ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2211

ในดินแดนต้นกำเนิดไฟเรื่องราวที่ประหลาดใจเช่นนี้เกิดขึ้นทุกวัน ซึ่งก็ทำให้ผู้คนรู้สึกทั้งตกใจและดีใจ

สิ่งนี้ก็คือนอกเหนือจากหมอโอสถที่มาตามหาเชื้อไฟ และเผ่าไฟที่มาชำระล้างและขัดเกลาคุณสมบัติกายแล้ว นับเป็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่กลุ่มที่สามที่เข้ามายังดินแดนต้นกำเนิดไฟเพื่อค้นหาของวิเศษ

แม้ว่าดินแดนต้นกำเนิดไฟจะเป็นสถานที่ที่ร้อนระอุ แต่มันกลับมีการบ่มฟักชีวิตไว้จำนวนไม่น้อย ขณะเดียวกันก็มีการบ่มฟักของวิเศษจำนวนมาก กล่าวได้ว่า มันคือพื้นที่ยอดเยี่ยมหนึ่งเดียวไม่มีสอง ด้วยพื้นที่ที่ยอดเยี่ยมหนึ่งไม่มีสองนี้เอง ทางหุบเขาอมตะกลับไม่เข้าทำการควบคุมมัน ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าไปได้ และทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกเลื่อมใสต่อการตัดสินใจของเซียนโอสถในครั้งนั้น ความใจกว้างของหุบเขาอมตะนั้นเป็นสิ่งที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากไม่สามารถเทียบเคียงได้เลย

หวู่ปิงหนิงที่ติดตามหลี่ชิเย่ปีนขึ้นยอดเขามาถึงกับมองหน้าหลี่ชิเย่แวบหนึ่ง เมื่อเห็นผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมาเพื่อของดีที่มีอยู่ในดินแดนต้นกำเนิดไฟ และกล่าวว่า “เจ้ามาสถานที่เช่นดินแดนต้นกำเนิดไฟเพื่ออะไร? เพื่อของวิเศษรึ?”

“เดินๆ วิ่งๆ เดินเที่ยวดูโน่นดูนี่ไม่ได้หรือไร?” หลี่ชิเย่กล่าวและหัวเราะขึ้นมา

หวู่ปิงหนิงมองค้อนหลี่ชิเย่อย่างเคืองๆ และกล่าวว่า “ใครไปเชื่อคำพูดบ้าๆ แบบนี้ คนที่เชื่อในคำพูดของเจ้าก็บ้าไปแล้ว” คำพูดลักษณะเช่นนี้ฟังดูคล้ายเป็นการเกี้ยวพาราสีกัน ทำให้ฟังแล้วรู้สึกสบายอย่างยิ่ง

“จะอย่างไรเสีย ของดีบางอย่างก็ต้องมาดูสักหน่อยอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะ

หวู่ปิงหนิงถึงกับจ้องมองดูหลี่ชิเย่และกล่าวว่า “เจ้าคงไม่มาเพราะสุดยอดของวิเศษของดินแดนต้นกำเนิดไฟกระมัง? ถ้าหากเจ้ามาด้วยเรื่องของสุดยอดของวิเศษนี้จริงล่ะก็ นั้นเจ้าเท่ากับแหย่รังแตนเข้าให้แล้วล่ะ”

เล่าลือกันว่า ดินแดนต้นกำเนิดไฟมีสุดยอดของวิเศษอยู่ชิ้นหนึ่ง ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่เซียนโอสถต้องการเคลื่อนย้ายดินแดนต้นกำเนิดไฟจากต่างช่องว่างมายังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขามรณะ มิฉะนั้นล่ะก็ เขาจะทุ่มเทกำลังกายใจมากมายขนาดนี้ไปทำเรื่องเช่นนี้ทำไมกันเล่า

ส่วนที่ว่าดินแดนต้นกำเนิดไฟจะมีสุดยอดของวิเศษดังกล่าวหรือไม่ และสุดยอดของวิเศษดังกล่าวคืออะไรกันแน่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครทราบ กระทั่งมีผู้กล่าวว่าแม้แต่หุบเขาอมตะเองก็ไม่ทราบ เนื่องจากไม่มีผู้ใดทราบเลย

แต่กลับมีระดับปฐมบรรพบุรุษเคยยืนยันว่า มีสิ่งของดังกล่าวจริงในดินแดนต้นกำเนิดไฟ ดังนั้น จึงมีการพูดกันว่าในดินแดนต้นกำเนิดไฟมีสุดยอดของวิเศษอยู่ชิ้นหนึ่ง

แต่ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครคิดหมายปองต่อสุดยอดของวิเศษชิ้นนี้เลย แม้แต่ราชันแท้จริงก็เป็นเช่นนี้ สิ่งนี้นอกจากเป็นเพราะไม่มีใครทราบว่าสุดยอดของวิเศษชิ้นนี้คืออะไร มันอยู่ที่ตรงไหน ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทุกคนไม่ต้องการไปแหย่รังแตนเช่นหุบเขาอมตะนี้

จะอย่างไรเสียสุดยอดของวิเศษลักษณะเช่นนี้อยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ แน่นอนที่สุดมันย่อมเป็นของๆ หุบเขาอมตะแน่นอน ใครกล้าคิดวางแผนกับของชิ้นนี้เท่ากับเป็นศัตรูกับหุบเขาอมตะ! ซึ่งหาใช่การกระทำที่ชาญฉลาดเลย

