หวู่ปิงหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาแล้วจ้องมองหลี่ชิเย่ และกล่าวเย็นชาขึ้นมาว่า “ไม่กล้ารบกวนให้เจ้าคุ้มครอง รอให้ข้าได้รับอิสระแล้วกลับไปเองก็ได้”
“อย่างนั้นรึ?” ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่เผยให้เห็นรอยยิ้มเต็มที่ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เผื่อว่าเจ้าเกิดเรื่องขึ้นมา มิทำให้ข้าไม่สามารถอธิบายต่อจูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้า ข้ายังคงส่งมอบตัวเจ้าให้จูเซียงหวู่ถิงกับมือของข้าเองจึงจะวางใจ”
“ฮึ แสแสร้ง” หวู่ปิงหนิงมองหน้าหลี่ชิเย่อย่างเย็นชาและส่งเสียงฮึอย่างไม่พอใจ
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมาขณะมองดูท่าทางของหวู่ปิงหนิงที่มีความภาคภูมิใจตัวเองอยู่บ้าง และเย็นชา ยิ้มกล่าวว่า “นังหนู แค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง แต่ว่า จูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้าก็นับเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอันดับต้นๆ ของแดนลัทธิพรรษ ความกล้าแข็งด้านกำลังคงไม่ต้องกล่าวมากความ แต่เจ้ากลับเลือกที่จะหลบหนีมาที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของข้า ยอมเป็นตัวประกัน นี่แหละเป็นเรื่องที่น่าสนใจแล้ว”
“บอกได้แต่เพียงจินตนาการของเจ้ามีมากเท่านั้นเอง เรื่องที่ไร้สาระก็คิดขึ้นมาได้” หวู่ปิงหนิงกล่าวเย็นชาออกมา ไม่ยอมรับในคำพูดของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว
สายตาของหลี่ชิเย่พลันเพ่งตรงไปข้างหน้า และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “นังหนู คนอย่างข้ามีความเคยชินอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ชอบให้ใครมาเล่นลูกไม้ต่อหน้าข้า เจ้ารู้หรือไม่”
หวู่ปิงหนิงส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา และไม่อยากพูดอะไรให้มากความอีก
หลี่ชิเย่จ้องมองไปที่หวู่ปิงหนิง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นังหนู ข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความยุ่งยากของผู้อื่น ถ้าหากเจ้าอยากจะพูดอะไร ถือโอกาสบอกข้าในตอนนี้ได้”
“ข้าไม่มีอะไรจะพูด ในเมื่อข้าเป็นตัวประกันของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพวกเจ้า อยากฆ่าอยากแกงก็สุดแล้วแต่เจ้า” หวู่ปิงหนิงส่งเสียงฮึออกมาเบาๆ ยังคงมีความภูมิใจในตัวเองอยู่บ้าง
“ถ้าหากข้าต้องการให้ใครสักคนพูดความจริงกับข้าล่ะก็ ข้ามีร้อยแปดพันเก้าวิธี กระทั่งข้าสามารถทำให้เจ้าสยบให้กับข้าตลอดกาล” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า “เพียงแต่คนอย่างข้าเป็นคนที่รักสันติ ไม่ชอบวิธีการที่ใช้กำลังมากเกินไปเท่านั้น เจ้าสมควรเข้าใจ ถ้าหากเวลานี้ข้าต้องการให้เจ้าพูดความจริงออกมา มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก”
“อวดดี” หวู่ปิงหนิงย่อมไม่เชื่อในคำพูดของหลี่ชิเย่ หากคนอย่างเขาไม่ชอบความรุนแรงล่ะก็ คงไม่มีใครที่ชอบความรุนแรงอีกแล้ว คนที่ไม่ทันใดก็เข่นฆ่าคนเป็นพันเป็นหมี่นถึงกับพูดว่าตนเองนั้นไม่ชอบความรุนแรง นางคงไม่เชื่อคำพูดบ้าๆ นี้อยู่แล้ว
“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า ข้าสามารถลบความทรงจำทุกอย่างของเจ้าออกไป ทำให้เจ้ากลายเป็นทาสสาวของข้า!”
