หวู่ปิงหนิงในฐานะตัวประกันถูกควบคุมตัวอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แต่ว่านางกลับไม่ได้รู้สึกว่าเหมือนดั่งตัวประกันที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเลย
ความจริงแล้ว นับตั้งแต่วันแรกที่นางรั้งอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง นางก็ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณแม้แต่น้อย หรือได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดี
ช่วงเวลาที่หวู่ปิงหนิงรั้งอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง บนตัวของนางทั้งไม่ได้ถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน และไม่ได้จับนางมาคุมขังเอาไว้เยี่ยงนักโทษ
กระทั่งกล่าวได้ว่า การรั้งอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของนางมีร่างกายที่อิสระอย่างเด็ด่ขาด นับแต่วันแรงที่นางรั้งอยู่ที่ตรงนี้ ก็ไม่เคยมีใครคอยเฝ้าจับตานาง และไม่เคยมีใครคนใดคนหนึ่งเคยกลั่นแกล้งนาง
การรั้งอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของนางคือแขก แต่ไม่ใช่ตัวประกัน
การรั้งอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของหวู่ปิงหนิงสามารถทำได้ถึงขั้นเข้าออกอย่างอิสระโดยสิ้นเชิง อีกทั้งนางอยากจะไปที่ใดก็จะไม่มีใครคอยติดตามอยู่ข้างกาย ซึ่งทำให้นางรู้สึกสงสัยในหลี่ชิเย่ว่ามีแผนการอะไรในตัวของนางหรือไม่อย่างไร
ทว่าเมื่อนึกดูให้ละเอียดแล้วก็รู้สึกว่าไม่ค่อยจะมีความเป็นไปได้ เวลานี้นางตกอยู่ในกำมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงโดยสิ้นเชิงแล้ว ถ้าหากหลี่ชิเย่มีแผนการกับนางล่ะก็ เกรงว่าคงลงมือไปนานแล้วไม่จำเป็นต้องวางแผนระยะยาวถึงเพียงนี้
ดังนั้น การรั้งอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของหวู่ปิงหนิงเสมือนดั่งมาอยู่ในฐานะของแขกโดยสิ้นเชิง มีความเป็นอิสระเสรี กระทั่งนางคิดจะทำอะไรก็ไม่มีผู้ใดมายุ่งเกี่ยวกับนาง ซึ่งสิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับหวู่ปิงหนิงเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน หวู่ปิงหนิงก็รู้สึกว่าหลี่ชิเย่ออกจะมั่นใจตนเองมากเกินไปแล้วกระมัง ถึงกับเอาศัตรูเช่นนางรั้งอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ปล่อยปละละเลยต่อนาง โดยไม่ได้ไปจำกัดการกระทำใดๆ ของนางทั้งสิ้น
เนื่องเพราะความเป็นอิสระเสรีในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนี้เอง กระทั่งเรียกได้ว่าตัวประกันอย่างนางไม่ได้มีความทุกข์ใจเลยแม้แต่น้อยขณะอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง กล่าวคืออ้าปากเมื่อข้าวมา ยืนมือออกเมื่อเสื้อมา มีความเป็นอยู่โดยที่ไม่ต้องทำงานทำการอะไร กินแล้วก็นอน เสพสุขยิ่งนักไร้ซึ่งความกังวลใดๆ
ลักษณะเช่นนี้ทำให้หวู่ปิงหนิงกำลังคิดว่า ช่วงเวลาที่อยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่ได้แย่ไปกว่าขณะอยู่ที่จูเซียงหวู่ถิงเลยนี่ ถึงกับมีความรู้สึกว่าการรั้งอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต่อไปนับว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยจริงๆ
ตัวของหวู่ปิงหนิงนั้นคือผู้สืบทอดของจูเซียงหวู่ถิง และคือศิษย์ระดับอัจฉริยะบุคคลของจูเซียงหวู่ถิง กล่าวได้ว่าได้รับความรักและโปรดปรานทั้งหมดบนตัวของนางคนเดียว แต่ในระยะหลังกล่าวสำหรับนางแล้ว นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่สู้จะสมปรารถนาสักเท่าไร ดังนั้น เวลานี้นางจึงกำลังคิดว่า การเป็นตัวประกันในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ไม่มีอะไรที่มันไม่ดีตรงไหน
แม้จะกล่าวว่า การที่หวู่ปิงหนิงมาเป็นตัวประกันในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะไม่มีใครไปจำกัดนาง นางสามารถไปมาอย่างเป็นอิสระ ไม่มีใครคอยควบคุมนาง แต่ว่านางไม่เคยคิดที่จะหนีไปเลย
หวู่ปิงหนิงเองก็ไม่โง่ นางรู้ว่าหลี่ชิเย่ในฐานะเป็นผู้สามารควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรม ในแผ่นดินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเขามีความสามารถในการควบคุมที่เด็ดขาด ถ้าหากคิดจะหนีจากหลี่ชิเย่ไปแบบต่อหน้าต่อตา หรือเล่นตุกติกอะไรล่ะก็ หาใช่การกระทำที่ชาญฉลาดอย่างแน่นอน ไม่แน่นักอาจทำให้เขาโกรธขึ้นมาจริงๆ คนวิปริตเช่นนี้อาจทำเรื่องที่วิปริตขึ้นมาจริงๆ ก็เป็นได้
