ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2411

เดินเข้าไปในตำหนัก แลดูโอ่อ่าตระการตาอย่างยิ่ง อีกทั้งภาพรวมการตกแต่งของตำหนักทั้งหลังนั้นดูสูงส่งยิ่งนัก หาใช่ผู้ที่ร่ำรวยภายในค่ำคืนเดียวที่สร้างขึ้นอาศัยวัสดุล้ำค่าและงดงามจำนวนมากสามารถเทียบเคียงได้ ลำพังแค่ภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพหนึ่งภายในพระราชวัง ก็เพียงพอที่จะสยบตำหนักที่สร้างขึ้นโดยอาศัยเพชรนิลจินดาวิเศษและโลหะศักดิ์สิทธิ์มาเป็นวัสดุได้แล้ว

ภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพนี้ได้บันทึกเรื่องราวผลงานของเจ้าของที่เคยเกรียงไกรไปทั่วหล้า

หลี่ชิเย่มีท่าทีที่เรียบเฉยกับการเดินทอดน่องอยู่ภายในตำหนักลักษณะเช่นนี้ เดินเอ้อระเหยเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตนเอง ไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย ชื่นชมอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า

สุดท้าย ซุนหลึ่งหยิ่งได้นำหลี่ชิเย่เข้าไปในห้องบรรทมของฮ่องเต้ฮ่องเต้ ในนั้นมีผู้คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ไม่น้อย ภายในห้องเรียกว่าหรูหราฟุ่มเฟือยอย่างยิ่ง แค่หยิบเอาไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีการเลี่ยมเอาไว้ตามอารมณ์ก็สามารถนำไปขายได้ในราคาทีสูงลิ่ว

ครั้นเดินเข้าไปภายในห้องนี้ก็ปรากฏกลิ่นยาสมุนไพรที่โชยเข้ามาปะทะใบหน้า ขอเพียงเป็นผู้ที่มีความรู้พลันที่ได้กลิ่นยาสมุนไพรนี้แล้วก็จะรู้ว่ายาสมุนไพรเหล่านี้สะเทือนโลกมนุษย์อย่างแน่นอน เกรงจะเป็นยาเม็ดวิเศษที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหล้า

บนเตียงนอนขนาดใหญ่ ผู้เฒ่าผู้หนึ่งกึ่งนั่งกึงนอนอยู่บนเตียง เตียงที่เขานอนนั้นทำมาจากไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่ายิ่งนัก รองด้วยขนของนกหงส์วิเศษเก้าสี

ผู้เฒ่ากึ่งนั่งกึ่งนอนเอนตัวอยู่ตรงนั้น ที่คลุมบนตัวของเขาคือเมฆเซียนที่มีสีสันและเคลื่อนไหวได้ ทำให้แลดูไปแล้วตัวเขาเสมือนดั่งนอนอยู่บนก้อนเมฆอย่างนั้น เหมือนเป็นเซียนคนหนึ่ง

ผู้เฒ่าคนนี้มีรูปร่างสูงใหญ่ทรงพลังอำนาจและกล้าหาญ ถ้าหากเขาลุกขึ้นยืนล่ะก็ รูปร่างของเขาจะสูงกว่าผู้คนจำนวนมากราวครึ่งค่อนตัว แม้ว่าเส้นผมของเขาจะเป็นสีขาวเสียแล้ว แต่ก็เป็นสีขาวเงิน ขณะที่สยายปะบ่านั้นคล้ายเป็นเส้นไหมสีเงินอย่างนั้น

ผู้เฒ่าผู้นี้มีลักษณะตาโตปากกว้าง เสมือนหนึ่งเป็นสิงโตสีเงินเพศผู้ตัวหนึ่ง ทรงกำลังอำนาจยิ่งนัก ขณะที่นัยน์ตาคู่นั้นของเขาลืมตาขึ้น ดุจดั่งโลกที่ติดๆ ดับๆ อย่างนั้น เหมือนว่าเขาหลับตาลงก็คือพระอาทิตย์ตก ลืมตาคือพระอาทิตย์ขึ้น โลกทั้งใบขึ้นอยู่กับการหลับตาและลืมตากับดวงตาคู่นั้นของเขาเท่านั้น

