ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2331

สรุปบท ตอนที่ 2331 กระดูกเต๋าชิ้นหนึ่ง: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 2331 กระดูกเต๋าชิ้นหนึ่ง จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2331 กระดูกเต๋าชิ้นหนึ่ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ปี้โซ่วที่คล้ายวัวขุยหนิวทุกพวกของหลี่ชิเย่เดินทางต่อไปยังส่วนที่ลึกเข้าไปอีก ขณะที่เดินผ่านผนังหินด้านหนึ่งนั้น ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่พลันเพ่งตรงไปข้างหน้า และยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “น่าสนใจ” ในเวลานี้เขาได้ลุกขึ้นยืน

“พรรคพวก เจ้าไปเถอะ” หลี่ชิเย่ตบหัวของปี้โซ่วที่คล้ายวัวขุยหนิว จากนั้นก็กระโดดลงมา

หวู่ปิงหนิง และหลินซิม่อต่างทยอยกันกระโดดลงมาเมื่อเห็นหลี่ชิเย่กระโดดลงมาจากบ่าของปี้โซ่วที่คล้ายวัวขุยหนิว

ปี้โซ่วที่คล้ายวัวขุยหนิวไม่สนใจหรอกนะว่าพวกหลี่ชิเย่จะนั่งต่อไปหรือไม่ มันไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นก็หายไปท่ามกลางภูเขาประหลาดเสียแล้ว

หลังจากที่ปี้โซ่วที่คล้ายวัวขุยหนิวหายตัวไปแล้ว หลี่ชิเย่ แหงนหน้าขึ้นมองดูผนังหินที่อยู่ตรงหน้า ทั้งหวู่ปิงหนิง และหลินซิม่อต่างทยอยกันเงยหน้ามองดูผนังหินด้านนี้

ผนังหินด้านนี้ปรากฏอยู่บนภูเขาลูกที่อยู่ตรงหน้านี้ มันอยู่กึ่งกลางของเขาลูกนี้ ด้านล่างผนังหินถึงกับมีหินยาวที่นูนขึ้นมาเหมือนหินใต้ชายคาบ้าน มองจากระยะห่างไกลคล้ายเป็นขอบคันหินที่ล้อมรอบผนังหินด้านนี้และหมุนไปโดยรอบอย่างนั้น

หวู่ปิงหนิง กับหลินซิม่อมองดูผนังหินด้านนี้อย่างละเอียด พวกนางไม่สามารถมองเห็นความนัยแต่อย่างใด เหมือนว่ามันเป็นเพียงผนังหินที่ธรรมดาๆ จนไม่รู้จะธรรมดาอย่างไรมากไปกว่านี้อีกแล้วเท่านั้นเอง

ผนังหินด้านนี้ไม่ได้ราบเรียบแต่อย่างใด มันคล้ายดั่งผนังหินจำนวนมากอย่างนั้นที่มีส่วนที่เป็นหลุมเป็นบ่อมากมาย และมีเศษหินจำนวนไม่น้อยที่ปะปนแทรกอยู่ท่ามกลางผนังหินด้านนี้ มองดูแล้วมีส่วนที่นูนออกมาอยู่ไม่น้อยทีเดียว สภาพโดยรวมของผนังหินกล่าวได้ว่าไม่เรียบเสมอกันเลย

ผนังหินด้านนี้มีสีออกเป็นสีเทาอ่อน เหมือนเป็นหินที่พบเห็นได้ทั่วไป อีกทั้งบนผนังหินยังมีหลายแห่งที่มีต้นหญ้าขึ้นมา

ลักษณะของผนังหินเช่นนี้ดูไปแล้วเรียกว่าธรรมดาเหลือเกิน ไม่เห็นมีความพิเศษตรงไหน

แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับถูกมันดึงดูดเอาไว้ในทันที เหมือนว่านี่คือหญิงงามอย่างนั้น ซึ่งเป็นอะไรที่หวู่ปิงหนิงและหลินซิม่อไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว

เวลานี้ หลี่ชิเย่กระโดดขึ้นไปและไปยืนอยู่บนหินชายคาบ้าน ยื่นมือไปลูบคลำผนังหินที่ดูหยาบกระทั่งทิ่มบาดมือนั่น หลี่ชิเย่ลูบคลำอย่างแผ่วเบาด้วยท่วงท่าที่ดูนุ่มนวลมาก เหมือนเป็นการลูบคลำผิวกายของคนรักอย่างนั้น

เวลานี้หวู่ปิงหนิง และหลินซิม่อต่างทยอยกันกระโดดขึ้นไป ติดตามหลี่ชิเย่ขึ้นไปยืนอยู่บนหินชายคา

