ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2209

สรุปบท ตอนที่ 2209 ออกเดินทาง: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอน ตอนที่ 2209 ออกเดินทาง จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2209 ออกเดินทาง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หวู่ปิงหนิงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เมื่อได้ฟังคำเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว เงยหน้าขึ้นจ้องไปที่หลี่ชิเย่ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “แบบนี้ก็ถือเป็นการล้างสมองให้กับข้า!” คำพูดนี้ฟังดูเหมือนเป็นการบ่นโทษคนอื่น แต่ท่ามกลางสิ่งนี้กลับมีลักษณะของจริตแสร้งว่าโกรธอยู่เจ็ดส่วน

“ล้างสมองก็ล้างสมองก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ต่อให้เป็นการล้างสมอง เจ้าก็ชอบการล้างสมองลักษณะเช่นนี้”

หวู่ปิงหนิงส่งเสียงฮึขึ้นมาเบาๆ แต่ภายในจิตใจของนางรู้สึกอบอุ่น ในเวลานี้จิตใจดวงนั้นที่เย็นชาของนางถึงกับหลอมละลาย นี่เป็นความมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งที่งดงามยากจะหาใดเทียม ทำให้ผู้คนอดที่จะไปอิงแอบไม่ได้ ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ต้องไปชิดใกล้ นับว่าทำให้ผู้คนหลงใหลยิ่งเหลือเกิน

“โลกนี้ยากเข็ญยิ่ง เจ้ายังมีหนทางที่ยาวไกลมากต้องไปก้าวเดิน แต่ว่า ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถก้าวเดินออกไปได้อยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ ลูบไล้ที่หน้าผากของนางเบาๆ

หวู่ปิงหนิงถึงกับพยักหน้าเบาๆ ในพริบตาเดียวนี้เอง จิตใจของนางดูจะเบิกบานขึ้นมากทีเดียว สิ่งที่สร้างความกังวลใจรบกวนนางมาโดยตลอดก่อนหน้านั้นได้จางหายไปในชั่วพริบตาเดียว ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นเพียงเมฆและควันที่จางหายไป ทุกสิ่งดูจะเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงอะไรอย่างนั้น

ชั่วพริบตาเดียวนี่เอง เรื่องเช่นนี้ไม่รบกวนนางอีกต่อไป ความกังวลที่เคยรบกวนนางนั้นเวลานี้ช่างไร้ค่าที่จะกล่าวถึง ที่นางกระหายอยากยิ่งกว่าคือการก้าวเดินไปข้างหน้า กระหายอยากในการคาดการณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดในอนาคตมากกว่า

“ข้ายินดีไปทำ และยินดีใช้ความพยายาม” หวู่ปิงหนิงถึงกับกำหมัด ขณะที่ความคิดที่อยู่ในใจกลับกลายเป็นมั่นคงยิ่งขึ้น นาทีนี้ สำหรับอนาคตแล้วนางมองไปได้ไกลยิ่งกว่า และมองได้ชัดเจนยิ่งกว่า

เนื่องจากนาทีนี้นางรู้แล้วว่าตนเองนั้นต้องการอะไร นาทีนี้นางเข้าใจแล้วว่าตัวเองสมควรไปทำสิ่งใด ดังนั้นกล่าวสำหรับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ต่อให้นางต้องไปแบกรับความกดดันที่มากมายอีกเท่าไรก็ตาม แต่ว่านางก็จะยืนหยัดปณิธานของตนก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง นางยินดีติดตามผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้

“จะเป็นแดนลัทธิพรรษก็ดี แดนลัทธิราชันก็ช่าง ต่อให้เป็นแดนลัทธิเซียนก็ไม่ใช่ปัญหา ขอเพียงเจ้าสามารถก้าวเดินไปถึงขั้นนั้น ในเวลานั้น ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ทะเลกว้างท้องนภาสูง มีข้าอยู่ทั้งคน จะเป็นกำหนดอะไร ปณิธานอะไรล้วนแล้วแต่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

“ข้ารู้” ดวงตาคู่นั้นของหวู่ปิงหนิงพลันกลับกลายเป็นมั่นคงขึ้นมาโดยพลัน แววตาที่เกาะรวมตัวกัน นาทีนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถสั่นคลอนต่อการตัดสินใจของนางอีกแล้ว

“คุณชายออกจะลำเอียงไปหน่อยนะ” เวลานี้หวังหานได้นำผลไม้ที่ผ่านการปอกเปลือกแล้วลูกหนึ่งป้อนเข้าปากของหลี่ชิเย่ เหมือนพูดตัดพ้อขึ้นมาว่า “น้องชิงหลินก็มีพลังแฝงอยู่นะ สมควรที่คุณชายจะได้บ่มฟักน้องชิงหลินบ้าง”

หวังหานกำลังพูดแทนฉู่ชิงหลิน เวลานี้พวกของหวังหานต่างมองออกว่าหลี่ชิเย่มีความคิดที่จะบ่มฟักหวู่ปิงหนิง ในเวลานี้ หวังหานจึงพยายามให้ได้มาเพื่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงบ้าง

จะอย่างไรเสียตัวของฉู่ชิงหลินก็มีกำลังแฝงเช่นกัน ในฐานะบุคคลอันดับหนึ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง พรสวรรค์ของฉู่ชิงหลินนั้นไม่มีสิ่งใดให้ตำหนิติเตียนได้ ที่สำคัญมากกว่าก็คือ ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นฉู่ชิงหลินกับหวังหานนั้นมีมิตรภาพที่ลึกล้ำมาก แม้ว่าฉู่ชิงหลินจะมีชาติกำเนิดมาจากค่ายฉู่ แต่ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วฉู่ชิงหลินยังคงยืนอยู่ข้างหวังหานเสมอ และเป็นแนวร่วมเดียวกันกับนาง โดยเฉพาะเรื่องใหญ่หลายๆ เรื่องของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แนวคิดของฉู่ชิงหลินกับนางล้วนแล้วแต่ตรงกันเป็นเอกฉันท์

แล้วเหตุใดหวังหานจะไม่ใช้โอกาสนี้ช่วงชิงให้ได้มาเพื่อฉู่ชิงหลินกันเล่า จะอย่างไรเสียในอนาคตหากฉู่ชิงหลินได้กลายเป็นราชันแท้จริงแล้วล่ะก็ ยังคงมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องก้าวเดิน โดยเฉพาะหากฉู่ชิงหลินต้องการจะเป็นปฐมบรรพบุรุษในอนาคตล่ะก็ ยิ่งมีความต้องการบรรพบุรุษอย่างหลี่ชิเย่มาช่วยเหลืออีกแรง

กล่าวสำหรับหวังหานแล้ว ยิ่งฉู่ชิงหลินมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งสามารถช่วยเหลือนางได้อีกแรงในอนาคตในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

ฉู่ชิงหลินเองนับเป็นผู้ที่อวดดีว่าตัวเองเหนือกว่าผู้อื่น ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แม้รู้อยู่เต็มอกว่าหลี่ชิเย่มีใจต้องการบ่มฟักนาง แต่ทว่า ในใจของนางมักจะมีความระมัดระวังตัวอยู่หลายส่วน และไม่ยอมเอ่ยปากออกมาเท่านั้นเอง

ด้วยเหตุนี้เอง หวังหานจึงต้องพยายามช่วงชิงโอกาสให้กับฉู่ชิงหลิน

คำพูดของหวังหานทำให้ใบหน้าฉู่ชิงหลินแดงก่ำขึ้นมา นางก้มหน้าลงนิดหนึ่ง มองดูตำราที่อยู่ในมือ

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา ส่ายหน้าเบาๆ ขณะมองดูฉู่ชิงหลิน และกล่าวว่า “นี่หาใช่ข้าลำเอียง อนาคตของชิงหลินก็ไร้ขอบเขตจำกัด เพียงแต่นางกับปิงหนิงมีข้อแตกต่างกันเท่านั้น การที่ชิงหลินก้าวเดินไปตามเส้นทางของผู้เฒ่ากำแหงไปเรื่อยๆ ต่อให้ไม่สามารถแซงล้ำหน้าผู้เฒ่ากำแหงได้ แต่ว่า การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในอนาคตใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”

“ส่วนปิงหนิงนั้นแตกต่างกัน บางทีในอนาคตนางอาจจะสามารถหลุดพ้นไปได้ จะอย่างไรเสียมีเรื่องราวมากมายที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของนาง” หลี่ชิเย่ยิ้มและจ้องมองดูหวังหาน และกล่าวว่า “แต่ ชิงหลินได้รับการช่วยเหลืออย่างสุดกำลังจากเจ้า ข้าเชื่อว่าจากสองประสานของพวกเจ้าในอนาคต จะต้องสร้างความโชติช่วงชัชวาลให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้อย่างแน่นอน”

“หากมีวันนั้นจริงๆ วันที่ชิงหลินสามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้วคิดจะหลุดพ้นจากตรงนั้น บางทีนางก็อาจได้เห็นเส้นทางที่ข้าเคยเตือนและชี้แนะเอาไว้ ข้ากำลังรอวันนั้นมาถึง บนเส้นทางของผู้เฒ่ากำแหงในวันนี้ ชิงหลินสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าโดยลำพัง ไม่จำเป็นต้องให้ข้าไปสอดแทรก” หลี่ชิเย่กล่าวพลางหันมองไปที่ฉู่ชิงหลิน

ฉู่ชิงหลินเงยหน้า ดวงตาที่สดใสมองดูหลี่ชิเย่แวบหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าจะไม่ทำให้คุณชายต้องผิดหวัง ข้าจะต้องพยายามมากกว่านี้” กล่าวพลาง แววตาของนางกลับกลายเป็นมั่นคงยิ่งขึ้น

“ข้าเชื่อ” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่เมินเฉยออกมา

“ไปเถอะ ไปเตรียมตัวให้พร้อม ได้เวลาพวกเราต้องไปจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้แล้ว” สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้สั่งการกับหวู่ปิงหนิงออกไป

แดนลัทธิพรรษมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอยู่เป็นจำนวนมาก แม้จะกล่าวว่าในแดนลัทธิพรรษมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานไม่ถึงหมื่น แต่ก็นับว่ามีอยู่เป็นจำนวนมากทีเดียว มีผู้กล่าวเอาไว้ว่า แดนลัทธิพรรษมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอยู่เป็นพันแห่ง ส่วนสำนักและตระกูลขุนนางโบราณที่อยู่ภายใต้สังกัดของเหล่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ เรียกว่านับกันไม่หวั่นไม่ไหวแล้ว

ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิส่วนใหญ่ที่อยู่ในแดนลัทธิพรรษล้วนแล้วแต่ติดต่อไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันได้ เรียกได้ว่าประตูของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิส่วนใหญ่ในแดนลัทธิพรรษล้วนแล้วแต่เปิดกว้างทั้งสิ้น ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ หรือผู้บำเพ็ญตนคนใดก็ตามล้วนแล้วแต่ไปมาหาสู่กันได้ มีเพียงระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิส่วนน้อยเท่านั้นที่ปิดสำนักของตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็คือหนึ่งในตัวอย่างที่ว่านั้น

เป้าหมายของหลี่ชิเย่คือหุบเขาอมตะของแดนลัทธิพรรษ แม้ว่าหุบเขาอมตะจะตั้งชื่อโดยมีคำว่า ‘หุบเขา’ แต่มันไม่ได้เป็นหุบเขา ความจริงแล้วมันคือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมากแห่งหนึ่ง เพียงแต่หุบเขาอมตะแม้ว่าจะมีฐานะเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแห่งหนึ่ง แต่ว่า พวกเขาไม่ได้ปกครองทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเท่านั้นเอง และอาศัยอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่ง จึงได้ชื่อนี้มาด้วยเหตุนี้นี่เอง

ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก่อตั้งขึ้นโดยปฐมบรรพบุรุษเซียนโอสถ เรื่องราวเกี่ยวกับเซียนโอสถนั้นมีเรื่องเล่าลือกันไปต่างๆ นานา กระทั่งมีผู้ที่ยกย่องให้เขาเป็น ‘ผู้เฒ่าไม่มีวันแก่’ เนื่องจากยาเม็ดอายุวัฒนะที่เซียนโอสถปรุงกลั่นขึ้นมานั้นได้รับการยกย่องว่าหนึ่งในสุดยอดนิรันดร์กาล จากจุดนี้ย่อมสามารจินตนาการได้ว่า ฝีมือด้านยาเม็ดอายุวัฒนะของเขานั้นเป็นหนึ่งไม่มีสองเช่นใดแล้ว

เกี่ยวกับกรณีที่เซียนโอสถสามารถกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษ และหรือมีฝีมือด้านยาเม็ดอายุวัฒนะที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมนั้น มีตำนานที่น่าสนใจมากอยู่เรื่องหนึ่ง

ตามตำนานเล่าว่า ในขณะที่เซียนโอสถอายุยังเยาว์วัยนั้น ได้พบกับเรื่องประหลาดมหัศจรรย์เข้า เขาได้ตกลงไปในถ้ำแห่งหนึ่ง ได้รับตำราโอสถของจักรพรรดิเสินหนง หลังจากนั้น เขาก็ได้ก้าวเดินไปสู่เส้นทางวิชากลั่นยาเม็ดที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้าเป็นต้นมา

ภายหลังเซียนโอสถได้กลายเป็นปฐมบรรพบุรุษ อาศัย ‘ตำราอมตะ’ มาสร้างเป็นอาณาจักร และก่อตั้งหุบเขาอมตะขึ้นมา

จากตำนานที่เล่าว่าเซียนโอสถได้ตำราโอสถของจักรพรรดิเสินหนงมานั่นเอง ทำให้ฝีมือด้านการปรุงกลั่นโอสถของเซียนโอสถเต็มไปด้วยสีสันแห่งมหัศจรรย์ และส่งผลให้เกิดการคาดเดาต่างๆ นานาขึ้นมาในยุคหลัง

จักรพรรดิซุ่ยเหริน จักรพรรดิฝูซี และจักรพรรดิเสินหนงเป็นเพียงจักรพรรดิทั้งสามที่เป็นตำนานอยู่ในแดนสามเซียนเท่านั้น มีผู้กล่าวว่าพวกเขาไม่ได้มีอยู่จริง แต่ก็มีคนบอกว่าพวกเขามีอยู่จริงๆ แต่ทว่า ไม่ว่าจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่จริงก็ตาม ดูเหมือนว่าบนโลกนี้ไม่เคยมีใครได้พบเห็นพวกเขามาก่อนเลย

ดังนั้น จักรพรรดิซุ่ยเหริน จักรพรรดิฝูซี และจักรพรรดิเสินหนงเป็นเพียงจักรพรรดิทั้งสามที่อยู่ในตำนานเท่านั้นเอง

………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล