หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้า โดยมีหลินซิม่อติดตามอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่ไปตลอดทาง นางตามติดไปตลอดทางโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ
หลี่ชิเย่ไม่ได้เร่งความเร็วในการเดิน หากเขาเร่งความเร็วจริงๆ ล่ะก็ หลินซิม่อย่อมไม่สามารถตามได้ทัน ด้วยความเร็วของหลี่ชิเย่ในเวลานี้นับว่าช้ามากแล้ว แต่หลินซิม่อยังเดินตามด้วยความยากลำบาก
แต่ ไม่ว่าจะยากลำบากเช่นใด ต่อให้ต้องเดินจนเหงื่อไหลไคลย้อยหลินซิม่อก็ไม่บ่นให้ได้ยินสักคำ กัดฟันเดินต่อไปเรื่อยๆ และไม่ส่งเสียงว่าต้องการหยุดพัก
เพียงแต่เมื่อหลี่ชิเย่เห็นว่าหลินซิม่อยากที่จะยืนหยัดต่อไปได้จริงๆ แล้ว จึงเพลาฝีเท้าให้ช้าลงเพื่อให้หลินซิม่อสามารถตามได้ทัน
หลี่ชิเย่ทั้งสองคนเดินๆ หยุดๆ ไปตลอดเส้นทาง ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทางของหลี่ชิเย่แล้ว
มองเห็นสถานที่ตรงนี้มีภูเขาที่มีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม เทือกเขาที่ขึ้นลงสลับ มียอดเขาประหลาดอยู่เป็นจำนวนมาก ท่ามกลางยอดเขาแต่ละลูกมีตำหนักโบราณแต่ละหลังตั้งอยู่ ทุกๆ ยอดเขาก็จะมีตำหนักโบราณหลังหนึ่ง มีคนนับอย่างละเอียดแล้วปรากฏว่ามียอดเขารวมทั้งสิ้นหนึ่งร้อยยี่สิบแปดลูก ย่อมเป็นการบ่งบอกว่ามีตำหนักโบราณอยู่ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบแปดหลัง
อีกทั้งยอดเขาประหลาดเหล่านี้จะเรียงกันอย่างเป็นระเบียบตั้งแต่ต่ำไปถึงสูง จากหน้าไปหลัง มองจากระยะห่างไกลแล้วยอดเขาประหลาดเหล่านี้เรียงกันดูเหมือนเป็นพัดเล่มหนึ่ง
ยอดเขาประหลาดลูกที่อยู่ด้านหน้าสุด และก็คือยอดเขาประหลาดที่มีขนาดต่ำที่สุด บริเวณตีนเขาของยอดเขาประหลาดลูกนี้ก็ได้มีการสร้างตำหนักใหญ่ขึ้นมาอยู่หลังหนึ่ง ด้านหน้าตำหนักใหญ่หลังนี้มีบันไดหินที่ยื่นเข้ามาจนกระทั่งสุดอยู่ตรงหน้าของทุกคน
ในขณะนี้ ด้านหน้าของบันไดหินมีผู้บำเพ็ญตนยืนอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ผู้บำเพ็ญตนบางคนเฝ้าดู ขณะที่ผู้บำเพ็ญตนบางคนก้าวเดินลงมาจากตำหนักใหญ่ด้วยความผิดหวัง และมีผู้บำเพ็ญตนที่นั่งอยู่บนบันไดหินด้วยท่าทีที่หมดอาลัยตายอยาก
“นี่คือสถานที่ใด?” เวลานี้หลินซิม่อเงยหน้ามองดาตำหนักใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าหลังนี้และเอ่ยถามขึ้น
“ตำหนักหมีเซียน” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมย
ตำหนักหมีเซียน…หลินซิม่อถึงกับกล่าวด้วยความตระหนก “ตำหนักเซียนที่เล่าลือกันว่าเข้าไปได้ยากที่สุดในตำนาน สถานที่ที่สามารถทำให้ใครก็ตามต้องหลงทาง?”
“ไม่ใช่หลงทาง” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “เป็นอัตราส่วนต่ำมากจนสามารถมองข้ามไปได้ เว้นแต่จะเป็นปฐมบรรพบุรุษ บุคคลทั่วไปยากที่จะวิวัฒนาการความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของมันได้”
ในเวลานี้ ด้านหน้าของตำหนักหมีเซียนได้มีผู้คนมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ มีบางคนรอคอย และมีบางคนคาดหวัง ที่มากยิ่งกว่าก็คือหมดอาลัยตายอยาก แน่นอน มีส่วนน้อยมากๆ ที่รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง
“เป็นอย่างไรบ้างพี่ไป๋เล่อ?” เวลานี้มีผู้ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสเดินทางมาถึงด้านหน้าของยอดเขา มองเห็นสหายเก่าของตนกำลังจะเดินทางจากไป จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงขึ้นมาทันที
“เฮ่อ อย่าพูดถึงมันอีกเลย แค่โลภไปชั่ววูบ เสียหมดตัวแล้วล่ะ” ผู้ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสผู้นี้กล่าวด้วยท่าทีหมดอาลัยตายอยากว่า “ไม่ง่ายนักกว่าจะไปถึงตำหนักที่สามแล้ว แต่โลภมากเกินไปคิดจะเข้าไปยังตำหนักที่สี่จึงเสียหมดตัวทันที ถ้ารู้อย่างนี้ข้าจะไม่โลภมากถึงเพียงนี้ หยิบของจากตำหนักที่สามแล้วก็ไปทันที”
“ท่านนับว่าดีแล้วล่ะ ข้าแพ้มาแล้วสามรอบ ทุ่มเงินไปมากมายกว่าจะไปถึงตำหนักที่ห้าด้วยความยากลำบาก เดิมทีตั้งใจว่าจะให้ถึงตำหนักที่หกแล้วก็เลิก ไม่นึกเลยว่าพลันถูกส่งตัวกลับมา” สหายของผู้ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสกล่าวด้วยท่าทียิ้มเจื่อนๆ
“เฮ่อ พวกท่านอย่าพูดอีกเลย” เวลานี้ด้านบนก็มีผู้ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสที่มีผมเผ้าสีขาวก้าวลงมาอีกคน ส่ายหน้าและกล่าวว่า “พวกท่านยังดี อย่างน้อยก็ยังมีเหลืออยู่บ้าง ข้านี่สิเสียจนหมดสิ้นโดยสิ้นเชิง ข้าเอามาแปดสิบล้านมาที่เงินทองตกพื้น นอกเหนือจากเดิมพันพื้นที่ทุ่งกว้างที่ว่างเปล่ามาครั้งหนึ่งแล้ว ส่วนที่เหลือล้วนแล้วแต่ทุ่มอยู่กับตำหนักหมีเซียนทั้งหมด เวลานี้ในกระเป๋าไม่สามารถควักออกมาได้แม้แต่เหรียญเดียว ต้องขอยืมเงินพวกท่านเพื่อกลับบ้านแล้ว”
“เฮ่อ พี่เหมาท่านก็อย่าได้พูดอีกเลย” ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสคนเมื่อครู่ส่ายหน้าและหัวเราะกล่าวว่า “ท่านนี่หากไม่เลิกนิสัยพนันเช่นนี้ ช้าเร็วก็ต้องเสียหายหนักแน่ ท่านแพ้มาแล้วถึงสี่รอบยังกล้าเล่นต่ออีก และเป็นการเล่นที่เดิมพันเพิ่มขึ้นสิบเท่าในแต่ละรอบ ท่านเล่นแบบบ้าบิ่นมากเกินไปแล้ว”
“พี่เย่น่ะ ฟังคำเตือนข้าสักคำเถอะ ตำหนักหมีเซียนน่ะเล่นได้ แต่ว่าต้องอย่าโลภมาก ความเห็นส่วนตัวของข้ารู้สึกว่าถึงตำหนักที่สามก็ควรเลิกรากันได้แล้ว” ผู้ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสผู้นี้กล่าวว่า “อาศัยกำลังของพวกเรา การที่จะวิวัฒนาการถึงความลึกลับของตำหนักสามหลังแรกยังคงสามารถแอบเห็นอะไรบางอย่างได้แต่ก็ยาก หากคิดจะไปให้ได้หนึ่งร้อยยี่สิบแปดตำหนักล่ะก็ ให้เก็บไปนึกในความฝันเอาก็แล้วกัน มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ข้าคิดว่าต่อให้เป็นปฐมบรรพบุรุษก็ไม่แน่ว่าจะสามารถไปให้ได้หนึ่งร้อยยี่สิบแปดหลัง”
“ผู้อาวุโส จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก ครั้งนั้นมีชาหนุ่มคนหนึ่งทะลวงผ่านไปได้ถึงร้อยกว่าตำหนัก สุดท้ายเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมมาก” ข้างๆ มีชายหนุ่มคนหนึ่งพูดสอดแทรกเข้ามา
“เสวียนเซียว โลกนี้จะมีสักกี่คนสามารถมีโชคลาภที่ฝืนลิขิตสวรรค์จนสุดจะเทียบเทียมเหมือนเช่นเสวียนเซียวได้กันเล่า ผ่านร้อยกว่าตำหนักได้ในรวดเดียว” ผู้ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสหลายคนที่อยู่ด้านข้างอดที่จะวิพากวิจารณ์กันถึงเรื่องนี้ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้
“ฟังว่าในครั้งนั้น เสวียนเซียวไปถึงตำหนักที่ร้อยกว่าแล้วนั้น ได้โลงศพเซียนโลงหนึ่งมาจริงๆ เมื่อเปิดฝาโลงออกมาแล้วได้นางฟ้าองค์หนึ่งใช่หรือเปล่า?” เมื่อมีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้แล้ว ได้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์เกิดความสนใจขึ้นในทันที ต่างอดที่จะล้อมวงกันเข้ามาและวิพากวิจารณ์กันขึ้น แม้แต่ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสก็ไม่สำรวมอีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...