แค่มองแวบเดียวก็ถูกปกคลุมด้วยความตาย ไม่ได้มีเคล็ดวิชาใดๆ ไม่มีกระบวนท่า กระทั่งไม่มีอะไรสักอย่าง ก็ถูกคร่าเอาชีวิตไป ถูกคร่าเอาความมีชีวิตชีวาทุกสิ่งไป เพียงชั่วพริบตาเดียวก็เก็บเกี่ยวทุกอย่าง และติดตามด้วยการกลายเป็นเถ้าธุลี
สิ่งนี้หาใช่เป็นเคล็ดวิชาอะไร ที่นากลัวมากที่สุดก็คือ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การต่อต้านใดๆ การดิ้นรนใดๆ ก็ไร้ประโยชน์ กระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต่อต้าน หรือดิ้นรนอย่างไร
ความตาย มองแวบเดียวก็ตัดสินชี้ขาดความเป็นความตายของเทพแท้จริงผู้นี้ ช่างเป็นเรื่องที่สยองขวัญอะไรอย่างนั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเหลือเกิน
ทุกคนล้วนแล้วแต่หวาดผวาจนขนลุกซู่เมื่อได้เห็นภาพนี้ ไม่มีใครรู้ว่านี่คืออะไรกันแน่
“นี่ นี่ นี่คือเคล็ดวิชาอะไร?” ทุกคนต่างรู้สึกงงงัน ทุกค้นล้วนแล้วแต่อ้าปากตาค้าง
“ความหมายลึกซึ้งสูงสุด” ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “บนโลกนี้ มีเกิดย่อมมีตาย ถ้าหากจะกล่าวว่าสวรรค์เป็นผู้สร้างชีวิต เช่นนั้นแล้ว เวลานี้เป็นข้าที่ตวบคุมเรื่องความตาย! มีเพียงสวะไม่มีสมองเท่านั้นจึงคิดว่านี่คือวิชามารแขนงหนึ่ง!”
เวลานี้ ทุกคนต่างมองดูหลี่ชิเย่อย่างงงๆ ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่านี่มันคือความหมายที่ลึกซึ้งอะไรกันแน่
“นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?” มีผู้ไม่อยากเชื่อคำพูดเช่นนี้ ถึงกับพึมพำเอ่ยถามบรรพบุรุษที่อยู่ข้างกาย
ระดับบรรพบุรุษที่อยู่ข้างกายก็มองดูหลี่ชิเย่ด้วยความงุนงง หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้พึมพำขึ้นมาว่า “นี่ นี่เป็นเพียงตำนาน ตำนานว่าไว้อย่างนั้น มีเพียงสวรรค์ที่สามารถสร้างชีวิต มีเกิดย่อมมีตาย ถ้าหากมีใครที่สามารถควบคุมความตาย นั้นก็คือหนึ่งในความหมายที่ลึกซึ้งสูงสุดจริงๆ”
แต่ทว่า แม้แต่ระดับบรรพบุรุษเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่า บนโลกนี้มีผู้ที่สามารถควบคุมความตายได้จริงรึ?
แน่นอนที่สุด ความตายที่อยู่ในความควบคุมของหลี่ชิเย่ กับความตายที่เป็นที่พึ่งพิงสุดท้ายบนโลกมันเป็นคนละเรื่องกัน ที่หลี่ชิเย่สำแดงออกมานั้นเป็นเคล็ดวิชาแขนงหนึ่งจริงๆ และเป็นหนึ่งในความหมายลึกซึ้งสูงสุดจริงๆ
ความตายที่ว่าก็คือหลี่ชิเย่ได้พลิกเปิดหน้า ‘ตำรามรณะ’ หน้าใหม่ขึ้นมา ดังนั้น นับแต่นี้ไปจะไม่มี ‘ตำรามรณะ’ อีกต่อไป มีเพียง ‘ความตาย’ เท่านั้น! ซึ่งเป็นหน้าใหม่ทั้งหมดของหนึ่งในตำราสวรรค์นพเก้า
ความตาย สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องมีกระบวนท่าใดๆ ในเวลานี้ตัวหลี่ชิเย่ก็คือตัวแทนของความตาย เป็นโฆษกของความตาย เขาเก็บเกี่ยวชีวิต ทุกอย่างในมือของเขาล้วนแล้วแต่สามารถตายได้!
