“คำพูดนี้ดูเหมือนศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนพูดเอง น้องไม่เคยได้พูดคำพูดเช่นนี้” ฟ่านเมี่ยวเจินกะพริบตานิดหนึ่ง นัยน์ตาที่กลมโตคู่นั้นเผยให้เห็นถึงความน่าสงสารออกมา เหมือนว่านางเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างนั้น
หลี่ชิเย่มีภูมิคุ้มกันไม่หวั่นไหวกับท่าทางที่แสดงว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ของฟ่านเมี่ยวเจิน หัวเราะและกล่าวว่า “เชื่อหรือไม่ว่า ศิษย์พี่ใหญ่อย่างข้าเข้ารับตำแหน่งวันแรกก็จะตีก้นเจ้า”
“ทำแบบนี้ไม่ได้นะ” ฟ่านเมี่ยวเจินตกใจจนต้องก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ท่าทางดูน่าสงสารและกล่าวว่า “ต่อให้ท่านเป็นศิษย์พี่ใหญ่ ก็จะมารังแกผู้หญิงอ่อนแออย่างข้าไม่ได้นะ”
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง และไม่ได้พูดอะไรต่อ
ฟ่านเมี่ยวเจินที่ท่าทางแก่นแก้ว กรอกตาทีหนึ่ง เอียงคอนิดหนึ่ง ท่าทางมีความน่ารักอยู่สามส่วน และกล่าวว่า “ในอดีตไม่เคยได้ยินอาจารย์บอกว่าได้รับศิษย์พี่ใหญ่มาก่อน มาวันนี้น้องเพิ่งจะทราบถึงการคงอยู่ของศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ทราบว่าก่อนหน้านั้นศิษย์พี่ใหญ่ท่องเที่ยวไปยังที่ใด”
“ทำไมรึ คิดจะล้วงข้อมูลของข้าหรือไร? และหรือคิดอยากจะทดสอบข้าแทนนักพรตฉางเซิน?” หลี่ชิเย่พูดขึ้นพร้อมกับจ้องมองฟ่านเมี่ยวเจินทีหนึ่ง
“มิกล้า มิกล้า ศิษย์พี่ใหญ่เข้าใจความหมายของน้องแล้วล่ะ ถ้าหากเรื่องเช่นนี้เข้าถึงหูของอาจารย์ล่ะก็ คงต้องถูกท่านอบรมสั่งสอนแล้ว” ฟ่านเมี่ยวเจินแสดงท่าทางที่น่าสงสารออกมาทันที ทำปากแบนและกล่าวว่า “น้องแค่อยากรู้อยากเห็นล้วนๆ เท่านั้นเอง”
“นังหนูเจ้านับว่าเรียนรู้ฝีมือมาอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่ถึงกับส่ายหน้าหัวเราะ และกล่าวว่า “บอกเจ้าก็ได้ไม่มีปัญหา ในอดีตข้าเป็นจอมมารคนหนึ่ง ทำชั่วทุกอย่าง ฆ่าคนโดยไม่มีละเว้น หลังๆ มานี้อายุเริ่มมากขึ้น จึงคิดจะล้างมือในอ่างทองคำเลิกอาชีพนั้นไป หันมาพึ่งพาหุบเขาอมตะ ดังนั้น จึงได้ตำแหน่งศิษย์อันดับที่หนึ่งอะไรทำนองนั้น”
“โอ้โห ที่แท้ศิษย์พี่ใหญ่มีอดีตที่น่าเกรงขามถึงเพียงนี้” เมื่อฟ่านเมี่ยวเจินได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้วไม่เพียงไม่รุ้สึกกลัว แต่กลับมีสีหน้าท่าทางที่เหมือนเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง นัยน์ตาที่กลมโตคู่นั้นของนางเผยให้เห็นถึงลักษณะที่ใฝ่หาอย่างนั้น
“พูดแบบนี้ แสดงว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องปราศจากผู้ต่อกรในหล้า สยบไปสิ้นทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษแล้วสิ” ในเวลานี้ฟ่านเมี่ยวเจินดูคล้ายดั่งเป็นแฟนคลับตัวน้อย และเลื่อมใสศรัทธาในตัวของหลี่ชิเย่เป็นพิเศษจนน้ำลายแทบหก ขาดเพียงแค่ไปคลอเคลียที่ขาของหลี่ชิเย่เท่านั้น
“แค่แดนลัทธิพรรษนับเป็นอะไรได้ มันก็แค่หลุมบ่อหลุมหนึ่งท่ามกลางฟ้าดินเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ขอเพียงข้าลงมือ กวาดล้างสิ้นหมื่นแดน ปราศจากผู้ต่อกรเป็นนิรันดร์ แม้แต่ราชันแท้จริง ปฐมบรรพบุรุษก็ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา หากมีผู้อื่นอยู่ด้วยในเหตุการณ์ต้องติดว่าเป็นการพูดจาอวดดีของหลี่ชิเย่แน่นอน เอาแต่คุยโวโอ้อวดอย่างเดียว
