ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2377

ขณะที่ด้านนอกกำลังเดือดพล่านนั้น หลี่ชิเย่ได้ก้าวไปอยู่ภายในส่วนที่ลึกที่สุดของเงินทองตกพื้น ที่ที่ไม่มีผู้ใดสามารถไปถึง กล่าวให้ถูกต้องนั่นไม่ใช่สถานที่ มันคือช่องว่างที่มีขนาดกว้างขวางใหญ่โตยิ่งกว่า

หลี่ชิเย่ไม่รู้ว่าได้ก้าวเดินไปนานเท่าไรแล้ว เดินไปจนสุดทางของบันไดดำมืดนั่น ด้านหน้ามีแต่ความมืดมิด

ทอดสายตามองออกไป มองเห็นข้างหน้าที่สุดลูกหูลูกตา เป็นท้องฟ้าว่างเปล่าที่มืดมิดปราศจากขอบเขตสิ้นสุด เหมือนว่าไม่ว่าใครก็ตามหากตกลงไปยังท้องฟ้าว่างเปล่าเช่นนี้แล้วก็จะไม่คงอยู่อีกต่อไป

เมื่อหลี่ชิเย่ยืนอยู่ด้านหน้าท้องฟ้าที่ว่างเปล่าแล้วทอดสายตามองไปข้างหน้า ประหนึ่งว่าสายตาของเขาได้มองทะลุตรงไปยังบริเวณที่ไกลที่สุดอย่างนั้น เสมือนว่าสามารถมองทะลุปรุโปร่งถึงความว่างเปล่าของท้องฟ้าแห่งนี้

สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้หยิบเอาทรายออกมาเต็มกำมือ ทรายที่ขาวสะอาดถึงกับเปล่งแสงจางๆ ขึ้นท่ามกลางความมืดมิด เม็ดทรายขนาดเล็กแต่ละเม็ดเก็เหมือนไข่มุกขนาดจิ๋วแต่ละเม็ดอย่างนั้น

มันคือทรายที่หลี่ชิเย่อาศัยเงินเหรียญไปแลกเอามากับมด ตอนนั้นมีผู้คนจำนวนมากที่หัวเราะเยาะหลี่ชิเย่ว่าเป็นพวกหน้าโง่ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะเอาเงินไปแลกทรายกับมด

แต่ว่า ไม่มีผู้ใดทราบถึงประโยชน์ของเม็ดทรายเหล่านี้ แน่นอนที่สุด ต่อให้มีผู้ที่รับรู้ถึงความลับนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากถึงจะล่วงรู้ความลับนี้ก็ไม่สามารถมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้

ฟู่ววว…หลี่ชิเย่เป่าเม็ดทรายที่มีอยู่ออกไปรวดเดียวทั้งหมด ขณะที่หลี่ชิเย่เป่าออกไปรวดเดียวนั้น ทรายทั้งหมดได้ปลิวกระจายลอยล่องไปในท้องฟ้าว่างเปล่าที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุด

ขณะที่เม็ดทรายทั้งหมดปลิวกระจายลอยล่องอยู่บนท้องฟ้านั้น เหมือนเป็นจุดที่สว่างมากที่สุดของดวงอาทิตย์แต่ละเม็ดที่กระจายไปในท้องฟ้า และเหมือนปล่อยหิ่งห้อยออกไปจำนวนนับไม่ถ้วน แลดูสวยงามยิ่งนัก

แม้ว่าทรายแต่ละเม็ดเหล่านี้จะไม่ได้สว่างอะไรมากมาย แต่ทว่า เมื่อเม็ดทรายทั้งหมดปลิวกระจายไปในท้องฟ้าแล้ว เหมือนว่าพวกมันได้ส่องสว่างให้กับท้องฟ้าได้บ้าง ภาพเช่นนี้งดงามจนสุดที่จะบรรยาย

ท้ายที่สุดเม็ดทรายทั้งหมดก็ได้ปลิวกระจายไปท่ามกลางท้องฟ้า อีกทั้งจากการที่เม็ดทรายลอยล่องไกลออกไปเรื่อยๆ แสงสว่างก็หรี่มืดลงเรื่อยๆ สุดท้าย แสงสว่างทั้งหมดก็ได้หายไปสิ้น

นาทีนี้ทั่วท้องฟ้าได้กลับกลายเป็นเงียบสงัดอย่างยิ่ง ความจริงแล้วก่อนหน้านั้นท้องฟ้าที่ตรงนี้ก็เงียบสงัดเช่นนี้มาโดยตลอด แต่ว่าความเงียบสงัดของท้องฟ้าเวลานี้แตกต่างกับในอดีต

เหมือนว่าความเงียบสงัดนาทีนี้ จะนำมาซึ่งบางสิ่งกำลังจะฟื้นขึ้นมาอย่างนั้น

ท้องฟ้าโดยทั่วไปเงียบสงัดยิ่งนัก หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ได้ยินเสียงปุเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เองช่องว่างเกิดการกระเพื่อมขึ้นมาทีหนึ่ง เหมือนมีอะไรบางอย่างถูกพลิกขึ้นมาอย่างนั้น