ผู้เฒ่าที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงนั้น เดิมทีตัวเขาที่ประดุจดั่งสิงโตเพศผู้ที่ทรงกำลงัอำนาจยิ่ง นาทีนี้กลับมีท่าทีที่มีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงอย่างนั้น ให้ความรู้สึกผู้คนถึงชีวิตที่ใกล้มอดดับลงอย่างนั้น

“ฝ่าบาท พาแขกมาถึงแล้ว” เมื่อซุนหลึ่งหยิ่งพาหลี่ชิเย่เข้ามาในห้องแล้วได้โค้งคำนับทีหนึ่ง จากนั้นก็คล้ายดั่งเป็นเงาไปยืนอยู่ในที่ลับตา

ซุนหลึ่งหยิ่งมีชื่อเสียงบารมีที่น่าหวาดผวาอย่างยิ่งในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งมีผู้ยกย่องให้เขาเป็นฮ่องเต้ในความมืด ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ชีวิตถูกกำไว้แน่นอยู่ในมือของเขา กระทั่งพูดได้อย่างเต็มปากว่า แค่เขาพลิกฝ่ามือก็สามารถทำลายสำนักเจ้าลัทธิหรือตระกูลขุนนางโบราณแห่งแล้วแห่งเล่า

กล่าวได้ว่าซุนหลึ่งหยิ่งคือผู้ทรงอำนาจบารมีในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ไม่รู้ว่ามียอดคนจำนวนเท่าไรต้องก้มหัวให้กับเขา

ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ มีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถทำให้ซุนหลึ่งหยิ่งต้องก้มโค้ง ต้องให้ความเคารพเช่นนี้ได้ คนผู้นั้นก็คือฮ่องเต้ไท่ชิง!

ฮ่องเต้ไท่ชิง ผู้ปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ผู้กุมอำนาจของราชวงศ์โต่วเซิ่น เขาเป็นระดับอมตะที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงคนหนึ่ง! ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ เขายังมีบุตรีที่ได้ชื่อว่าปราศจากผู้ต่อกรในหล้าอีกคนหนึ่ง!

ซุนหลึ่งหยิ่งคือผู้ที่อยู่ในสถานะเช่นใด คือผู้ที่อยู่ในระดับอมตะ เป็นผู้ที่กำหนดความเป็นความตายให้กับผู้คนได้ แต่ทว่า เขากลับให้ความเคารพต่อฮ่องเต้ไท่ชิงถึงเพียงนี้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงนั้นมีความน่ากลัวเช่นใดแล้ว

ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย เป็นฮ่องเต้ที่กุมอำนาจในราชวงศ์โต่วเซิ่นมายาวนานที่สุด กุมอำนาจราชวงศ์โต่วเซิ่นมาสามยุคสมัยเต็มๆ และปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มาสามยุคสมัย

กระทั่งกล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ไท่ชิงคือผู้ที่กุมอำนาจยาวนานที่สุดในแดนลัทธิราชัน แม้ว่าจะมีพวกหัวเก่ารุ่นลายครามบางส่วนที่ยังคงกุมอำนาจในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนตลอดมา แต่ว่า บรรดาหัวเก่ารุ่นลายครามเหล่านี้ส่วนใหญ่จะถอยไปอยู่เบื้องหลัง ไม่ค่อยจะยุ่งกับเรื่องหยุมหยิมอีกต่อไป

แต่ฮ่องเต้ไท่ชิงนั้นแตกต่างกัน กุมอำนาจมาสามยุคสมัย อีกทั้งยังรวบอำนาจเอาไว้ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว เป็นผู้ดำเนินกิจการของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มาสามยุคสมัยไม่ว่าเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก ด้วยเหตุนี้เอง อำจานของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จึงอยู่ในมือของฮ่องเต้ไท่ชิงอย่างแน่นหนาตลอดระยะเวลาสามยุคสมัยที่ผ่านมา

ฮ่องเต้ไท่ชิงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในฮ่องเต้ขั้นอมตะที่ยากจะหยั่งถึงมากที่สุดในแดนลัทธิราชัน เขาเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้แม้แต่น้อยนิด

ด้วยเหตุนี้เอง ภายใต้การปกครองของฮ่องเต้ไท่ชิง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ดั่งพระอาทิตย์ที่ขึ้นอยู่กลางหาว กระทั่งจะล้ำหน้าฝั่งของตระกูลมู่

มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เห็นว่า การที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มีฐานะในวันนี้ได้ ก็เพราะการเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัยของฮ่องเต้ไท่ชิง!

เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงลืมตาทั้งสองข้างจ้องมองดูหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “มีแขกมาเยือน ข้าไม่สามารถลุกขึ้นมาให้การต้อนรับ เสียมารยาทแล้ว”

ใบหน้าของฮ่องเต้ไท่ชิงปรากฏเป็นสีแดงเลือดฝาดขึ้นมาเมื่อพูดคำๆ นี้ออกมา เหมือนว่าการพูดคำนี้ออกมาก็ทำให้เหนื่อยมากอย่างนั้น และเหมือนสีหน้าที่ดูดีขึ้นสำหรับคนที่ใกล้จะตาย

“เกรงใจไปแล้ว ข้ากำลังหลงทางอยู่พอดี” หลี่ชิเย่หัวเราะ และนั่งอยู่ที่ตรงนั้นตามอารมณ์ยิ่ง

การที่หลี่ชิเย่นั่งลงอย่างตามอารมณ์เช่นนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ถวายปรนนิบัติฮ่องเต้ไท่ชิงต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง อย่าว่าแต่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เลย แม้แต่ทั่วทั้งแดนลัทธิราชันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้นั่งลงต่อหน้าฝ่าบาทของพวกเขา

ฮ่องเต้ไท่ชิงอดที่จะมองหน้าหลี่ชิเย่อีกครั้ง แววตาที่ออกมาจากนัยน์ตาทั้งสองของเขาคล้ายดั่งเป็นแสงไฟเพียงริบหรี่ของเทียนไขที่กำลังไหม้จนจะมอดอยู่แล้ว โอนเอนไปมาในยามค่ำคืน เหมือนว่าพร้อมจะดับลงหากแม้มีสายลมที่พัดโชยมาแผ่วเบา

“ข้ามีนามว่าไท่ชิง ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่ากระใด?” หลังจากที่ฮ่องเต้ไท่ชิงพูดคำๆ นี้ออกมาแล้วเหมือนมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง หลับตาลง ราวกับว่าเขาพูดคำพูดออกมาคำหนึ่งก็ต้องพักผ่อนสักครู่หนึ่ง

ในแดนลัทธิราชัน แม้ผู้ที่ไม่เคยได้พบเห็นฮ่องเต้ไท่ชิงมาก่อน เมื่อได้ยินคำว่า ‘ไท่ชิง’ สองคำนี้ก็ต้องรู้ว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้ใดแล้ว ในแดนลัทธิราชันจะมีสักกี่คนที่ไม่เคยได้ยินชื่อ ‘ฮ่องเต้ไท่ชิง’ ที่มีอำนาจบารมีสูงสุดกันเล่า? เมื่อไรที่ทราบว่าผู้เฒ่าตรงหน้าก็คือฮ่องเต้ไท่ชิงล่ะก็ อย่าว่าแต่ยอดฝีมือทั่วไป แม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ก็ต้องตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

ฮ่องเต้ไท่ชิงผู้ซึ่งเป็นที่หวั่นเกรงแม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นอีกแลย

แต่ว่าปฏิกิริยาโต้ตอบของหลี่ชิเย่นั้นเรียบเฉยมาก ฉายา ‘ฮ่องเต้ไท่ชิง’ ที่เขาได้ยินมันไม่ได้แตกต่างอะไรจากนายหมูนายหมาสักเท่าไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล