ผู้พเนจรหยางหมิงจ้องมองดูนักพรตฉางเซินอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ทุกเรื่องราวอย่าได้มั่นใจเกินไปนัก บางทีสักวันระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะอาจจะต้องถูกทำลายภายใต้ความมั่นใจในตนเอง”
“ทำไมรึ คิดจะประลองกับข้าอย่างนั้นรึ” นักพรตฉางเซินหัวเราะเบาๆ คำพูดที่มีการท้าทายอยู่ในที
นักพรตฉางเซิน และผู้พเนจรหยางหมิงทั้งสองถูกยกย่องให้เป็นสองนักพรตยิ่งใหญ่แห่งแดนลัทธิพรรษ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางทั้งสองมีความพิเศษเป็นอันมาก พวกนางคล้ายเป็นคู่ต่อสู้ แต่ก็คล้ายเป็นสหาย ระหว่างพวกนางทั้งสองแม้ไม่เคยปะทุเป็นสงครามอะไรขึ้นมา แต่ระหว่างนางทั้งสองไม่เคยหยุดในเรื่องของการประลอง
การประลองระหว่างพวกนางสองคนไม่จำเป็นจะต้องประลองด้วยกำลัง พวกนางทั้งสองมักจะประลองในด้านของแผนการอยู่เสมอๆ
“สงครามเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ช่างเป็นอะไรที่ไร้รสนิยมเหลือเกิน” นักพรตฉางเซินหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “มิสู้ประลองเกี่ยวกับศิษย์คนนี้ของข้า หากว่าเจ้าแพ้ ข้าก็จะตัดสินใจแทนศิษย์ของข้า รับภรรยาน้อยสักคน”
“ถ้าหากเจ้าเป็นฝ่ายแพ้ล่ะ?” ผู้พเนจรหยางหมิงยังคงเยือกเย็นมองดูนักพรตฉางเซิน ดูจากหน้าตาแล้วก็แฝงไว้ซึ่งการท้าทายเช่นกัน
นักพรตฉางเซินหัวเราะเบาๆ ท่าทางที่สวยพราวเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ลักษณะเช่นนี้ของนางบุคคลภายนอกไม่มีโอกาสได้เห็น นางเชยคางผู้พเนจรหยางหมิงที่นุ่มนวลอย่างยิ่งขึ้น หัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ถ้าหากข้าแพ้ ข้าจะอุ่นเตียงให้กับเจ้าดีไหม?”
“เจ้าคิดแต่ทางที่ได้เปรียบ” ผู้พเนจรหยางหมิงเหลือบมองนักพรตฉางเซินทีหนึ่ง ท่าทางที่เขินอายและอ่อนหวานถูกถ่ายทอดออกมาอย่างหมดเปลือก
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดจะพนันกันอย่างไร?” นักพรตฉางเซินหัวเราะเบาๆ กะพริบตาทีหนึ่ง ท่าทางดูคล้ายกับนางมารเสียจริงๆ ซึ่งยากที่จะนำมาเชื่อมโยงกับฐานะของนางได้
“ไหนเลยจะต้องพนัน” ผู้พเนจรหยางหมิงที่สวยแบบเรียบๆ และเยือกเย็นกล่าวว่า “พิทักษ์ลัทธิเต๋าเป็นหน้าที่ของพวกเรา หากศิษย์ของเจ้าเดินตามรอยเท้าของพรรคมารล่ะก็ ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอมเลิกราอย่างเด็ดขาด”
“ถ้าหากเขาก้าวเดินไปตามรอยเท้าของพรรคมารจริง เกรงว่าเจ้าก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ไม่แน่นักเจ้าอาจจะถูกเขาชิงตัวไปเป็นภรรยาของหัวหน้าโจร แน่นอน อันดับแรกต้องขึ้นอยู่กับว่าเขาต้องถูกใจในตัวเจ้า” นักพรตฉางเซินหัวเราะกล่าว
“ก็ต้องดูว่าเขามีความสามารถหรือไม่” แววตาของผู้พเนจรหยางหมิงเย็นชา ท่าทางที่หยิ่งยโสก็ชวนหลงใหลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะท่าทางที่เย็นยะเยือกนั้น ยิ่งทำให้ผู้คนหมายมั่นที่จะพิชิตให้จงได้
“วางใจเถอะ ศิษย์ของข้ามีความสามารถเช่นนี้แน่นอ” นักพรตฉางเซินหัวเราะเบาๆ ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ว่า “แน่นอนที่สุด หากศิษย์ของข้าไม่รับเจ้า ข้าสามารถรับเจ้าเอาไว้แทนเขาได้” กล่าวพลางได้เชยคางของผู้พเนจรหยางหมิงขึ้นมา ท่าทางที่ผู้หญิงสองคนกระตุ้นแก่กันเช่นนี้นับว่าเป็นที่น่าหลงใหลเหลือเกิน
“เจ้ายังไม่ได้ตื่นจากความฝันรึ” ผู้พเนจรหยางหมิงก็เหลือบมองนักพรตฉางเซินทีหนึ่ง กล่าวเฉยเมยว่า “ถ้าหากซ้ำรอยพรรคมารจริงล่ะก็ เมื่อถึงเวลานั้นไม่เพียงแค่พรรคหยางหมิงที่ปกป้องลัทธิเต๋าเท่านั้น เรื่องนี่ใช่ว่าข้าจงใจหาเรื่องเจ้า แต่เป็นสิ่งที่ทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษต้องปฏิบัติ จูเซียงหวู่ถิง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงต่างๆ เป็นต้น ทุกๆ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิล้วนไม่ยอมปล่อยผ่านอยู่แล้ว…”
“…เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้เจ้าคิดจะเลือกก็ไม่สามารถให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะมาเป็นผู้เลือก หรือว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะของเจ้าคิดจะทุ่มหมดหน้าตักรึ” ท่าทางของผู้พเนจรหยางหมิงดูหนักแน่นจริงจังมากครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้ นี่เป็นการกล่าวเตือนต่อนักพรตฉางเซินแล้ว
นักพรตฉางเซินทำท่าบิดขี้เกียจทีหนึ่ง รูปร่างที่เป็นส่วนเว้าส่วนโค้งนั้นนับว่าเป็นที่ดึงดูดสายตาผู้คนเหลือเกิน เสียดายไม่มีผู้ใดมีบุญตาได้เห็น นางไม่ได้ใส่ใจและกล่าวว่า “น้องหยางหมิง ข้าน่ะไม่ได้ห่วงเขาหรอกนะ ต่อให้เขาบ้าบิ่นมากกว่านี้เขาก็มีสติมากกว่าใครๆ อีกทั้งไม่มีสิ่งใดสามารถบงการเขาได้ แววตาคู่นั้นของเขาก็จะให้คำตอบเจ้าได้”
ผู้พเนจรหยางหมิงมองดูรูปร่างที่เป็นส่วนเว้าส่วนโค้งซึ่งเป็นที่ดึงดูดสายตานั้น ยังคงเยือกเย็นและมีความงดงาม และกล่าวว่า “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไรก็ตาม ข้าวางท่าทีที่รอบคอบเอาไว้ก่อน ต่อให้เจ้าเชื่อใจเขาอย่างไรก็ตาม แต่เข้ายังคงมีใจที่เฝ้าระวัง”
“ยังมี เกรงว่าเจ้าจะอ่อนกว่าข้า อย่าได้วางตัวว่าอาวุโสกว่า” เมื่อผู้พเนจรหยางหมิงเอ่ยมาถึงตรงนี้ ได้เหลือบมองไปทีหนึ่ง
“บอกได้แต่เพียงนี่เป็นท่าทีของพรรคหยางหมิงพวกเจ้า” นักพรตฉางเซินทำท่ายักไหล่เบาๆ ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “แต่ว่า ข้าเชื่อในลางสังหรณ์ของข้ามากกว่า”
“เช่นนั้น เจ้ารักษาตัวก็แล้วกัน” ผู้พเนจรหยางหมิงที่งดงามเรียบๆ กล่าวว่า “เรื่องบางเรื่องเมื่อถึงขั้นนั้นแล้ว เกรงว่าหาใช่ข้ากับเจ้าสามารถบงการได้ ถึงตอนนั้นเจ้าอย่าเล่นกับไฟแล้วไหม้ตัวเองก็แล้วกัน”
“เรื่องนี้มันก็จริง” นักพรตฉางเซินหัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “แต่ทว่า ถ้าหากเจ้ามีใจระแวดระวังจริงๆ ล่ะก็ คนที่เจ้าสมควรระแวดระวังหาใช่ศิษย์ของข้า แต่เป็นเจ้าคนที่แซ่มู่คนนั้น เขาจึงเป็นผู้ที่ควรค่าแก่การระแวดระวังที่แท้จริง”
คำพูดของนักพรตฉางเซินทำเอาสีหน้าของผู้พเนจรหยางหมิงดูหนักแน่นจริงจังขึ้นมาทันที นางจ้องมองไปที่นักพรตฉางเซิน และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เป็นเพราะเจ้าได้ไปที่จูเซียงหวู่ถิงมา เจ้าไปพบอะไรมา?”
“ไม่ได้พบอะไร จูเซียงหวู่ถิงดูใกล้ชิดกับคนแซ่มู่มากเกินไปเสียแล้ว แต่ เขาต้องมีแผนการอย่างแน่นอน” เมื่อนักพรตฉางเซินเอ่ยมาถึงกตรงนี้ ดวงตาคู่นั้นดูน่าเกรงขาม เป็นการยากนักที่บนใบหน้าของนางจะปรากฎปณิธานการฆ่าขึ้นมา
นับว่าสุดจะจินตนาการได้ คนอย่างนักพรตฉางเซินถึงกับเผยปณิธานการฆ่าได้ เรื่องนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...