ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2258

ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินโค้งคารวะอย่างอ่อนน้อม และยังแสดงคารวะอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “คุณชายมีความสูงส่งและกว้างไกล วันข้างหน้ารุ่นพวกเราจะต้องอยู่ภายใต้แสงสว่างที่ครอบคลุมลงมาจากคุณชาย”

ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ เมื่อมองเห็นท่าทีที่เคารพนอบน้อมเช่นนี้ของตันหวังฟงเซี่ยวเฉิน จะอย่างไรเสียฟงเซี่ยวเฉินมีฐานะที่สูงส่งอย่างยิ่ง

หลี่ชิเย่เพียงพยักหน้าเท่านั้นเอง รับการคารวะเต็มรูปแบบจากฟงเซี่ยวเฉินอย่างไม่สะทกสะท้าน

“เศษสวะ…” ฟงเซี่ยวเฉินกล่าวตำหนิน่าเกรงขามออกมาว่า “เรื่องใหญ่ของสำนักไหนเลยทำแบบลวกๆ ได้ สำนักไป่ตันคือสำนักของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ กำเนิดจากหุบเขาอมตะ ได้รับความกรุณายิ่งใหญ่ สิ่งที่หุบเขาอมตะกำหนด ก็คือสิ่งที่สำนักไป่ตันต้องปฏิบัติตาม!”

จางเหยียนถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งเมื่อถูกบรรพบุรุษของตนกล่าวตำหนิ ได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าพูดสักคำ รู้สึกใจสั่นงันงกไม่กล้ากระทั่งหายใจแรง

ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินคือบรรพบุรุษผู้มีฐานะสูงสุดของสำนักไป่ตัน คำพูดของเขามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือ แม้ว่าตัวเขาจะเป็นเจ้าสำนักน้อยของสำนักไป่ตัน แต่หากคำพูดคำเดียวของฟงเซี่ยวเฉินก็สามารถปลดเขาออกจากตำแหน่งได้

“เจ้าสำนักไป่ตัน คารวะศิษย์พี่ใหญ่” เวลานี้เจ้าสำนักไป่ตันรีบคุกเข่าก้มกราบอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่ และยกย่องว่าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ ด้วยท่าทีที่เคารพและไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องซื่อสัตย์ภักดี และกล่าวว่า “สำนักไป่ตันขึ้นตรงกับหุบเขาอมตะ อดีตเป็นเช่นนี้ เวลานี้ก็เป็นเช่นนี้ อนาคตก็ยังคงเป็นเช่นนี้ ความซื่อสัตย์ภักดีที่สำนักไป่ตันมีต่อหุบเขาอมตะจะไม่มีการแปรเปลี่ยนตลอดไป ปณิธานของหุบเขาอมตะ ก็คือสิ่งที่สำนักไป่ตันต้องปฏิบัติตาม ขอเพียงหุบเขาอมตะต้องการ ศิษย์พี่ใหญ่สั่งการมาคำเดียว ทุกระดับชั้นของสำนักไป่ตันต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟก็จะไม่เกี่ยง!”

คำพูดของเจ้าสำนักไป่ตันหนักแน่นจริงจัง ซึ่งไม่เพียงเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อหลี่ชิเย่เท่านั้น ยังเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อหุบเขาอมตะอีกด้วย คำพูดของตันหวังฟงเซี่ยวเฉินก็ได้ตัดสินทิศทางของสำนักไป่ตันไปแล้ว เวลานี้คำพูดของเจ้าสำนักไป่ตันเท่ากับเป็นการผูกเอาสำนักไป่ตันกับหุบเขาอมตะเข้าด้วยกัน และยืนอยู่ในค่ายเดียวกันกับหุบเขาอมตะ ต้องการร่วมเป็นร่วมตายกับหุบเขาอมตะ

ภายในใจของบรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างรู้สึกเย็นวาบ เมื่อเจ้าสำนักไป่ตันได้พูดออกมาเช่นนี้ ผู้คนจำนวนมากพลันเข้าใจแล้วว่า เวลาแห่งการเลือกข้างได้มาถึงแล้ว

ทุกคนพาลนึกถึงก่อนหน้านี้ไม่นานที่มีสำนักต่างๆ ภายใต้หุบเขาอมตะที่ทยอยกันแสดงตนเป็นมิตรต่อแคว้นว่านโซ่ว กระทั่งยืนอยู่แนวเดียวกันกับแคว้นว่านโซ่ว เวลานี้สำนักไป่ตันได้ก้าวออกมาแสดงความจงรักภักดีต่อหุบเขาอมตะ นับได้ว่าเป็นสำนักที่แข็งแกร่งสำนักแรกที่ออกมาแสดงตนว่าจะจงรักภักดีต่อหุบเขาอมตะ

ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า การที่สำนักไป่ตันแสดงความจงรักภักดีต่อหุบเขาอมตะในช่วงเวลานี้นั้น นับเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนัก โดยเฉพาะสำนักที่มีความแข็งแกร่งเช่นสำนักไป่ตัน ต่อให้สำนักไป่ตันไม่แข็งแกร่งเท่าแคว้นว่านโซ่ว แต่ในบรรดาสำนักต่างๆ มากมายภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะแล้ว ก็เป็นสำนักที่มีกำลังอยู่ในลำดับต้นๆ

เวลานี้การแสดงความจงรักภักดีของสำนักไป่ตันเสมือนดั่งเป็นการเตือนให้ตื่นขึ้นอย่างนั้น ทำให้บรรดายอดฝีมือรุ่นอาวุโสส่วนหนึ่งได้สติกลับมา

เนื่องจาก ณ เวลานี้แคว้นว่านโซ่วดั่งพระอาทิตย์ที่ขึ้นอยู่กลางหาว มีความฮึกเหิมยโสโอหังอย่างยิ่ง บวกับภายในระยะเวลาอันสั้นก็มีสำนักต่างๆ จำนวนมากที่แสดงตนยืนอยู่ข้างฝ่ายของแคว้นว่านโซ่ว ยิ่งทำให้ท่าทีของแคว้นว่านโซ่วดูยิ่งใหญ่มากขึ้น

ตรงกันข้ามกับหุบเขาอมตะที่เงียบกริบ ยิ่งส่งผลให้ผู้คนรู้สึกถึงความตกต่ำเสื่อมถอย เหมือนดั่งพระอาทิตย์อัสดง ทำให้ทุกคนรู้สึกว่ามาคราวนี้เกรงว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะคงจะต้องผลัดเปลี่ยนแผ่นดินแล้วจริงๆ

เวลานี้จุดยืนของสำนักไป่ตันมั่นคง แสดงความจงรักภักดีที่มั่นคงต่อหุบเขาอมตะ นาทีนี้ทำให้ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสที่มีประสบการณ์ต่างตระหนักได้ว่า หุบเขาอมตะได้กุมอำนาจปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินี้มาเป็นเวลานานนับไม่ถ้วน นับตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ก็มีหุบเขาอมตะเป็นผู้กุมอำนาจมาโดยตลอด ต่อให้หุบเขาอมตะทำตัวค่อมต่ำจนแทบจะมองข้ามไปได้เลย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใด ไม่มีสำนักใดสามารถสั่นคลอนต่ออำนาจของหุบเขาอมตะได้

ดังนั้น ในพริบตาเดียวนี้เอง จึงทำให้ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสบางส่วนตระหนักว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาหุบเขาอมตะไม่ได้ตกต่ำลง เพียงแต่มันดำรงอยู่เช่นนี้ตลอดมาเท่านั้น ทำให้ผู้คนบังเกิดมโนภาพขึ้น

“ผู้มีสติปัญญาย่อมมองการณ์ไกล นับเป็นเรื่องดี” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “อภัยโทษให้กับสำนักไป่ตันของพวกเจ้า”

เจ้าสำนักไป่ตันนับว่าเป็นรุ่นเดียวกันกับนักพรตฉางเซิน แม้ว่าตำแหน่งของนักพรตฉางเซินจะสูงส่งกว่าเจ้าสำนักไป่ตัน แต่หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงศิษย์รุ่นที่สาม ถึงกับทำตัวสูงเด่นยิ่งต่อหน้าเจ้าสำนักไป่ตัน กระทั่งเรียกได้ว่าสูงสุดปราศจากผู้เทียบเทียม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย แต่ทว่าเจ้าสำนักไป่ตันกลับไม่กล้าละเลย หรือไม่ให้เกียรติแม้แต่น้อย แม้ว่าอาวุโสของหลี่ชิเย่จะต่ำกว่าเขา เขายังคงนอบน้อมอย่างยิ่ง

แม้แต่ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินยังต้องแสดงความเคารพนอบน้อมเช่นนี้ต่อหน้าหลี่ชิเย่ ขณะที่เจ้าสำนักไป่ตันไม่รู้ว่าอาวุโสน้อยกว่าบรรพบุรุษของตนกี่รุ่น เขายังจะกล้าไม่เคารพนอบน้อมได้รึ?

“เสี่ยวเฉิน ศิษย์ที่เจ้าสั่งสอนมากับมือมอบให้เจ้ารับผิดชอบไปก็แล้วกัน ให้เขาไปรับโทษเสีย หากคุณชายไม่อภัยโทษให้ก็ให้ลงโทษ” ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินสั่งการออกมาช้าๆ

เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมา ทำให้ภายในใจของเจ้าสำนักไป่ตันสะท้าน บรรพบุรุษของพวกเขาผ่านอุปสรรคมามากมาย ราชันแท้จริงคือแขกของเขา อย่าว่าแต่ระดับเทพแท้จริงธรรมดาเลย ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขึ้นสู่สวรรค์กับบรรพบุรุษของพวกเขาก็แค่อยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้นเอง

มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรปานนั้น แม้แต่บรรพบุรุษของพวกเขายังให้ความสำคัญในตัวของหลี่ชิเย่ถึงเพียงนี้ ย่อมไม่ต้องสงสัยหากมีการลงโทษล่ะก็ เกรงว่าตำแหน่งเจ้าสำนักของเขาก็รักษาเอาไว้ไม่ได้

“เหยียนเอ๋อร์ ตัวเองเป็นคนก่อก็ต้องไปแบกรับด้วยตนเอง เจ้าตัดสินใจโดยพละการ ฝืนกฎหลักของสำนัก ถือเป็นความผิดมหันต์ รีบไปขออภัยโทษต่อศิษย์พี่ใหญ่เสีย หากศิษย์พี่ใหญ่และหุบเขาอมตะละเว้นให้เจ้า ก็กลับไปรับโทษหนักที่สำนัก หากศิษย์พี่ใหญ่และหุบเขาอมตะไม่อภัย เจ้าก็จัดการตัวเองเสีย” สุดท้าย เจ้าสำนักไป่ตันได้สั่งการออกมา

กล่าวสำหรับเจ้าสำนักไป่ตันแล้ว เขาเองก็อยากจะรักษาชีวิตศิษย์ของตนเอาไว้ จะอย่างไรเสียก็เป็นศิษย์ที่เขาถ่ายทอดสอนมากับมือ เรียกได้ว่าสัมพันธ์ดั่งพ่อลูก แต่ว่า โทษมหันต์ที่จางเหยียนก่อขึ้นนั้น แม้แต่เจ้าสำนักอย่างเขาก็ช่วยเหลือเขาไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล