและกัน เวลานี้พวกเขาต่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี ฟู่หนิวหมิงจู่ก็ไม่กล้าตัดสินใจแทนพวกเขา
“ข้าสามารถให้การรับประกันได้ว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายไม่เกิดเหตุขัดแย้งไปอีกขั้น จะให้มีการดำเนินการตามข้อตกลงในครั้งนั้นต่อไป เหมือนเช่นเหตุโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอย่างกะทันหันจะไม่เกิดขึ้นมาอีก ถ้าหากท่านไม่เชื่อ ข้ายินดีให้ควบคุมตัวเอาไว้เป็นตัวประกัน แต่ ท่านจะต้องปล่อยทุกคนไป ไม่สร้างความลำบากใจให้กับผู้ใดผู้หนึ่ง” หลังจากที่นักบวชหยางหมิงลังเลอยู่นิดหนึ่ง สุดท้าย กัดฟันและกล่าวอย่างหนักแน่นจริงจังออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...