สีหน้าของหลินซิม่อเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อมองเห็นพวกของเจี้ยนจุน ถ้าหากหลี่ชิเย่อยู่นางกลับไม่กลัว เนื่องจากต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็จะมีหลี่ชิเย่คอยค้ำเอาไว้ เวลานี้หลี่ชิเย่เข้าฌานบรรลุสัจธรรม ย่อมอันตรายแล้ว
เวลานี้หลินซิม่อไม่ได้ห่วงตัวเอง แต่เป็นกังวลในตัวของหลี่ชิเย่ เนื่องจากการเข้าฌานบรรลุสัจธรรมหากถูกขัดขวาง มีความเป็นไปได้ที่จะถูกธาตุไฟเข้าแทรก หากรุนแรงกระทั่งถึงขั้นเสียชีวิตได้
เวลานี้หลินซิม่อถึงกับมองดูหลี่ชิเย่แวบหนึ่งด้วยท่าทีร้อนรน ในเวลานี้นางกระหายอยากให้หลี่ชิเย่สามารถฟื้นขึ้นมาเร็วไว กลับออกมาจากการเข้าฌาน
“ระวังตัวด้วย” ในขณะนี้ ท่าทีของหวู่ปิงหนิงก็หนักแน่นจริงจังและเตรียมความพร้อมเอาไว้ สั่งการเสียงแผ่วเบาออกไป
หลินซิม่อกำหมัดแน่น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม นางก็ไม่ปล่อยให้พวกเจี้ยนจุนได้สมใจ กระทั่งในเวลานี้นางได้เอาตัวของเองบังอยู่ด้านหน้าของหลี่ชิเย่แล้ว แม้จะกล่าวว่าทักษะของนางอ่อนด้อย แต่นางไม่อาจมองตาปริบๆ ปล่อยให้หลี่ชิเย่ต้องเสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของพวกเจี้ยนจุน
พวกของเจี้ยนจุนมาด้วยปี้โซ่ว นับว่าพวกเขาก็มีความเข้าใจในปี้โซ่วเฉิงอยู่ระดับหนึ่ง ดังนั้น พวกเขาจึงค้นหาจนมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้ เพียงแต่ว่าปี้โซ่วที่พวกเขานั่งโดยสารมาด้วยนั้นไม่กล้าเข้ามาถึงที่ตรงนี้ พวกเขาจึงต้องลงเดินเท้าจนมาถึงตรงนี้
เทือกเขาเทือกนี้มีความอันตรายอย่างยิ่ง ดังนั้น พวกของเจี้ยนจุนต่างระมัดระวังรอบคอบยิ่ง ด้วยเกรงว่าจะไปหาเรื่องกับปี้โซ่วที่มีความแข็งแกร่งยิ่งเข้าให้ ต่อให้พบเห็นไข่ของปี้โซ่วพวกเขาก็ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม
แต่ว่า ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า พวกเขากลับมาพบพวกหลี่ชิเย่สามคนที่นี่ได้
ดวงตาทั้งสองของเจี้ยนจุนเพ่งตรงไปข้างหน้าเมื่อเห็นหลี่ชิเย่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา สายตาพลันล็อกเป้าตัวหลี่ชิเย่เอาไว้
“เขาก็คือผู้เยาว์ที่แซ่หลี่คนนั้นรึ?” ในเวลานี้เอง ด้านหลังเจี้ยนจุนปรากฏผู้เฒ่าผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา สายตาของเขาก็พลันตกลงบนตัวของหลี่ชิเย่ และกล่าวขึ้นช้าๆ
ด้านหลังของผู้เฒ่าสะพายกระบี่ยักษ์เล่มหนึ่ง กระบี่ยักษ์เล่มนี้มีสีเทาดำดั่งเหล็ก ไม่รู้ว่าหลอมสร้างขึ้นมาโดยโลหะศักดิ์สิทธิ์ชนิดใด รูปร่างของเขากำยำมาก เมื่อพกพากระบี่ยักษ์เล่มนี้แล้วแลดูแข็งแกร่งมีพลังยิ่ง แม้ว่าเขาไม่ได้จงใจแผ่กลิ่นอายเทพแท้จริงที่ทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรออกมา แต่ทว่า วงแหวนศักดิ์สิทธ์ที่ลอยล่องอยู่บนตัวของเขานั้นชัดเจนยิ่งกว่า เขาคือระดับเทพแท้จริง ทั้งยังเป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์
เทพกระบี่กูตู๋…สีหน้าของหลินซิม่อถึงกับซีดเผือดเมื่อได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้ ร้องเสียงหลงออกมาโดยไม่สามารถควบคุมตนเองได้
“หวินเทียน!” ดวงตาทั้งสองของหวู่ปิงหนิงก็ต้องเพ่งตรงไปข้างหน้าและมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อเห็นผู้เฒ่าผู้นี้ และนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าบรรพบุรุษระดับสูงของสุสานกระบี่จะมาด้วยตนเอง
หวินเทียน เทพกระบี่กูตู๋คือระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของสุสานกระบี่ เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้า มีความแข็งแกร่ง่ยิ่งกว่ายายเท่าเทวะไล่วายุของจูเซียงหวู่ถิงไม่รู้เท่าไร อีกทั้งชั่วชีวิตของเทพกระบี่กูตู๋มุ่งมั่นอยู่กับการฝึกวิชากระบี่ เรียกได้ว่าในด้านวิชากระบี่นั้นมีฝีมือที่ล้ำเลิศยากจะหาใดเทียม ด้วยเหตุนี้เองจึงมีคำเล่าลือกันว่าเทพกระบี่กูตู๋มีวิชากระบี่ที่ปราศจากผู้ต่อกร ชั่วชีวิตของเขาน้อยครั้งนักที่ใช้ถึงสามกระบวนท่า
ดังนั้น จึงเคยมีผู้คาดการณ์ว่า แม้เทพกระบี่กูตู๋จะเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้า อาศัยวิชากระบี่ที่ทระนงองอาจปราศจากผู้ต่อกรแล้ว เป็นไปได้ที่สามารถรับมือกับผู้ที่เพิ่งจะก้าวสู่ขั้นอมตะหมาดๆ ได้
ที่เทพกระบี่กูตู๋รู้สึกเสียใจก็คือไม่สามารถฝีกเคล็ดวิชาที่เป็นแก่นแท้ของกระบี่อัจฉริยะ มิฉะนั้นล่ะก็ เขามีโอกาสได้สืบทอดสุดยอดวิชากระบี่สูงสุดของอัจฉริยะกระบี่ได้
“ข้ากลับต้องการได้เห็นกระบี่ไวของเขา” ดวงตาทั้งสองของเทพกระบี่กูตู๋ส่งประกายเจิดจ้า เผยให้เห็นประกายที่ละลานตายิ่ง และสีสันของความตื่นเต้นที่วูบวาบ
เทพกระบี่กูตู๋หลงใหลในเรื่องกระบี่อย่างยิ่ง สิ่งที่เขาชื่มชอบมากที่สุดหาใช่การท้าประลองยอดฝีมือจากทั่วหล้า แต่เป็นการศึกษาวิชากระบี่กับยอดฝีมือทั่วหล้า
เดิมทีเทพกระบี่กูตู๋หวินเทียนไม่สนใจเรื่องที่เกี่ยวกับสุสานกระบี่มานานแล้ว เพียงแต่เขาได้ทราบข่าวที่เจี้ยนจุนส่งมาว่า กระบี่ไวของหลี่ชิเย่ปราศจากผู้ต่อกร พลันทำให้เทพกระบี่กูตู๋สนใจขึ้นมาทันที ดังนั้นจึงกลับสู่ยุทธภพอีกครั้งเพื่อกระบี่ไวของหลี่ชิเย่โดยเฉพาะ
การที่เจี้ยนจุนเชิญตัวเทพกระบี่กูตู๋ออกมาก็เพื่อจัดการกับหลี่ชิเย่ เมื่อยายเฒ่าเทวะไล่วายุล้มเหลว ดังนั้นเจี้ยนจุนจึงได้ครุ่นคิดในใจ เว้นแต่ระดับอมตะแล้ว คงมีเพียงเทพกระบี่กูตู๋ของสุสานกระบี่พวกเขาที่สามารถตัดสินชี้ขาดกับหลี่ชิเย่ได้แล้ว
เจี้ยนจุนเองก็รู้ว่าเจ้าสำนักอย่างเขาไม่สามารถเชิญให้ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเทพกระบี่กูตู๋ออกโรงได้ ดังนั้นจึงจงใจเน้นย้ำถึงกระบี่ไวของหลี่ชิเย่ที่ปราศจากผู้ต่อกร วิชากระบี่ที่สุดยอดหนึ่งไม่มีสองในหล้า จึงทำให้เเทพกระบี่กูตู๋บังเกิดความสนใจและกลับสู่ยุทธภพอีกครั้ง
แน่นอน การกลับสู่ยุทธภพไม่ได้มาเพื่อบุญคุณความแค้นส่วนตัวของเจี้ยน่จุน เขาแค่ต้องการรับรู้ถึงกระบี่ไวปราศจากผู้ต่อกรของหลี่ชิเย่ เขาต้องการตัดสินชี้ขาดกับหลี่ชิเย่ในด้านวิชากระบี่
“หลี่ชิเย่ ท่านผู้นี้คือระดับบรรพบุรุษของสุสานกระบี่พวกเรา วิชากระบี่ปราศจากผู้ต่อกร มาวันนี้ก็เพื่อต้องการรับการชี้แนะจากกระบี่ไวที่ปราศจากผู้ต่อกรของเจ้า” เจี้ยนจุนก้าวออกมาและกล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา เขาจงใจเน้นย้ำคำว่า ‘กระบี่ไวปราศจากผู้ต่อกร’ คำนี้
แต่ว่า หลี่ชิเย่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นไม่มีการเคลื่อนไหว
“คุณชายของพวกเราไม่สนใจในขณะนี้” เวลานี้หวู่ปิงหนิงออกปากปฏิเสธคำพูดของจี้ยนจุน นางคาดหวังใช้โอกาสนี้ถ่วงเวลาออกไป และไม่ต้องการให้ใครมองออกว่าหลี่ชิเย่กำลังเข้าฌานบรรลุสัจธรรมอยู่ที่ตรงนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...