ภายในใจของทุกคนบังเกิดความเคารพเลื่อมใส เมื่อเห็นการติดสินใจเลือกของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสง เรียกได้ว่าอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงสามารถวางมือแล้วไปจากได้อย่างสิ้นเชิง ขอเพียงเขาต้องการเขาสามารถมีชีวิตไปจากที่นี่ได้ แต่เขากลับเลือกที่จะรั้งอยู่
ข้อนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากอย่างยิ่ง ไม่ว่าคนอย่างอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงจะเป็นคนเช่นใดก็ตาม อย่างน้อยที่สุดในจุดนี้นับว่าเขาเป็นคนจริงคนหนึ่ง คู่ควรที่ผู้คนไปให้ความเคารพเลื่อมใส
กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว ยังจะมีสิ่งใดมีค่ายิ่งไปกว่าชีวิตของตน ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ยินดีละทิ้งทุกสิ่งเพื่อให้มีชีวิตต่อไป แต่ว่า อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงกลับยึดคำมั่นสัญญาของตน ถึงแม้จะรู้แล้วว่าต้องแลกด้วยชีวิตของตน ถึงแม้จะรู้ว่าต่อให้ตนเองยังคงรั้งอยู่ต่อไปก็แก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
แต่ว่า อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงยังคงรั้งอยู่เช่นเดิม แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการรั้งอยู่ของตนก็แค่ตายโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้น ไม่สามารถช่วยอะไรมู่เส้าเฉินได้อยู่แล้ว
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เขายังคงรั้งอยู่ต่อไป เนื่องจากเขาเคยรับปากตระกูลมู่เอาไว้ว่า จะต้องปกป้องความปลอดภัยของมู่เส้าเฉินเป็นอย่างดี ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามหากต้องการเอาชีวิตของมู่เส้าเฉินก็ต้องข้ามศพของเขาไปก่อน
กล่าวสำหรับอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงแล้ว การรักษาคำมั่นสัญญาของตนมีค่ายิ่งไปกว่าชีวิตของตน
“ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะสงเคราะห์เจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “เจ้าลงมือเถอะ จะได้ไม่บอกว่าแม้แต่โอกาสในการลงมือยังไม่มี”
อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง หยิบอาวุธออกมาและหันหลังกลับไปมองดูมู่เส้าเฉินทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นายน้อย บ่าวล่วงหน้าไปก่อนแล้ว รักษาตัวด้วย”
อาวุโสหวัง…มู่เส้าเฉินรู้สึกตกใจ แต่ว่าเวลานี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ในอดีตเขามีความสง่าผ่าเผย ทำได้ทุกอย่างตามความปรารถนา แต่ว่า เวลานี้เขาเข้าตาจนแล้ว
“ฆ่า…” พริบตาเดียวนั่นเอง อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงคำรามด้วยความโกรธ อาวุธในมือส่งประกายสีทองแวบวับ เสมือนดั่งงูทองที่พุ่งตัวออกมา พริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ลมปราณของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงพลันลุกไหม้ขึ้นมา ท่ามกลางเสียงดังตูมนั้น อาวุธในมือของเขาได้พวยพุ่งประกายสีทองไม่สิ้นสุดออกมา เสมือนหนึ่งเป็นพระอาทิตย์สีทองขนาดยักษ์ที่ลอยขึ้นมา
เมื่ออาวุธลักษณะเช่นนี้ถูกสำแดงออกมา ได้ยินเสียงดังจี๊ดเสียงหนึ่ง ช่องว่างพลันละลายไปทันที เสมือนหนึ่งฟ้าดินได้หลอมละลายจนกลายน้ำทองคำอย่างนั้น
อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงก็รู้ว่าแม้จะสำแดงกระบวนท่าการโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุดในชีวิตออกมาก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ว่า เขายังคงสำแดงอาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดและสำแดงกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของตน แม้ว่ารู้อยู่แล้วว่าทุกอย่างเป็นการเหนื่อยเปล่า ไร้ประโยชน์ แต่ว่า เขายังคงต้องดิ้นรนสักครั้ง อย่างน้อยที่สุดเขาได้พยายามทำ อาศัยชีวิตของตนไปยึดมั่นในคำมั่นสัญญาของตน
ด้วยเหตุนี้เอง ขณะที่อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงได้สำแดงกระบวนท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรมากที่สุดนั้น พลันได้เผาผลาญลมปราณ และเลือดวัฒนะของตน ทำให้อานุภาพกระบวนท่านี้ของตนเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว
ทำให้ช่องว่างหลอมละลายกลายเป็นน้ำทองคำทันที
กระบวนท่านี้มีอานุภาพยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียม เรียกได้ว่าสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คน
หากเป็นในอดีต การที่ขั้นอมตะคนหนึ่งสำแดงกระบวนท่าที่พาลและบ้าระห่ำดุดันยิ่ง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องร้องเสียงหลงออกมา ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกว่ากระบวนท่านี้ปราศจากผู้ต่อกร ไม่มีใครสามารถรับมือได้อีกแล้ว
แต่ว่า เวลานี้ขณะอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงสำแดงกระบวนท่าปราศจาผู้ต่อกรนี้ออกมาปฏิกิริยาของทุกคนกลับเรียบเฉย เนื่องจากทุกคนต่างก็รู้ว่า ไม่ว่ากระบวนท่านี้ของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงจะพาลและบ้าระห่ำ อย่างไร และดุดันเช่นใดก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผลลัพธ์ได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว กระบวนท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรมากกว่านี้ก็แก้ไขจุดจบไม่ได้
เนื่องจากผู้ที่เข้าเผชิญหน้าคือคนโหดอันดับหนึ่ง พลันที่คนโหดอันดับหนึ่งลงมือ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกลิขิตเอาไว้
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ในมือของหลี่ชิเยได้ถือกระบี่ทองคำเล่มหนึ่ง ประกายกระบี่แวบขึ้นมาทีหนึ่ง กระบี่นี้รวดเร็วอย่างยิ่ง ไม่มีใครมองเห็นหลี่ชิเย่ลงมืออย่างไร กระทั่งกล่าวได้ว่าไม่มีใครมองเห็นกระบี่ทองคำในมือของหลี่ชิเย่
เพียงแต่หลังจากเวลาผ่านไปนานมากแล้ว ทุกคนจึงได้เห็นประกายสีทองแวบหนึ่ง ส่วนประกายสีทองนี้มาจากไหนนั้น ผู้คนจำนวนมากต่างมองเห็นไม่ชัดเจน
อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ในเวลานี้เหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อนอย่างนั้น มีแต่ความเงียบสงัด เหมือนเวลาย้อนกลับไปจุดเดิมอย่างนั้น เหมือนช่วงเวลาที่อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงยังไม่ได้มีการลงมืออย่างนั้น
ในเวลานี้เอง มองเห็นศีรษะของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงกลิ้งตกลงมาจากคอลงพื้นดังปัก
นาทีนี้เองจึงได้ยินเสียงปุดังขึ้นเสียงหนึ่ง เลือดสดๆ พวยพุ่งขึ้นมาดั่งน้ำพุออกมาจากบริเวณคอที่ถูกตัดขาด พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วตกลงบนพื้นดิน
ขณะที่ศีรษะของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงที่กลิ้งไปกับพื้นนั้น ดวงตาคู่นั้นยังคงลืมตาแต่ตัวเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว แม้ว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ เสียงปักดังขึ้ง ดวงตาคู่นั้นของเขาถึงกับมองเห็นร่างกายของตนที่ล้มลงบนพื้น
กระบี่นี้ของหลี่ชิเย่ช่างรวดเร็วเหลือเกิน เร็วจนไม่มีใครมองเห็นได้ชัดเจน แม้แต่ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็ไม่ได้มองเห็นกระบี่นี้ของหลี่ชิเย่ได้ชัดเจนอย่างแท้จริง
ขณะที่ร่างกายของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงล้มตัวลงกับพื้นแล้วนั้น กระบี่ทองคำในมือของหลี่ชิเย่ก็หายไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...