“ศิษย์พี่ใหญ่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ ต่อไปข้าท่องไปในยุทธภพมิสามารถเดินขวางแบบปูน่ะสิ ใครกล้าแตะต้องข้าแม้เพียงเส้นขน ข้าแจ้งชื่อศิษย์พี่ใหญ่ออกไป มิทำให้พวกเขากลัวจนปัสสาวะราดเลยน่ะสิ” เมื่อฟ่านเมี่ยวเจินกล่าวถึงตรงนี้แล้ว ทำท่าชี้มือชี้ไม้ด้วยความดีใจ
เพียะจังหวะที่ฟ่านเมี่ยวเจินกำลังอยู่ในอาการดีใจนั้น หลี่ชิเย่ได้ซัดหนึ่งฝ่ามือเข้าที่ก้นงอนของนาง
“ท่านทำอะไรเนี่ย” ทำเอาฟ่านเมี่ยวเจินตกใจสุดขีดถอยหลังไปก้าวใหญ่ เมื่อถูกจู่โจมโดยหลี่ชิเย่กะทันหัน จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่อย่างระมัดระวัง
จะอย่างไรเสียนางก็เป็นสาวเป็นนางคนหนึ่ง หากถูกผู้ชายคนหนึ่งตบเข้าที่ก้นกะทันหันแล้วไม่ถือสาล่ะก็นับว่าแปลก
“ที่แท้เจ้าไม่ได้โง่จริง” หลี่ชิเย่ถูมือและหัวเราะเสียงดัง กล่าวว่า “ก้นงอนนับว่ามีเนื้อและนุ่มนิ่มน่าดู”
“ท่าน ท่านน่ะสิโง่” ฟ่านเมี่ยวเจินพลันรู้สึกใบหน้าที่ร้อนผ่าว จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธแค้น ดูจะเดือดดาลอยู่บ้าง
“นั่นน่ะสิ ถ้าหากเจ้าขืนยังทำเป็นแกล้งเซ่อแกล้งโง่อีกล่ะก็ ข้าไม่เพียงจะตีก้นเจ้าแค่นั้นหรอกนะ ข้าจะจับเจ้าแก้ผ้าจนล่อนจ้อน ดูสิว่ายังจะกล้ามาทำแกล้งเซ่อแกล้งโง่อีกหรือไม่” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
ฟ่านเมี่ยวเจินถูกยั่วโมโหจนต้องกัดฟันกรอด มองหน้าหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธและกล่าวว่า “มิน่าล่ะพี่น้องทั้งหลายล้วนแล้วแต่บอกว่าท่านเป็นจอมกักขฬะ เป็นไอ้กักขฬะโดยแท้ ไอ้คนหน้าไม่อาย!”
“เจ้าพูดได้ถูกต้องแล้วจริงๆ ข้าเป็นจอมกักขฬะจริงๆ เวลาหน้าไม่อายขึ้นมาล่ะก็ใครๆ ก็กลัวทั้งนั้น เจ้าเองก็สมควรกลัวจึงจะถูก” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย
ในเวลานี้ นัยน์ตาที่กลมและโตคู่นั้นของฟ่านเมี่ยวเจินกรอกตาไปรอบหนึ่ง ยิ้มอย่างน่ารักและหลี่ชิเย่ “ศิษย์พี่ใหญ่เป็นผู้ใหญ่ย่อมจะใจกว้าง น้องเสียมารยาทล่วงเกินไปแล้ว ขอให้ศิษย์พี่ใหญ่อภัยให้ด้วย” กล่าวพลางได้ย่อตัวอย่างงามต่อหลี่ชิเย่ ท่าทางเป็นการขอโทษต่อหลี่ชิเย่
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า เป็นความจริงที่ฟ่านเมี่ยวเจินมีแนวคิดต้องการหยั่งเชิงหลี่ชิเย่จริง ต้องการค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับหลี่ชิเย่ ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ใหญ๋ของหุบเขาร้อยบุปผา นางต้องการรู้จริงๆ ว่าศิษย์พี่ใหญ่คนนี้มีรายละเอียดประวัติความเป็นมาอย่างไร
ฟ่านเมี่ยวเจินเชื่อในความสามารถของอาจารย์ตน นางรู้ว่าอาจารย์ของตนจะไม่รับเอาใครสักคนตามอารมณ์มาเป็นศิษย์อันดับที่หนึ่งของหุบเขาอมตะอย่างแน่นอน ดังนั้น ฟ่านเมี่ยวเจินจึงบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นในใจว่า หลี่ชิเย่คนนี้มีอภินิหารเช่นใดกันแน่ จึงสามารถเข้าตาของอาจารย์ได้
สำหรับการแสดงความขอโทษของฟ่านเมี่ยวเจินนั้น หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคงดั่งเขาไท่ซัว รับการขอโทษเต็มรูปแบบจากฟ่านเมี่ยวเจินอย่างไม่สะทกสะท้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...