ในแดนลัทธิพรรษนั้น กำลังของหุบเขาอมตะนับว่าเทียบไม่ได้กับพรรคหยางหมิง หรือจูเซียงหวู่ถิงที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่ว่ากลับมีไม่กี่คนที่กล้าไปหาเรื่องกับหุบเขาอมตะอย่างแท้จริง

เหตุผลนั้นง่ายมาก ผู้ที่ติดค้างหนี้บุญคุณหุบเขาอมตะนั้นเรียกว่ามากมายเหลือเกิน ไม่ต้องพูดถึงยอดฝีมือหรือเทพแท้จริง ต่อให้เป็นราชันแท้จริงก็มีอยู่เป็นจำนวนมากที่เคยได้รับบุญคุณจากหุบเขาอมตะมาก่อน กระทั่งระดับปฐมบรรพบุรุษบางส่วนก็เคยได้รับบุญคุณจากหุบเขาอมตะมา

จึงกล่าวได้ว่า ขอเพียงคำพูดคำเดียวของหุบเขาอมตะ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ และเทพแท้จริงจำนวนมากต่างยินดีช่วยเหลือหุบเขาอมตะอีกแรงหนึ่ง ดังนั้น กล่าวได้ว่าการเป็นศัตรูกับหุบเขาอมตะเป็นการกระทำที่ไม่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง เป็นการแหย่รังแตนชัดๆ

“ถ้าหากข้าต้องการของวิเศษสักชิ้นหนึ่งจริงๆ ล่ะก็ โลกนี้ไหนเลยจะมีรังแตนที่ข้าไม่กล้าแหย่” หลี่ชิเย่หัวเราะ

หวู่ปิงหนิงถึงมองดูหลี่ชิเย่ทีหนึ่งกล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “หากเป็นศัตรูกับหุบเขาอมตะจริงล่ะก็ กล่าวอย่างไม่เป็นการโอ้อวดเลย เกรงว่าในแดนลัทธิพรรษคงไม่มีที่ยืนสำหรับเจ้า!”

“พูดแบบนี้ เจ้าเป็นห่วงข้าน่ะสิ” หลี่ชิเย่พูดหยอกล้อออกไป

“ฝันไปเถอะ” หวู่ปิงหนิงมองด้วยแววตาที่เชือดเฉือน และกล่าวว่า “ปีศาจที่ทำร้ายคนอย่างเจ้า ถูกฆ่าตายเสียนับว่าดีที่สุดแล้ว” หลังจากพูดจบคำนางกระทั่งรู้สึกได้ถึงใบหน้าที่แสบร้อน ขณะพูดคำๆ นี้ออกไปนั้น นางไม่ได้มีความมั่นใจสักเท่าไร

ท่าทางที่ดูงดงามยิ่งของหวู่ปิงหนิงทำให้หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มๆ และไม่ได้พูดอะไรออกมา

เวลานี้หลี่ชิเย่หยิบเอาเทพหมื่นเตาออกมาและดีดบนตัวมันเบาๆ ได้ยินเสียงดังอ๊อบขึ้นเสียงหนึ่ง เทพหมื่นเตาที่มองดูเหมือนเตาปรุงกลั่นยาเม็ดได้กลับคืนสู่ร่างเดิมของมัน กลายเป็นสัตว์ที่คล้ายคางคกตัวหนึ่ง

หลี่ชิเย่ลูบหัวของเทพหมื่นเตาเบาๆ ขณะที่เทพหมื่นเตาก็รู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่ง อดที่จะส่งเสียงร้องอ๊อบ อ๊อบ อ๊อบออกมาหลายคำไม่ได้

หลี่ชิเย่มองดูหวู่ปิงหนิงแล้วยิ้มกล่าวว่า “ไหนๆ ก็มาถึงดินแดนต้นกำเนิดไฟแล้วไหนเลยจะกลับบ้านมือเปล่าได้ เจ้าอยากได้ของดีแบบไหนล่ะ?”

“ขอน้อมรับความหวังดีใส่ใจ” หวู่ปิงหนิงแสดงท่าทีหยิ่งๆ ออกมานิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าไม่ต้องการของวิเศษอะไร”

คำพูดของหวู่ปิงหนิงใช่ว่าเป็นการแสร้างทำเป็นสงบเสงี่ยม นางมีชาติกำเนิดมาจากจูเซียงหวู่ถิง ทั้งยังเป็นผู้สืบทอดของจูเซียงหวู่ถิง เรียกได้ว่าเหมือนดั่งเพชรในมือ นางจึงมีของวิเศษจำนวนมากที่ผู้อื่นไม่มี ด้วยเหตุนี้เองหวู่ปิงหนิงจึงไม่ได้มีความต้องการเสาะแสวงหาในสิ่งนี้มากมายนัก

“เจ้าเองก็มี ‘หญ้าเร้นกาย’ อยู่ต้นหนึ่งมิใช่รึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

หวู่ปิงหนิงถึงกับรู้สึกฉงนและประหลาดใจอย่างยิ่ง จ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรกันแน่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล