จังหวะที่หลี่ชิเย่โจมตีใส่ราชสำนักของแคว้นว่านโซ่วนั้น นักพรตฉางเซินและบรรดาบรรพบุรุษของหุบเขาอมตะรีบเร่งถอนตัวออกทันที ไปให้ไกลจากบริเวณราชสำนัก แต่ว่า เสียงตูมดังสนั่นทำเอาผืนแผ่นดินพังทลาย ก้อนหินขนาดยักษ์รวมทั้งก้อนดินตกลงมาจากท้องฟ้าดั่งฝนฟ้าคะนอง ทำให้พวกของนักพรตฉางเซินต้องทยอยกันคำรามเสียงยาวเหินฟ้าฝ่าย้อนขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำลายบรรดาหินและดินที่พุ่งลงมา
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม พวกเขาล้วนแล้วแต่ดูกระเซอะกระเซิงยิ่งนัก ท้ายสุดแล้ว ไม่ง่ายนักกว่าพวกเขาจะฝ่าออกมาจากหินและดินเหล่านั้นมาได้ด้วยท่าทางที่ดูแย่มาก ซึ่งลักษณะเช่นนี้นับว่าดีแล้ว หากไม่เป็นเพราะพวกเขาสามารถถอนตัวออกมาได้เร็ว หากก้าวเท้าเข้าไปท่ามกลางราชสำนักล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงถูกโจมตีจนกลายเป็นเถ้าธุลีเฉกเช่นราชสำนักไปแล้วอย่างนั้น
ด้วยท่าทางที่กระเซอะกระเซิงเช่นนี้ ทำให้พวกของนักพรตฉางเซินทั้งโมโหทั้งเคือง แต่ก็จนด้วยเกล้ากับหลี่ชิเย่ที่เป็นคนบ้าเช่นนี้
ไม่เพียงแต่นักพรตฉางเซินเท่านั้น แม้แต่ผู้ชมที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้วก็ต้องงุนงง หลี่ชิเย่นี่นับว่าบ้าบิ่นเหลือเกิน พลันที่มีการโจมตีก็จะไม่แยกแยะว่าเป็นมิตรหรือศัตรู พวกของนักพรตฉางเซินเกือบจะถูกโจมตีจนกลายเป็นเถ้าธุลีไป ช่างเป็นคนบ้าคนหนึ่งโดยแท้
เมื่อราชสำนักถูกโจมตีจนกลายเป็นเถ้าธุลีไปโดยพลัน พลังยิ่งใหญ่ของแคว้นว่านโซ่วก็แตกสลายทันที บรรดาศิษย์ที่เดิมทีหลอมรวมกลายเป็นร่างเดียวกับพลังยิ่งใหญ่นั้นเหมือนหลุดพ้นจากพันธนาการในชั่วพริบตาเดียว ทั้งหมดทรุดลงนอนอยู่กับพื้นเหมือนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
มีศิษย์ที่มองเห็นราชสำนักถูกโจมตีจนกลายเป็นหลุมขนาดยักษ์จากระยะห่างไกลแล้วไม่อาจเรียกสติกลับมาได้ ทันใดนั้นความรู้สึกไม่รู้ว่าเป็นความสิ้นหวังหรือไม่มีใครสามารถช่วยอะไรได้ เมื่อราชสำนักของแคว้นว่านโซ่วกลายเป็นเถ้าธุลีไป ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าแคว้นว่านโซ่วจบสิ้นแล้ว เป็นการจบสิ้นอย่างสิ้นเชิง นับจากนี้ต่อไป ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจะไม่มีแคว้นว่านโซ่วอีก
ในเวลานี้ บรรดาศิษย์ที่รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดต่างพูดไม่ออกว่ามันคือความรู้สึกเช่นใด ถ้าหากราชสำนักยังไม่จบ บางทีชีวิตของพวกเขาก็คงมีชะตาเหมือนดั่งศิษย์ที่ถูกบูชายันต์ไปแล้วอย่างนั้น ศิษย์จำนวนนับสิบล้านกลายเป็นหมอกเลือดไปในฉับพลัน ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเลือก
แต่ว่า เวลานี้ราชสำนักจบสิ้นไปแล้ว ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าราชสำนัก แคว้นของพวกเขาก็กลายเป็นเถ้าธุลีตามไปด้วย ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจะไม่มีบ้านของพวกเขาอีกแล้ว
ในเวลานี้ หลังจากที่บรรดาศิษย์แคว้นว่านโซ่วที่โชคดีรอดชีวิตมาได้และนอนหมดแรงอยู่กับพื้น ดวงตาทั้งสองมองขึ้นบนท้องฟ้าด้วยความว่างเปล่า ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้
นาทีนี้ บริเวณระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะมีแต่ความเงียบสงัด ไม่ว่าจะเป็นเรือนโอสถหรือสถานที่อื่นๆ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่พูดอะไรไม่ออก ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนมองดูหลุมขนาดยักษ์ที่แคว้นว่านโซ่วไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เป็นเวลานาน ราชสำนักของแคว้นๆ หนึ่งถูกโจมตีจนกลายเป็นเถ้าธุลีไปด้วยประการเช่นนี้ เหลือไว้เพียงหลุมขนาดยักษ์เท่านั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น
แคว้นว่านโซ่วคือแคว้นที่แข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ มีกำลังทหารเป็นอันดับหนึ่ง แต่ทว่าภายในระยะเวลาอันสั้น บทจะถูกทำลายก็ถูกทำลายไปเลย ไม่มีโอกาสที่จะต่อต้านได้มากนัก