เสียงปุที่ดังขึ้นในเวลานี้ มองเห็นลำแสงที่พุ่งตรงเข้ามา ชั่วพริบตาเดียวนั่นเองเหมือนได้มีการเปิดโลกใหม่โลกหนึ่งขึ้นมา ลำแสงที่งดงามยิ่งคล้ายดั่งกระแสน้ำที่ไหลพุ่งเข้ามา ลำแสงที่ไหลพุ่งเข้ามานี้เปรียบเปรยโดยใช้เกลียวคลื่นทะเลที่วิ่งห้อเข้ามาก็ไม่เป็นการกล่าวเกินเลยไป

เพียงชั่วพริบตาเดียว ทั่วท้องฟ้ากลับกลายเป็นสว่างไสวยิ่งนัก ช่องว่างทั้งหมดถูกครอบคลุมโดยแสงสว่างที่นุ่มนวลยิ่ง โดยที่ท้องฟ้าถูกห่อหุ้มด้วยแสงสว่างที่นุ่มนวลทั้งหมด

บริเวณตรงกลางของท้องฟ้าปรากฏแสงสว่างที่นุ่มนวลแผ่กระจายออกมา ที่ตรงนั้นเป็นที่ที่รวมตัวกันของทางช้างเผือก เสมือนหนึ่งกลายเป็นทะเลทางช้างเผือก เหมือนว่าดวงดาว และทางช้างเผือกทั้งหมดของโลกนี้ล้วนแล้วแต่มารวมตัวกันอยู่ที่ตรงนี้

แสงสว่างที่แผ่กระจายออกมาจากในนั้นกลับไม่ได้เจิดจ้าละลานตา แต่มีความนุ่มนวลเป็นอย่างยิ่ง มีสีสันสีครามเข้มที่เคลื่อนไหวลอยล่อง สวยงามยิ่งนัก เหมือนว่าโลกทั้งโลกที่อยู่ด้านในเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาไม่มีสิ้นสุดที่น่าเกรงขามอย่างนั้น

ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้างดงามจนไม่สามารถอาศัยพู่กันมาเปรียบเปรยได้ ทำให้ผู้คนชมเปาะด้วยความน่าทึ่ง

จังหวะภาพที่งดงามกำลังจิตใจของผู้คนต้องหวั่นไหวและลุ่มหลงอยู่นั้น ได้ยินเสียงปุที่ดังขึ้นมา เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างที่ได้ครอบลงมา ทำให้กลายเป็นความมืดมิดขึ้นตรงหน้า โลกทั้งโลกได้ตกลงไปในความมืดอีกครั้ง ภาพความงดงามยิ่งเมื่อครู่พลันหายไปจนสิ้น เหมือนว่าโลกๆ หนึ่งถูกปิดลงอีกแล้ว ทำให้ผู้คนไม่สามารถสอดส่องโลกใบนั้นอีกแล้ว

“นับว่าเป็นดวงตาที่งดงามปราศจากผู้เทียบเทียมยิ่ง ทำให้รู้สึกว่าน่าทึ่งจริงๆ เสียดายที่ผู้คนบนโลกมองไม่เห็น” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยให้เห็นรอยยิ้ม และกล่าวว่า “แน่นอน ขณะที่ผู้คนบนโลกสามารถมองเห็นดวงตาที่งดงามข้างนี้นั้น มันหาใช่เป็นเรื่องดีอะไรนัก”

ฟ้าดินเงียบสงัด เหมือนว่ามีเพียงหลี่ชิเย่ที่พึมพำอยู่คนเดียว

หลี่ชิเย่ก็ไม่ได้ใส่ใจเพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง เวลานี้เขาได้หยิบเอาของสิ่งหนึ่งออกมาช้าๆ สิ่งนี้ก็คือป้ายอาญาสิทธิ์โบราณที่หลี่ชิเย่ไปได้มาจากตำหนักหมีเซียนหลังสุดท้าย

“ถ้าหากข้าหยิบมาไม่ผิดล่ะก็ ป่ายอาญาสิทธิ์โบราณนี้เป็นของๆ เจ้า ตามกฎแล้ว ในเมื่อข้าเป็นคนถือป้ายนี้มาย่อมสามารถยื่นข้อเรียกร้องได้ข้อหนึ่ง” หลี่ชิเย่ชูป้ายอาญาสิทธิ์ในมือขึ้นสูง และยิ้มกล่าวเฉยเมย

ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง ลำแสงได้พุ่งลงมา และในพริบตาเดียวนั่นเอง โลกที่งดงามยิ่งก็ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง

ถูกต้อง สิ่งนี้หาใช่เป็นโลกอะไรทั้งนั้น เป็นเพียงดวงตาข้างหนึ่งเท่านั้น ที่หลี่ชิเย่พูดมานั้นไม่ผิด นี่คือดวงตาที่งดงามอย่างยิ่งข้างหนึ่งเท่านั้น

เป็นดวงตาที่ใหญ่โตมหึมาเหมือนท้องฟ้า ที่ที่เป็นศูนย์รวมดวงดาวและทางช้างเผือกมันก็แค่รูม่านตาเท่านั้น หาใช่ดวงดาวทางช้างเผือกอะไรนั่น!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล