จากการที่หวู่ปิงหนิงแสดงตนออกรับแทนหลี่ชิเย่กะทันหัน พลันทำให้คุณชายหุยชุนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ท่าทางดูพะอืดพะอมยิ่งนัก ไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไรดี
สีหน้าของคุณชายหุยชุนดูจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อต้องเผชิญกับท่าทีขอหวู่ปิงหนิงที่ข่มเหงผู้คนจนสุดจะยอมรับได้ เขาไม่ต้องการหักหน้ากันอย่างเปิดเผยกับหวู่ปิงหนิง จะอย่างไรเสียในอนาคตระหว่างพวกเขายังคงมีความเป็นไปได้อยู่แล้ว
ต่อให้คุณชายหุยชุนใจแข็งยอมแตกหักกับหวู่ปิงหนิงก็ไม่เห็นว่าจะมีโอกาสชนะได้ แม้ว่าเขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นสูง ในบรรดาสามคุณชายก็ไม่เห็นจะอ่อนหรือด้อยไปกว่าคุณชายทั้งสองนั่น
แต่ทว่า ในบรรดาสามคุณชายนั้น ตัวเขามีพรสวรรค์ที่ต่ำกว่าทุกคน เทียบไม่ได้กับคุณชายผิงเฉิง และคุณชายพานหลง การที่เขามีทักษะเช่นทุกวันนี้ได้ พลังวัตรของเขาสามารถทะลุถึงระดับเทพแท้จริงขั้นสูงนั้น อาศัยยาเม็ดที่มาจากการปรุงกลั่นของเขาเข้าช่วยอยู่มากทีเดียว เป็นการอาศัยยาเม็ดเผยหยวนตันช่วยในการพยุงขึ้นมา
อาจกล่าวได้ว่า ในด้านการฝึกนั้นเมื่อเทียบกับหวู่ปิงหนิงแล้วไม่มีความได้เปรียบให้กล่าวถึงเลย แคว้นว่านโซ่วหาใช่แคว้นที่อาศัยด้านบำเพ็ญเพียร และการต่อสู้เป็นจุดเด่นมาแต่เดิมอยู่แล้ว ด้านการสู้รบนั้นเข้าทำนองที่เรียกว่าไม่สมบูรณ์มาแต่กำเนิดอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น แคว้นว่านโซ่วของพวกเขาเป็นเพียงแคว้นที่มีความแข็งแกร่งแคว้นหนึ่งภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเท่านั้น สิ่งที่พวกเขาได้ครอบครอง และเคล็ดวิชาของปฐมบรรพบุรุษที่มีโอกาสได้ฝึกนั้นมีอยู่ไม่มาก
ขณะที่หวู่ปิงหนิงนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง จูเซียงหวู่ถิงของพวกเขาก็คือผู้กุมอำนาจทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ พวกเขาก็คือสายตรงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมด หวู่ปิงหนิงจึงมีการฝึกเคล็ดวิชาของปฐมบรรพบุรุษมาตั้งแต่เยาว์วัย ได้รับข้อได้เปรียบที่ฟ้าประทานให้เป็นพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นปฐมบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงมีฉายาว่า ‘บรรพบุรุษบู้’ เป็นผู้ที่รุนแรงและอันธพาลมาชั่วชีวิต มีวิทยายุทธที่ปราศจจากผู้ต่อกร อาศัยเคล็ดวิชาด้านฆ่าฟันลือลั่นในหล้า
ต่อให้พลังวัตรของคุณชายหุยชุนสูงกว่าหวู่ปิงหนิงจริงๆ หากลงมือกันแล้วเกรงว่ามีโอกาสถูกหวู่ปิงหนิงสังหารได้
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ใบหน้าของคุณชายหุยชุนดูพะอืดพะอมยิ่งนัก เรียกว่าเดินหน้าก็ไม่ได้ถอยหลังก็ไม่ได้ เหมือนดั่งขี่หลังเสือ ในขณะนี้หากเขาไม่ลงมือเข้าช่วยเหลือก็ดูจะไม่เหมาะสม ลงมือเข้าช่วยก็ไม่เห็นจะทำให้เขาได้เปรียบ เพราะเท่ากับไม่เห็นแก่หน้าอีกฝ่าย กระทั่งอาจจะเป็นศัตรุกับจูเซียงหวู่ถิง
แคว้นว่านโซ่วในฐานะที่เป็นแคว้นๆ หนึ่งภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ถ้าหากคิดจะเป็นศัตรูกับจูเซียงหวู่ถิงก็ต้องประเมินตนเองให้ดี จะอย่างไรเสียฐานะแคว้นไปเป็นศัตรูกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง แคว้นว่านโซ่วของพวกเขาไม่มีความได้เปรียบแม้แต่น้อยนิด
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ ในใจ เมื่อมองเห็นท่าทีของคุณชายหุยชุนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนหน้านั้นคุณชายหุยชุนยังมีท่าทีที่มีความสุขล้นอยู่ ซึ่งผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกไม่สบอารมณ์นัก เวลานี้เห็นเขาเหมือนขี่หลังเสือจึงทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกสบายใจเป็นพิเศษ พวกเขาชื่นชอบที่จะได้เห็นลักษณะเช่นนี้ของคุณชายหุยชุนนี่แหละ
“แม่นางปิง ใช่ว่าข้าต้องการเป็นศัตรูกับท่าน แต่เป็นเพราะเจ้าคนแซ่หลี่ทำเกินไปแล้ว” คุณชายหุยชุนถึงกับกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า “เวลานี้หากปล่อยศิษย์ของแคว้นว่านโซ่วพวกเรายังทัน มิฉะนั้นแล้ว แคว้นว่านโซ่วของพวกเราจะไม่ยอมเลิกราอย่างเด็ดขาด!”
“อย่างนั้นรึ? ข้ากลับจะต้องการดูว่าจะไม่ยอมเลิกราแบบไหนกัน” หลี่ชิเย่ไม่ได้หันศีรษะกลับไป เพียงจ้องมองไปที่แมกมาที่อยู่ในสระเท่านั้นเอง มือขนาดใหญ่พลันกดลงไปทันที
อ๊ากกเสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น เสียงของหวูเลี่ยนดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา ได้ยินเสียงดังจี๊ด จึ๊ด จี๊ดขึ้นมา ควันดำลอยคลุ้งขึ้นมา เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างของหวูเลี่ยนทั้งร่างได้หลอมละลายไปในแมกมานั่น ถูกแมกมาเผาผลาญจนกลายเป็นเถ้าธุลีไป ในเวลานี้แม้คุณชายหุยชุนคิดจะลงมือช่วยก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว
“เจ้า…” คุณชายหุยชุนวิ่งเข้าไปหาด้วยความโกรธแค้นอย่างยิ่ง แต่กลับถูกหวู่ปิงหนิงขวางเอาไว้
“แม่นางปิง ท่านยืนยันจะเป็นศัตรูกับพวกเราอย่างนั้นรึ?” เวลานี้คุณชายหุยชุนอดกลั้นไม่อยู่ร้องกล่าวเสียงดังออกไป และกล่าวว่า “เพื่อคนแซ่หลี่ที่เป็นเพียงผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง แล้วเป็นศัตรูกับแคว้นว่านโซ่วของพวกเรา แม่นางปิงคิดว่ามันคุ้มค่ากันรึ?”
“อาศัยขนไก่เป็นธนูอาญาสิทธิ์! คิดว่าจูเซียงหวู่ถิงของข้าจะกลัวแคว้นว่านโซ่วของเจ้ารึ?” หวู่ปิงหนิงกล่าวเสียงเย็นชาว่า “เจ้าควรจะคิดว่าโชคดีจึงจะถูก การที่ข้าลงมือเจ้ายังมีโอกาสรอดชีวิต แต่หากคุณชายเป็นผู้ลงมือ เจ้าไม่มีโอกาสแม้แต่จะขัดขืน”
คำพูดเช่นนี้พลันทำให้สีหน้าของคุณชายหุยชุนดูไม่จืดถึงขีดสุด คำพูดลักษณะเช่นนี้เมื่อเข้าหูแล้วเสมือนดั่งหวู่ปิงหนิงดูแคลนเขาตรงๆ อย่างนั้น และยกย่องหลี่ชิเย่ให้สูงขึ้น
ใบหน้าของคุณชายหุยชุนแดงก่ำเมื่อถูกดูแคลนจากคนที่ตนหลงรัก เวลานี้เขาทำให้โมโหจนตัวสั่นเทา และพูดอะไรไม่ออก
คำพูดของหวู่ปิงหนิงเมื่อคุณชายหุยชุนได้ฟังแล้วมันคือการทำให้ต้องอับอายขายหน้าอย่างหนึ่ง แต่ที่หวู่ปิงหนิงพูดไปมันคือความจริงเท่านั้น หากนางลงมือด้วยตนเอง เห็นแก่ที่เป็นพันธมิตรยังสามารถยั้งมือให้กับคุณชายหุยชุนให้ได้ แต่หากให้หลี่ชิเย่ลงมือล่ะก็ คุณชายหุยชุนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
เหมือนเช่นหวู่ปิงหนิงได้พูดเอาไว้อย่างนั้น เกรงว่าคุณชายหุยชุนไม่มีโอกาสแม้แต่จะขัดขืน
แม้ว่าคุณชายหุยชุนจะเป็นยอดอัจฉริยบุคคลที่ยอดเยี่ยมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในแดนลัทธิพรรษ ยากจะหาผู้ใดสามารถต่อกรได้ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่แล้วนับเป็นอะไรได้ พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือสังหารสิ้นกระทั่งระดับบรรพบุรุษ อย่าว่าแต่เทพแท้จริงขั้นสูงเลย ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นก้าวขึ้นสู่สวรรค์ หลี่ชิเย่ก็สังหารได้โดยไม่ต้องเลิกกระทั่งหนังตาด้วยซ้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...