ดังนั้น เมื่อเขาจ้องมองเทพแท้จริงทีหนึ่ง ความตายก็ครอบคลุมเทพแท้จริงผู้นี้ ชีวิต ความมีชีวิตชีวาของเทพแท้จริงผู้นี้จึงถูกเก็บเกี่ยวไป ภายในระยะเวลาอันสั้น เทพแท้จริงผู้นี้ได้กลายเป็นผุยผง เป็นเถ้าธุลีที่ล่องลอย
“ความหมายที่ลึกซึ้งสูงสุดอะไร…” เวลานี้เทพแท้จริงดาบสังหารคำรามเสียงดัง และร้องกล่าวเสียงดังว่า “ข้าไม่เชื่อ ฆ่า!” ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น
พริบตาเดียวนั้นเอง ดาบยาวของเทพแท้จริงดาบสังหารได้ออกจากฝักแล้ว มันคือดาบสังหารเล่มหนึ่ง พลันที่ดาบสังหารออกจากฝัก ประกายสีเลือดได้สาดส่องไปเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ทั่งโลกเสมือนดั่งถูกครอบคลุมด้วยประกายสีเลือดอย่างนั้น ดูน่าสยองขวัญยิ่ง ทำให้ผู้คนต้องหวาดผวาจนขนลุกซู่
ที่ทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัวมากที่สุดก็คือ ภายใต้ดาบสังหารเช่นนี้ เสมือนดั่งมีวิญญาณอาฆาตจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังร้องโหยหวนอย่างนั้น เหมือนว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเป็นพันล้านที่ถูกเข่นฆ่าแล้วไม่ได้ผุดได้เกิด ทั้งหมดถูกเทพแท้จริงดาบสังหารกลั่นบูชาให้อยู่ในดาบสังหารของเขา
ดังนั้น เมื่อดาบสังหารออกจากฝัก ไม่เพียงปรากฏประกายเลือดที่สาดส่องโลกจนสว่างไสว ยังทำให้ผู้คนได้กลิ่นคาวเลือดที่สยองขวัญยิ่งนัก สิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัวมากกว่านั้นก็คือเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณอาฆาตจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คนต้องขวัญหนีดีฝ่อเมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนเช่นนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง มันช่างน่าสยดสยองเหลือเกิน
เวลานี้ ทุกคนถึงกับสั่นเทิ้มขึ้นมา ขณะที่ดาบสังหารออกจากฝัก ทุกคนก็รู้แล้วว่าเทพแท้จริงดาบสังหารเคยเข่นฆ่าคนมาแล้วไม่รู้เท่าไร ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจได้ว่า เทพแท้จริงดาบสังหารได้ชื่อมาตามนี้
“ฆ่า…” ในเวลานี้เอง เทพแท้จริงดาบสังหารคำรามเสียงดัง ขณะที่ดาบสังหารของเขาสำแดงออกไปนั้น หน้าตาของเขาดูน่าเกลียดน่ากลัว เลือดแห่งความชั่วร้ายดั่งคลื่นยักษ์ ในขณะนี้เขาก็คือเทพแท้จริงดาบสังหารที่ลงมือสังหารผู้คนนับพันนับหมื่น ไม่ว่าใครก็ตามหากเป็นศัตรูกับเขา ก็จะถูกเข่นฆ่าสังหารสิ้นตระกูลขุนนางโบราณ สำนักของพวกเขา เขานั่นแหละเทพแท้จริงดาบสังหาร โหดร้ายป่าเถื่อนก็คือฉายาที่ใช้เรียกแทนตัวเขา
ปุ…ดาบสังหารฟาดฟันลงมา ทำลายดวงดาวไปจำนวนนับไม่ถ้วน ทั่วทั้งโลกาเหมือนหนึ่งกลับกลายเป็นทะเลเลือด เทพแท้จริงดาบสังหารไม่หวาดกลัวต่อหลี่ชิเย่อีกต่อไป ในขณะนี้เขาได้แปลงร่างเป็นความป่าเถื่อนออกมา
เสียงฉึกดังขึ้น ดาบสังหารได้ฟาดฟันเข้าใส่หลี่ชิเย่ เป็นการสังหารที่เด็ดขาดไร้ความปราณี ไม่ว่าใครก็ตาม ภายใต้ดาบสังหารของเขาก็ต้องศีรษะหลุดจากบ่า ในพริบตาเดียวนั่นเอง เทพแท้จริงดาบสังหารเสมือนหนึ่งมองเห็นภาพของศีรษะหลี่ชิเย่ที่ลอยขึ้นสูงจากการถูกบั่นคอ
“อะไรคือความตาย…” เวลานี้ดาบสังหารได้ฟาดฟันลงไป โดยที่เทพแท้จริงดาบสังหารมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เผยรอยยิ้มที่ป่าเถือนออกมา กล่าวน่าครั่นคร้ามว่า “ข้าก็คือความตาย!”
หนึ่งดาบที่น่ากลัวฟาดฟันลงมาเช่นนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่ เนื่องจากหนึ่งดาบที่ฟาดฟันลงมานั้น ต้นหญ้าสักต้นก็ขึ้นมาไม่ได้ หนึ่งดาบนี้ทำการเก็บเกี่ยวชีวิตอย่างบ้าคลั่ง
“เทพแท้จริงดาบสังหาร สมดั่งชื่อของเขาจริงๆ” ระดับบรรพบุรุษถึงกับร่างสั่นเทิ้ม การเป็นศัตรูกับคนอย่างเทพแท้จริงดาบสังหารนับว่าอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่เพียงตัวเองที่อาจจะถูกสังหาร เขายังจะสังหารสำนัก และหรือตระกูลของเจ้า
โอ้แม่เจ้า…ในเวลานี้เองระดับบรรพบุรุษ และยอดฝีมือของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งสามต่างตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ พวกเขาไม่คำนึงถึงเรื่องอะไรอีกต่อไปแล้ว หันหลังวิ่งหนีในทันที พวกเขาต้องการหนีไปให้ไกลจากความตายเช่นนี้
แต่ว่า ต่อให้บรรดาระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งสามจะอาศัยความเร็วสูงสุดเพื่อหลบหนีไปก็ไร้ประโยชน์ ได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ร่างกายของพวกเขาก็เริ่มมีการเน่าเปื่อยขึ้นเช่นกัน อีกทั้งยังรวดเร็วจนน่าตกใจ
“ไม่…” ในเวลานี้เอง เสียงร้องแหลมดังสลับขึ้นมาไม่ขาด ภายในระยะเวลาอันสั้น มองเห็นระดับบรรพบุรุษ และยอดฝีมือของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งสามจำนวนนับพันคน ทั้งหมดถูกทำให้เน่าเปื่อยและกลายเป็นน้ำเหลืองกองหนึ่งภายในชั่วพริบตาเดียว
อ๊ากกก…ในเวลานี้เอง เสียงร้องที่น่าเวทนายิ่งดังขึ้น มองเห็นร่างทั้งร่างของเทพแท้จริงดาบสังหารถูกทำให้เน่าเปื่อย และเขาก็ขัดขวางความตายลักษณะเช่นนี้ไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนด้วยวิธีใด ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีใดไปสยบ ก็ไม่สามารถหนีความตายไปได้พ้น
ร่างทั้งร่างของเทพแท้จริงดาบสังหารกลายเป็นน้ำเหลืองกองหนึ่งท่ามกลางเสียงร้องที่น่าเวทนา
“ไม่…” สุดท้าย เป็นความตายของเทพหมื่นแขน ในบรรดาระดับบรรพบุรุษทั้งหมดต้องยกให้เขาเป็นผู้ที่มีพลังวัตรสูงสุด เวลานี้เขาส่งเสียงร้องน่าเวทนาที่แหลมและเศร้ารันทดออกมา เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม เขาได้อาศัยของวิเศษที่ยอดเยี่ยมที่สุดมาคุ้มกายแล้ว แต่ว่า ยังคงไร้ประโยชน์ เห็นเพียงร่างทั้งร่างของเขาที่เน่าเปื่อยไปจนกลายเป็นน้ำเหลืองกองหนึ่ง
ในเวลานี้ระดับบรรพบุรุษ ยอดฝีมือของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งสามร่วมพันคนล้วนแล้วแต่ถูกสังหารสิ้นไม่เหลือรอดชีวิตไปได้แม้แต่คนเดียว หลี่ชิเย่ได้ทำการเก็บเกี่ยวชีวิตของทุกคนไปในชั่วพริบตาเดียว
“คำพูดของยมบาล บางทีอาจมีโอกาสไร้ผลได้ แต่ หากข้าต้องการให้เจ้าตายยามสาม ก็ต้องตายยามสาม!” หลี่ชิเย่พูดเอ้อระเหย
เวลานี้ กลิ่นอายแห่งความตายได้จางหายไป หลี่ชิเย่ยังคงเป็นหลี่ชิเย่ เหมือนว่าท้องฟ้าพลันกลับกลายเป็นปลอดโปร่งขึ้นในทันที
เวลานี้ ทุกคนจ้องมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยท่าทีงุนงง ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่สามารถหาคำพูดใดมาเปรียบเปรยได้อีก ในพริบตาเดียวนั่นเอง พวกเขาถึงกับขนลุกซู่ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าคือการฝันร้ายชัดๆ
ไม่มีเคล็ดวิชาใดๆ ไม่มีกระบวนท่าอะไร กระทั่งหลี่ชิเย่อาศัยขยับนิ้วทีเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ทำการเก็บเกี่ยวชีวิตของทุกๆ คนในระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งสาม ไม่เหลือรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว เฉกเช่นที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้ตอนต้น ใครก็ตามอย่าหวังมีชีวิตรอดไปยังที่ตรงนี้ไปได้
ความตาย! ในเวลานี้เอง ทุกคนล้วนแล้วแต่ร่างสั่นเทิ้มขึ้น นาทีนี้ทุกคนเชื่อแล้วว่า หลี่ชิเย่เป็นผู้กุมอำนาจความตายจริงๆ มีเพียงผู้ที่กุมอำนาจความตายเท่านั้นจึงสามารถทำเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นล่ะก็ ใครกันเล่าที่ทำได้ว่าต้องการให้ใครตายคนนั้นก็ต้องตาย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...