“ช่างงดงามไร้ที่ติเหลือเกิน นี่มันเรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดเลยนะเนี่ย” หลี่ชิเย่ลูบคลำผนังหินด้านนี้เบาๆ ถึงกับพูดออกมาจากใจ

ทั้งหวู่ปิงหนิง และหลินซิม่อต่างงงเป็นไก่ตาแตก ในสายตาของพวกเขาผนังหินลักษณะเช่นนี้ไม่มีอะไรที่ดูธรรมดามากไปกว่านี้อีกแล้ว ในโลกภายนอกผนังหินเช่นนี้สามารถพบเห็นได้ทุกที่ มันสมบูรณ์แบบไร้ที่ติได้อย่างไรกับผนังหินลักษณะเช่นนี้

ในขณะนี้หลินซิม่อก็ได้ยื่นมือออกไปลูบคลำผนังหินด้านนี้ อย่างไรก็ตาม ผนังหินด้านนี้ก็แค่ผนังหินธรรมดาๆ ด้านหนึ่งเท่านั้น พื้นผิวของผนังหินหยาบมาก กระทั่งทิ่มมืออยู่บ้างด้วยซ้ำ ไม่ได้ตรงกับคำว่างดงามไร้ที่ติอย่างสิ้นเชิง

“นี่ นี่ทำไมถึงงดงามไร้ที่ติเล่า?” หวู่ปิงหนิงไม่สงสัยในตัวหลี่ชิเย่ แต่ว่านางเพียงแปลกใจเท่านั้นเอง เนื่องจากนางมองถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมในนั้นไม่ออก มองไม่เห็นความลึกลับที่อยู่ข้างในโดยสิ้นเชิง

“ดูให้ดีล่ะ” ในเวลานี้เอง นิ้วมือของหลี่ชิเย่ดุจดังเทพจากแดนไกลอย่างนั้น มีจังหวะและท่วงทำนองอย่างหนึ่งที่บอกไม่ถูก มองเห็นเพียงนิ้วมือของเขาจี้แตะลงบนผนังหินเบาๆ

ได้ยินเสียงปุดังขึ้นเสียงหนึ่ง พริบตาเดียวนั่นเอง สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือผนังหินเสียที่ไหน มันเหมือนน้ำในบึง จังหวะที่เสียงปุดังขึ้น เสมือนดั่งคลื่นน้ำที่กระเพื่อมอย่างนั้น ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้นมา

พริบตาเดียวนั่นเอง สิ่งที่พวกหวู่ปิงหนิงมองเห็นนั้นหาใช่เงาสะท้อนของตนเอง อีกทั้งสิ่งที่พวกนางทั้งสองมองเห็นนั้นล้วนแล้วแต่แตกต่างกัน พริบตาเดียวนี้หวู่ปิงหนิงคล้ายมองเห็นโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งโลกหนึ่ง เหมือนว่าท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้น เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงของจักรวาล โลกๆ หนึ่งกำลังจะถือกำเนิดขึ้นมาอย่างนั้น

แต่ทว่า มันมาเร็วไปเร็ว ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงแวบเดียวผ่านไปเท่านั้น หวู่ปิงหนิงยังไม่ทันมองเห็นได้ชัดเจน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่หายไปแล้วในทันที

ขณะที่ทุกสิ่งที่หลินซิม่อมองเห็นนั้นยิ่งสั้นลงมากขึ้นไปอีก ในพริบตาเดียวนั้น นางเสมือนหนึ่งมองเห็นสุดยอดกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเล่มหนึ่ง พลันที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ปรากฏ มันได้ซ่อนความลับสวรรค์ไม่มีสิ้นสุดเอาไว้ แต่ทว่า เมื่อกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ปรากฏก็พลันหายไปทันที นางอยากจะมองเห็นอีกเป็นครั้งที่สองก็ไม่มีโอกาสเสียแล้ว

ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ทั้งหวู่ปิงหนิงและหลินซิม่อต่างถูกทำให้หวั่นไหว เมื่อพวกนางได้สติกลับมาและมองดูให้ละเอียดอีกครั้ง ผนังหินยังคงเป็นผนังหิน ยังคงไม่มีอะไรที่พิเศษแต่อย่างใด เมื่อเอามือลูบคลำมันยังคงหยาบและทิ่มมืออยู่บ้างเหมือนเดิม

ในเวลานี้ ทำให้รู้สึกฉงนว่าเมื่อครู่นี้ตนเองเพ้อฝันหรือจินตนาการไปเองใช่หรือไม่ แต่สติบอกหวู่ปิงหนิงว่านี่หาใช่เป็นจินตนาการอะไรอย่างแน่นอน สิ่งที่นางมองเห็นเมื่อครู่เป็นความจริงแน่นอน

“นี่ นี่มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่?” หวู่ปิงหนิงเมื่อได้สติกลับมา อดที่จะกล่าวด้วยความหวั่นไหวไม่ได้

“เพราะว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเจ้าก็คือกระดูกเต๋าชิ้นหนึ่ง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย

“กระดูกเต๋า ชิ้น ชิ้นหนึ่ง” ทั้งหวู่ปิงหนิงและหลินซิม่อต่างอ้าปากตาค้างเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ แลกล่าวว่า “ผนังหินทั้งด้านนี้รึ?”