อีกอย่าง หวู่ปิงหนิงรู้สึกว่าเวลานี้การรั้งอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของนางไม่มีอะไรเสียหาย ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ นางจึงไม่มีความจำเป็นต้องหลบหนี
แต่ว่า เมื่อวันเวลาผ่านไปช่วงหนึ่งแล้ว หวู่ปิงหนิงยังคงพักอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอย่างอิสระเสรี ซึ่งนับเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งสำหรับนาง แต่นางกลับรู้สึกไม่ค่อยจะพอใจเสียแล้ว
เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านไป นางไม่เคยได้พบแม้แต่เงาของหลี่ชิเย่ และภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเองก็ไม่มีใครสักคนมายุ่งเกี่ยวกับนาง เหมือนว่านางถูกลืมเลือนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
หวู่ปิงหนิงได้รับการยกย่องจากผู้คนว่าเป็น ‘เทพสงครามหญิงแห่งจูเซียง’ ต่อให้นางมีปณิธานมากกว่านี้ แต่ภายในใจนั้นจะมากหรือน้อยก็มีความภาคภูมิใจเล็กๆ อยู่
แม้ว่าเวลานี้นางพักอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะมีคนคอยปรนนิบัติดื่มกินอยู่ แต่กลับเหมือนว่าถูกหลี่ชิเย่ลืมเลือนไปแล้วโดยสิ้นเชิง ไม่มีผู้ใดถามถึงเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของนาง แน่นอนที่สุดนางที่มีความภูมิใจเล็กๆ ย่อมรู้สึกไม่ค่อยจะสบายใจนัก ชั่วดีอย่างไรนางก็เป็นคนๆ หนึ่ง
ในขณะที่ภายในใจของหวู่ปิงหนิงบังเกิดอารมณ์เคียดแค้นเล็กๆ ขึ้นมานั้น ก็เป็นจังหวะเดียวกันที่รอจนหลี่ชิเย่ได้เรียกพบนางพอดี
เมื่อหวู่ปิงหนิงได้ยินว่าหลี่ชิเย่ต้องการพบนางนั้น แม้ว่าจะส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา แม้จะทำวางมาดเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วรู้สึกสบายใจอยู่ไม่น้อย
หลี่ชิเย่เรียกพบหวู่ปิงหนิงที่ตำหนักใหญ่ ขณะที่หวู่ปิงหนิงได้พบกับหลี่ชิเย่นั้น มองเห็นหลี่ชิเย่อยู่ในท่าครึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทีที่สบายอย่างบอกไม่ถูก และพึงพอใจอย่างยิ่ง
มองเห็นหลี่ชิเย่ในเวลานี้กึ่งนอนอยู่บนตัวของหวังหาน หัวหนุนอยู่บนขาของนางดูเสพสุขยิ่งนัก มือขาวๆ ของหวังหานนำเอาผลที่ปอกเปลือกแล้วโน้มตัวเบาๆ ป้อนเข้าไปในปากของเขา ระหว่างการนโน้มตัวทุกครั้งอกเต่งของนางก็จะแนบชิดอยู่บนใบหน้าของเขา จนใบหน้าของเขาจมมิดอยู่ท่ามกลางอกอวบนั่น
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง จูซือจิ้งทำการทุบคลายเส้นให้กับขาของเขาด้วยท่าทางที่อ่อนโยนอย่างยิ่ง และเอาอกเอาใจยิ่ง
นอกจากนี้ ฉู่ชิงหลินก็อยู่ด้วย มองเห็นฉู่ชิงหลินในมือถือประวัติศาสตร์โบราณเล่มหนึ่ง อ่านเบาๆ และช้าๆ ให้หลี่ชิเย่ฟัง ทุกครั้งที่จบหน้าหนึ่งก็จะชะลอนิดหนึ่ง ดูเป็นจังหวะจะโคนอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนไม่ต้องการทำลายบรรยากาศที่กำลังเสพสุขและสบายใจยิ่งเช่นนี้
หลี่ชิเย่นอนหลับตาพักผ่อนกายาอยู่ตรงนัน กินผลไม้ที่ป้อนมาให้ นอนฟังประวัติศาสตร์โบราณ เสมือนดั่งจิตใจกำลังอยู่ในขั้นว่างเปล่า ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้อย่างนั้น
หวังหานคือกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ขณะที่ฉู่ชิงหลินคือผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงคงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ได้รับการปรนนิบัติเช่นนี้แล้ว
เมื่อหวู่ปิงหนิงมองเห็นท่าทางของหลี่ชิเย่ที่ดูเหมือนกำลังเสพสุขยิ่งนั้น ถึงกับส่งเสียงฮึอยู่ในใจเบาๆ และกระซิบเบาๆ ว่าชั้นต่ำ…
แม้ว่าหวู่ปิงหนิงจะมาถึงแล้ว แต่หลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งหลับลึกไปแล้วจึงไม่มีใครกล้ารบกวนเขา หวู่ปิงหนิงเองก็ต้องนั่งรอแต่โดยดีอยู่ตรงนั้น ทำให้ในใจของนางมีเคืองอยู่บ้าง แต่ก็จนด้วยเกล้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...