หวู่ปิงหนิงยังคงมีความเป็นผู้ที่ภูมิใจในตนเองอยู่หลายส่วนเช่นนั้น ดวงตาทั้งสองที่เพ่งสมาธิไปข้างหน้า และกล่าวว่า “มีฝีมืออะไรก็สำแดงออกมาให้หมด หากข้าขมวดคิ้วนิดหนึ่งก็ไม่ใช่ศิษย์ของจูเซียงหวู่ถิง!” หวู่ปิงหนิงนับว่าหยิ่งยโส แอ่นอกขึ้น แล้วกล่าวน่าเกรงขามว่า “หากเจ้าทำไม่ได้ก็คือ…ไม่เก่งจริง!…”
“นังหนูที่หยิ่งยโสยิ่งนัก ดีมาก ข้ากลับรู้สึกสนใจอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา ในพริบตาเดียวนั้นเอง มือใหญ่ของเขากางออก
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวนั้นเองหวู่ปิงหนิงคิดจะขัดขืนแต่สายไปเสียแล้ว อีกทั้งก็ไม่อนุญาตให้นางได้ขัดขืน ฉับพลันที่มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่กางออกก็ได้ทำการพันธนาการนางเอาไว้แล้ว พลังสัจธรรมที่น่าเกรงขามและปราศจากผู้ต่อกรพลันสยบนางเอาไว้ ต่อให้นางขัดขืนสุดกำลังมันก็แค่เสียแรงเปล่าเท่านั้นเอง
ร่างของหวู่ปิงหนิงพลัยลอยขึ้นมา และไปตกอยู่ตรงด้านหน้าของหลี่ชิเย่ กึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของหลี่ชิเย่ แม้ว่านางพยายามที่จะลุกขึ้นยืนแต่ไร้ประโยชน์
“จ้องตาข้า…” นาทีนี้คำพูดของหลี่ชิเย่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ เสมือนดั่งเปี่ยมด้วยแรงดึงดูดอย่างนั้น
นาทีนี้ หวู่ปิงหนิงเงยหน้าขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมตนเองได้ จ้องมองดูดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ ในเวลานี้คู่สายตาของหลี่ชิเย่ พลันกลายเป็นลึกล้ำอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยพลังดึงดูด เสมือนดั่งดูดเอาวิญญาณผู้คนไปโดยพลัน ทำให้ผู้คนดั่งแมงเม่าบินเข้ากองไฟอย่างนั้น อดที่จะพุ่งเข้าไปไม่ได้
นาทีนี้ ร่างของหวู่ปิงหนิงเสมือนหนึ่งถูกดวงตาคู่นั้นของหลี่ชิเย่ดูดเข้าไปอย่างนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ทะเลแห่งความรู้ของนางคล้ายถูกทำให้ระเบิดขึ้นอย่างนั้น
เพียงชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง หวู่ปิงหนิงเสมือนหนึ่งได้เข้าสู่โลกของหลี่ชิเย่ไปอย่างนั้น และคล้ายตัวเองถูกหลี่ชิเย่หลอมละลายอย่างนั้น
ในเวลานี้หวู่ปิงหนิงไม่รู้ว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ในโลกของหลี่ชิเย่ หรือว่าอาศัยมุมมองของหลี่ชิเย่ไปก้มมองโลกใบนี้กันแน่ ไล่ย้อนกลับไปบยสายน้ำแห่งกาลเวลา
ภายในโลกใบนี้ มีคลื่นที่โหมสาดซัดและขยายเป็นวงกว้างออกไป หลากหลายสีสัน แต่ทว่าท่ามกลางเสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกนั้น โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เสมือนดั่งโลกแตกสลายไปอย่างนั้น แตกกระจายเป็นนิรันดร์ เล่าเทพและหมื่นราชันล้วนถูกสังหาร มองเห็นเงาหลังที่เดินอยู่เพียงลำพังกระทั่งไปถึงที่สุดที่ไร้ขอบเขต มุ่งหน้าตรงไปยังความชั่วร้ายที่อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของโลกมนุษย์…
ในขณะนี้ โลกทั้งโลกถูกตลบอบอวลไปด้วยเลือดสดๆ ไปทั่ว เหล่าเทพสั่นเทา แม้แต่ราชันเซียนเก้าชั้นฟ้าก็ยังเสียชีวิตทีละองค์ๆ แต่ทว่าต่อให้โลกมีความชั่วร้ายตลอดกาล ร่างเงาร่างนั้นยังคงก้าวเดินต่อไปข้างหน้า เข่นฆ่าสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ลบเลือนสิ้นทุกสิ่ง ปราศจากผู้ใดสามารถขวางเอาไว้ได้ ตรงเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของโลก ฆ่าฟันอย่างทระนงและพาลยิ่ง กลิ่นคาวเลือด โหดร้ายทารุณ…ทุกอย่างได้ยึดครองโลกใบนี้เอาไว้ ทำให้ผู้คนสิ้นหวัง ทำให้ผู้คนสั่นเทา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...