“ถูกต้อง ไม่ผิด คือผนังหินด้านนี้ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเจ้านี่แหละ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย

สุดท้าย หวู่ปิงหนิงได้ละทิ้งมัน เนื่องจากนางเองก็รู้ว่าบางสิ่งไม่สามารถฝืนได้ การบรรลุเช่นนี้นับว่าได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดที่ไม่เคยทำได้มาก่อนแล้ว สิ่งนี้หาใช่สิ่งที่นางจะเอื้อมไปได้ถึง อย่างน้อยที่สุดนางไม่สามารถเอื้อมถึงความสูงระดับนั้นในขณะนี้

ตรงกันข้ามกับหลี่ชิเย่ เห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้นเสมือนหนึ่งได้หลับไปแล้ว เขาเข้าฌานอยู่ตรงนั้นโดยไม่กระดุกกระดิก คล้ายดั่งได้กลับกลายเป็นรูปแกะสลักไปแล้วไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้เขาแตกตื่นได้อย่างนั้น

แม้ว่าหลินซิม่อกับหวู่ปิงหนิงต่างก็ได้ครุ่นคิดและพิจารณาผนังหินด้านนี้ แต่พวกนางไม่สามารถทำได้เหมือนเช่นหลี่ชิเย่ที่จี้สัมผัสเบาๆ ก็ปรากฏเป็นภาพของคลื่นน้ำได้

“พิจารณาด้วยจิต” สุดท้ายหวู่ปิงหนิงได้แต่ทอดถอนใจเบาๆ และละทิ้งการกระทำ เข้าใจได้ว่านี่คือสิ่งที่พวกนางไม่สามารถไปบรรลุได้ และเป็นสิ่งที่พวกนางไม่สามารถเอื้อมไปถึง

สุดท้ายหวู่ปิงหนิงและหลินซิม่อได้ละทิ้งและอยู่เงียบๆ ด้านข้าง ไม่กล้าไปรบกวนหลี่ชิเย่อีก

จากเวลาที่ค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า หลี่ชิเย่ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นไม่มีการเคลื่อนไหว คล้ายดั่งกลายเป็นหินไปแล้ว

หลังจากไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ได้ยินเสียงซ่าซ่าซ่าดังขึ้นเป็นระลอก พริบตาเดียวนั้นเอง ภายในใจของหวู่ปิงหนิงบังเกิดความตื่นตัวขึ้นมา

มีคนมา…เวลานี้หวู่ปิงหนิงขยับไปเฝ้าระวังอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ทันที นางรู้ว่าขณะที่หลี่ชิเย่กำลังเข้าฌานทำความบรรลุนั้น หากถูกรบกวนไม่แน่อาจทำให้ธาตุไฟเข้าแทรกได้

ในพริบตาเดียวนั่นเอง หลินซิม่อก็ไปเฝ้าอารักขาอยู่ข้างๆ แม้ว่าทักษะยุทธของนางนั้นอ่อนมาก แต่ก็จะอาศัยกำลังอันน้อยนิดเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่

เป็นไปตามคาด ในเวลานี้เอง ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งบริเวณที่ที่ไกลออกไป อีกทั้งผู้บำเพ็ญตนกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่มีทักษะไม่เบา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้เฒ่าทั้งหลายตลบอบอวล ไปด้วยกลิ่นอายของเทพแท้จริง

เจี้ยนจุน…เมื่อหลินซิม่อเห็นชายหนุ่มที่เป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้นางจดจำได้ทันที ถึงกับมีสีหน้าที่ขาวซีด

นางมีชาติกำเนิดมาจากสำนักสุสานกระบี่ ย่อมหวั่นเกรงต่อเจี้ยนจุนอย่างยิ่งอยู่ในใจ

“เป็นเหล่าบรรพบุรุษของสุสานกระบี่” เวลานี้หลินซิม่อจดจำผู้เฒ่าที่อยู่ในกลุ่มได้ไม่น้อย สีหน้าเปลี่ยนไปมากทีเดียวถึงกับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ กล่าวด้วยความหวาดผวา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล