ไม่ว่าจะเป็นมู่เส้าเฉิน หรืออสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงต่างมีสีหน้าที่หวาดผวา ก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าวเมื่อเห็นหน้าหลี่ชิเย่
อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงเคยเป็นผู้ที่กล้าทำตัวเป็นศัตรูกับราชันแท้จริง เวลานี้พลันที่มองเห็นหลี่ชิเย่ก็ต้องหวาดผวาจนหน้าถอดสีเช่นกัน ชั้นอมตะอย่างเขาไม่มีความกล้าพอที่จะต่อต้านเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่อีกแล้ว เนื่องจากเขารู้แล้วว่าตนเองห่างชั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ ช่วงห่างระหว่างพวกเขาไม่สามารถอาศัยของวิเศษหรือเคล็ดวิชาใดๆ มาทดแทนกันได้
ยิ่งมู่เส้าเฉินด้วยแล้วถูกทำให้ตกใจจนใบหน้าขาวซีด นับแต่เขามาถึงแดนลัทธิพรรษแล้ว เรียกได้ว่าทำทุกสิ่งได้ตามปรารถนา และไร้เทียมทาน ไม่ว่าจะเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใด หรือระดับบรรพบุรุษใดๆ ก็ตาม ก็ต้องให้เกียรติ และหวั่นเกรงตัวเขาสามส่วน
แต่มาวันนี้ เขาเสมือนหนึ่งหมดที่พึ่ง ไร้ญาติขาดมิตร ทั้งยังถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ แม้แต่ขณะอยู่แดนลัทธิราชันก็ไม่เคยย่ำแย่ขนาดนี้มาก่อน
แม้ว่าขณะอยู่ที่แดนลัทธิราชันเขาได้ไปหาเรื่องกับคนที่ไม่ควรจะไปหาเรื่อง แต่จะอย่างไรเสียก็มีตระกูลมู่ พี่ชาย และบรรพบุรุษคอยคุ้มครองเขาอยู่ สุดท้ายจึงให้เขาหนีมายังแดนลัทธิพรรษได้อย่างปลอดภัย
เวลานี้มันแตกต่าง ทำเอาเขาขวัญหนีดีฝ่อไปเลยชัดๆ สภาพนั้นย่ำแย่จนไม่รู้จะย่ำแย่อย่างไรแล้ว
นาทีนี้กล่าวสำหรับมู่เส้าเฉินแล้ว เรียกได้ว่าไร้ที่พึ่งเสียแล้ว ไม่มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใด หรือสิ่งจัดตั้งเพื่อการสืบทอดใดๆ กล้าให้ความคุ้มครองแก่เขา การเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างหลี่ชิเย่นั้น ก็ไม่มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหรือสิ่งจัดตั้งเพื่อการสืบทอดใดๆ มีกำลังที่จะคุ้มครองเขาได้
เวลานี้ หนึ่งเดียวที่เขาจะพึ่งพาได้และอยู่ข้างกายก็คืออสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงแล้ว เสียดาย อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงคือผู้ที่เคยพ่ายแพ้ให้กับหลี่ชิเย่ และไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว
ดังนั้น มู่เส้าเฉินในเวลานี้ใช่เพียงแค่ไร้ญาติขาดมิตรเท่านั้น เข้าได้ก้าวเข้าสู่ที่อับจนเสียแล้ว
หลี่ชิเย่…มู่เส้าเฉินในเวลานี้หวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ ถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ก่อนหน้านี้ไม่นานเขายังแลดูเปี่ยมด้วยความสง่าผ่าเผย ได้ทุกสิ่งตามแต่จะปรารถนา เคยรู้จักคำว่า ‘กลัว’ตั้งแต่เมื่อใดกัน แต่ว่า เวลานี้เขากลับตกใจจนเข่าอ่อนทั้งสองข้าง ตัวเขาที่ไม่เคยรู้ว่าความกลัวคือสิ่งใดนั้น เวลานี้กลับรู้สึกสั่นเทาในใจตลอดเวลา
“ไหนๆ ก็มาแล้วยังคิดจะหนีอีกรึ?” หลี่ชิเย่มองดูพวกเขาด้วยท่าทียิ้มแต้
ท่าทีของหลี่ชิเย่ในเวลานี้เหมือนอย่างไรก็ได้โดยสิ้นเชิง คนที่ไม่รู้ความยังเข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดคุยสัพเพเหระในฐานะสหาย และกำลังขอให้สหายเก่ารั้งอยู่ต่อไป
แม้มู่เส้าเฉินจะมีพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศหนึ่งไม่มีสอง แต่จะอย่างไรเสียก็เป็นชายหนุ่ม มีชีวิตความเป็นอยู่ท่ามกลางความหรูหราอยู่ดีกินดี ไม่เคยผ่านประสบการณ์การขัดเกลาจากภัยพิบัติ ดังนั้นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาพร้อมที่จะแตกสลายได้ทุกเวลา ในเวลานี้ ตัวเขาที่ถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไม่มีความกล้าพอที่จะไปต่อต้านกับหลี่ชิเย่เลย หลบไปแอบอยู่ด้านหลังของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงโดยพลัน สิ่งเดียวที่เขาพอจะคาดหวังได้คงมีเพียงอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงแล้วเท่านั้น
อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงก็รู้อยู่เต็มอกว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ แต่เวลานี้เขาไม่มีทางเลือก ได้แต่กัดฟันเผชิญหน้ากับหลี่ชิเย่
อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงทำได้แค่เหมือนแม่ไก่ที่ปกป้องลูกไก่อย่างนั้น ด้วยการกันให้มู่เส้าเฉินไปอยู่ด้านหลัง เขาได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ว่า “ท่านผู้อาวุโส พวกเราเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา ล่วงเกินต่อท่านผู้อาวุโส ท่านผู้อาวุโสเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง หวังว่าจะให้โอกาส…”
“ไม่ เจ้าพูดผิดแล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ข้าอายุยังน้อยมาก แค่หนุ่มน้อยคนหนึ่งเท่านั้น หนุ่มน้อยที่ทั้งอ่อนเยาว์และเท่ๆ เท่านั้นเอง ดังนั้น เฉกเช่นชายหนุ่มที่มีความทะเยอทะยานหยิ่งยโสไหนเลยจะมีผู้ใหญ่ใจกว้างอะไรนั่น ข้าก็คือหนุ่มน้อยที่มีเลือดระอุเท่านั้นเอง แม้เป็นเพียงความแค้นเล็กน้อยก็ต้องเอาคืน เมื่อมีผู้เป็นศัตรูกับข้า ข้าก็จะสังหารเขาเสีย เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ไม่มีอะไรผู้อาวุโสใจกว้างที่ว่า ยิ่งไม่มีใโอกาสอะไรนั่นที่จะให้”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา พลันทำให้อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงพูดอะไรไม่ออก
สุดท้าย อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงกัดฟัน และกล่าวว่า “คุณชายหลี่ ท่านคือยอดอัจฉริยะบุคคลแห่งยุค คุณชายย่อมเข้าใจได้ ต่อให้สังหารพวกเราเสียก็ช่วยอะไรไม่ได้ สังหารนายน้อยของพวกเราก็ไม่สามารถช่วยให้อะไรกลับคืนมาได้ ไม่ทราบว่าคุณชายหลี่ต้องการให้ทำอย่างไรจึงยอมละเว้นสักครั้ง อภัยนายน้อยของพวกเรา? คุณชายมีเงื่อนไขอะไร ขอได้โปรดบอกมาได้เลย”
เมื่อขอร้องไม่เป็นผล เวลานี้อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงได้แต่เสนอเงื่อนไข อาศัยผลประโยชน์มาทำให้จิตใจหวั่นไหว จะอย่างไรเสียชีวิตของมู่เส้าเฉินมีค่าอย่างยิ่ง ขอเพียงอยู่ในขอบเขตที่ตระกูลมู่สามารถยอมรับได้ ต่อให้หลี่ชิเย่เรียกร้องมูลค่าสูงมาก เกรงว่าตระกูลมู่ก็ต้องยอมทุ่มเพื่อแลกกับชีวิตของมู่เส้าเฉิน
“ถูกต้อง เจ้าต้องการอะไรขอให้บอกมา” มู่เส้าเฉินตกใจสุดขีด รีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ขอเพียงเจ้าพูดออกมา ไม่ว่าต้องการอะไรตระกูลมู่ของข้าก็จะตกลง ต้องการสมบัติวิเศษ ต้องการเคล็ดวิชาลับ ต้องการสมบัติเซียน ตระกูลมู่พวกเรามีทั้งนั้น ขอเพียงเจ้ายอมสลายบุญคุณความแค้นครั้งนี้ไป เจ้าต้องการอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
มู่เส้าเฉินเวลานี้ลนลานที่จะไถ่ชีวิตให้กับตน เขากลัวว่าหลี่ชิเย่จะสังหารเขาจริงๆ ดังนั้น เขาจึงเสนอด้วยเงื่อนไขที้สูงมากโดยตรงขึ้นมา เขาไม่เชื่อว่าด้วยสุดยอดของวิเศษจะไม่สามารถทำให้จิตใจของหลี่ชิเย่หวั่นไหว
กล่าวสำหรับมู่เส้าเฉินแล้ว ขอเพียงทำให้เขามีชีวิตต่อไปได้ ไม่ว่าต้องการของวิเศษใดๆ ก็ตาม เขาก็ยินดีนำออกมาเพื่อไถ่ชีวิตให้กับตน
“คำพูดนี้ฟังดูแล้วเย้ายวนใจเหลือเกิน” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา ใช้มือลูบคางและกล่าวเอ้อระเหยขึ้นมาว่า “พูดแบบนี้ ไม่ว่าข้าต้องการอะไร ตระกูลมู่ของเจ้าก็ยินดีให้น่ะสิ”
ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ขณะมู่เส้าเฉินกำลังเจรจาต่อรองกับหลี่ชิเย่ สิ่งนี้ได้สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้ผู้คนจำนวนมากว่า ตระกูลมู่ที่ร่ำรวยเพื่อไถ่ชีวิตมู่เส้าเฉิน ยินดีทุ่มด้วยทรัพย์สินจำนวนเท่าไรกันแน่นะ?
“ถูกต้อง” อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงยังไม่ทันเอ่ยปาก มู่เส้าเฉินพยักหน้าทันที ลักษณะคล้ายลูกไก่ที่กำลังจิกกินข้าวสารอย่างนั้น รีบพยักหน้าและพูดขึ้นมาว่า “เจ้าต้องการอะไรขอให้บอกมาได้เลย ตระกูลมู่ของพวกเราสามารถทำได้อย่างเด็ดขาด ต้องทำให้เจ้าพึงพอใจในข้อเรียกร้องแน่”
กล่าวสำหรับมู่เส้าเฉินแล้ว เวลานี้ขอเพียงตนสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ สมบัติมากเท่าไรเขาก็ยินดีจะให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...