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว จึงมีผู้ที่ได้สติคืนกลับมา ทุกคนถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ในอดีตผู้คนจำนวนเท่าไรที่เข้าใจว่าหุบเขาอมตะได้ตกต่ำลงแล้ว ทุกคนต่างเข้าใจว่าหุบเขาอมตะ ไม่มีศักยภาพที่จะปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะอีกแล้ว
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความแข็งแกร่งของหุบเขาอมตะเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มากทีเดียว กระทั่งไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถจินตนาการได้ ความลึกล้ำของธาตุแท้ภายในของหุบเขาอมตะนั้น เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
ในขณะนี้ มีผู้ที่ได้สติคืนกลับมามองไปที่หุบเขาอมตะจากระยะห่างไกล ประตูบานนั้นของหุบเขาอมตะได้ปิดลงแล้ว ร่างเงาสูงใหญ่ของผู้ที่ถือคันธนูก็หายไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่ลงมือเป็นใคร ไม่รู้ว่าเป็นบรรพบุรุษท่านใดของหุบเขาอมตะ ยิ่งไม่รู้เลยว่าเขามีความแข็งแกร่งปานใดกันแน่
หุบเขาอมตะในเวลานี้ช่างเงียบสงบเหลือเกิน ช่างสงบเยือกเย็นเหมือนว่าไม่ชิงดีชิงเด่นกับใครอย่างนั้น
“ไม่…” หลังจากผ่านไปนานมาก กษัตริย์ของแคว้นว่านโซ่วถึงกับร้องเสียงแหลมดังขึ้นได้สติคืนกลับมา เสมือนดั่งสัตว์ที่ร้องคำรามด้วยความสิ้นหวังอย่างนั้น
แม้ว่าตัวเขาที่เป็นกษัตริย์ยังไม่ตาย แต่ แคว้นว่านโซ่วได้จางหายดั่งเมฆหมอกไปแล้ว ความเป็นกษัตริย์ของเขาถึงมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไร้ความหมาย ยิ่งไปกว่านั้นการชิงบัลลังก์แย่งอำนาจในครั้งนี้เขาคือผู้ริเริ่มขึ้น เขาคือตัวการที่ทำให้แคว้นว่านโซ่วต้องถูกทำลายไป เขานั่นแหละคือคนบาปทำให้แคว้นว่านโซ่วถูกทำลายที่แท้จริง และละอายต่อบรรพชนของแคว้นว่านโซ่ว
อ๊ากกก…สุดท้าย กษัตริย์แคว้นว่านโซ่วร้องเสียงแหลมออกมาคำหนึ่ง กระโดดจากแท่นโอสถลงไปโดยตรง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ด้านล่างของแท่นโอสถปรากฏเสียงดังปังขึ้น กษัตริย์แคว้นว่านโซ่วได้กระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย การกระโดดลงไปจากที่สูงขนาดนี้ได้ทำให้ร่างของเขาแหลกเหลวไปทันที
ในเวลานี้ ทั่วทั้งแท่นโอสถเงียบสงัดยิ่งนัก ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาสักคำ สำหรับบรรดายอดฝีมือของสำนักต่างที่หันไปพึ่งพาแคว้นว่านโซ่วเหล่านั้น เวลานี้ถึงกับอ่อนแรงอยู่กับพื้น ไม่กล้ากระทั่งจะหลบหนีไป
เวลานี้ต่อให้พวกเขาหลบหนีไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ต่อให้พวกเขาหนีไปได้ก็ไม่มีประโยชน์ แคว้นและสำนักของพวกเขาก็ไม่พ้นต้องถูกลงโทษจากหุบเขาอมตะอยู่แล้ว พวกเขาเลยเลือกที่จะไม่หนีรอรับการลงโทษจากหุบเขาอมตะ มิฉะนั้นล่ะก็เท่ากับเพิ่มโทษอีกเท่าตัว
แคว้นว่านโซ่วล่มสลายไปแล้ว ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนต่ออำนาจของหุบเขาอมตะ เวลานี้ไม่มีแคว้นเจ้าลัทธิใดๆ กล้ายั่วยุต่ออำนาจของหุบเขาอมตะอีก แคว้นว่านโซ่วก็คือตัวอย่าง ใครกล้าท้าทายอำนาจของหุบเขาอมตะย่อมบ่งบอกว่าจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป
ในขณะนี้ หลี่ชิเย่ได้กลับไปนั่งอยู่ที่บัลลังก์กษัตริย์แล้ว ยังคงมีท่าทีที่เอ้อระเหยด้วยท่าทีเบื่อหน่ายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่ตรงนั้น เหมือนว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก่อน สำหรับต้นหวู๋ถงนกหงส์ต้นนั้นที่อยู่บนเขาเก็บสมุนไพรได้หายไปแล้ว
ทุกคนมองดูหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้า มีความรู้สึกที่สุดจะเปรียบเปรย เมื่อครู่นี้พลันที่เขาลงมือก็จัดการกับราชสำนักแคว้นว่านโซ่วจนกลายเป็นเถ้าธุลีไป พลันลงมือก็เข่นฆ่านับล้าน เวลานี้กลับมีท่าทีเบื่อหน่ายคล้ายเป็นแมวป่วยตัวหนึ่ง ดูไปแล้วช่างธรรมดา ช่างอิสระเสรีอะไรอย่างนั้น
ลักษณะเช่นนี้ยากที่จะจับมาเชื่อมโยงกับผู้ชายคนเมื่อครู่ที่แข็งแกร่งไร้ซึ่งความปราณี เข่นฆ่าคนนับล้านในคราวเดียว ในเวลานี้บนตัวของเขาไม่ได้มีกลิ่นอายฆ่าฟันลักษณะเช่นนั้น กระทั่งทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ได้แตกต่างอะไรกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...