ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2413

การเดินทัพของกองทัพหยินมี่ดั่งสายฟ้าแลบ หลังจากเดินทางกลับ ภายในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวันก็ได้เข้าไปยังราชสำนักแล้ว

เมื่อหลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปยังราชวงศ์โต่วเซิ่น มองดูราชวงศ์โต่วเซิ่นที่น่าเกรงขามและยิ่งใหญ่ ถึงกับเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา

ราชวงศ์โต่วเซิ่นคือผู้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่ ทางราชวงศ์ได้ตั้งฐานทัพเอาไว้ทั่วทุกแห่งในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่ แต่ราชสำนักกลับสร้างอยู่ที่เขากัวชางซาน

เขากัวชางซานเป็นทั้งชื่อของภูเขาและชื่อของเทือกเขาในตัว เขากัวชางซานนั้นมีภูเขานับหมื่นกระจายอยู่ทั่วไป โดยภูเขาทั้งหมดได้รายล้อมอยู่รอบๆ ป้องกันภูเขาหลักที่มีขนาดใหญ่และสูงที่สุด ซึ่งภูเขาหลักดังกล่าวมีชื่อว่าเขากัวชางซาน!

ท่ามกลางเทือกเขากัวชางซานเทือกนี้ประกอบด้วยภูเขาจำนวนนับไม่ถ้วน อีกทั้งภูเขาสูงก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย กล่าวได้อย่างเต็มปากว่า ภูเขาที่สูงหมื่นจ้างนั้นมีจำนวนนับพัน และมีจำนวนไม่น้อยที่สูงเสียดฟ้าทะลุเมฆา

แต่ทว่า บรรดาภูเขาสูงหมื่นจ้างเหล่านี้เมื่อเปรียบกับเขากัวชางซานเรียกได้ว่าไม่คู่ควรจะกล่าวถึง เขากัวชางซานทั้งลูกมีรัศมีนับหมื่นลี้ สูงทะลุขึ้นไปบนจักรวาล เมฆสีขาวที่ลอยล่องอยู่นั้นแค่ลอยอยู่บริเวณตีนเขาเท่านั้นเอง และดวงดาวที่กระจัดกระจายนั้นก็แค่ล้อมรอบบริเวณกลางเขาเท่านั้นเอง ขณะที่ยอดเขาที่สูงที่สุดของเขากัวชางซานตรงขึ้นไปถึงทางช้างเผือก ความอลังการนั้นปราศจากผู้เทียบเทียม สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คน

แค่ลำธารสายหนึ่งสายใดที่ไหลพุ่งตัวลงมาด้านล่างของเขากัวชางซานก็สามารถรวมตัวกลายเป็นแม่น้ำที่ดุจดั่งเป็นมังกรยักษ์อย่างนั้น บริเวณส่วนที่หักข้อศอกของภูเขาก็สามารถกลายเป็นป่าผืนหนึ่งได้ และบริเวณที่มีหินงอกนูนขึ้นมาสักแห่งก็สามารถกลายเป็นเมืองหลักได้เมืองหนึ่ง ลองคิดดู เขากัวชางซานทั้งลูกจะมีขนาดใหญ่โตมโหฬารเช่นใด

บนเขากัวชางซานมีตำหนักแต่ละหลังตั้งอยู่ บริเวณกลางเขาก็จะมีเมืองแต่ละเมืองตั้งอยู่ ทุกๆ เมืองก็จะมีผู้คนอาศัยอยู่ตั้งแต่หลายแสนคนถึงหลายล้านคน ลำพังแค่เขากัวชางซานลูกหนึ่งก็คล้ายเป็นโลกๆ หนึ่งอย่างนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีแม่น้ำไหลวนไปตามภูเขาลงมา แลดูคล้ายดั่งเป็นมังกรสีเงินที่ยึดครองอยู่บนยอดเขา มีแม่น้ำใหญ่ที่สายน้ำส่งเสียงกึกก้องพุ่งทะยานลงมา ดูอลังการยิ่งนัก

นอกเหนือจากที่บนเขากัวชางซานมีตำหนักเป็นหมื่นหลัง เมืองหลายสิบเมืองแล้ว ยังมีสะพานศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งที่ข้ามท้องฟ้าเชื่อมจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งของภูเขา กระทั่งมีสะพานยาวที่ก้าวข้ามเป็นหมื่นลี้ จากยอดเขาบนเขากัวชางซานไปยังยอดเขาบางลูก

ด้านล่างของเขากัวชางซานที่เป็นภูเขาตั้งอยู่กระจัดกระจายเต็มไปหมดก็มีตำหนักและเมืองต่างๆ ตั้งอยู่ที่นั่น ทั่วฟ้าดินมีประชากรนับสิบล้านหรือมากกว่าที่อาศัยอยู่ในนั้น

ด้วยเหตุนี้เอง อาศัยเขากัวชางซานเป็นศูนย์กลางได้ส่งผลถึงเมืองและตำหนักทั้งหมดของเทือกเขากัวชางซานทั้งเทือก ถูกรวมเรียกว่าเป็นเมืองกัวชาง

กล่าวได้ว่า เมืองกัวชางไม่ใช่เป็นแค่เมืองๆ หนึ่ง มันเหมือนเป็นแคว้นๆ หนึ่ง แน่นอน แคว้นลักษณะเช่นนี้มันก็แค่ส่วนหนึ่งของราชวงศ์โตว่เซิ่นเท่านั้นเอง

ลำพังแค่มองจากเมืองกัวชางก็สามารถดูออกว่าราชวงศ์โตว่เซิ่นนั้นใหญ่โตเพียงใด และมองออกว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่มีขนาดใหญ่โตเช่นใด

จะอย่างไรเสีย ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่คือหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของแดนลัทธิราชัน เป็นหนึ่งในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลัทธิราชัน มีพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลมากอยู่ในครอบครอง

ปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่ก็มีชื่อว่าจิ่วมี่ ด้วยเหตุนี้เองจึงได้ชื่อว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่ ส่วนชื่อที่แท้จริงของปฐมบรรพบุรุษจิ่วมี่นั้น ไม่มีใครทราบถึงประวัติความเป็นมาอีกแล้ว

ทุกคนรู้แต่เพียงว่าอาจารย์ของจิ่วมี่คือเป้าปู่ เป็นหนึ่งในศิษย์ยของเป้าปู่ นอกเหนือจากนี้แล้วก็ไม่รู้อะไรอีกเลย

สมควรทราบว่า เป้าปู่นั้นคือปฐมบรรพบุรุษคนแรกของแดนสามเซียนเท่าที่มีการบันทึกกันมา ดังนั้น ทุกคนจึงยกย่องเขาคือปฐมบรรพบุรุษคนแรกของแดนสามเซียน

ขณะที่จิ่วมี่คือหนึ่งในศิษย์ของเป้าปู่ ลองนึกดูว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่นั้นมีความเก่าแก่โบราณเช่นใด ถูกก่อตั้งขึ้นมาเนิ่นนานเพียงใด

ด้วยเหตุนี้เอง เรื่องราวเกี่ยวกับปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่จึงไม่ค่อยมีบันทึกสักเท่าไร ทุกอย่างล้วนแล้วแต่กล่าวเอาไว้เพียงไม่กี่คำเท่านั้น

แม้บันทึกเกี่ยวกับปฐมบรรพบุรุษไม่ชัดเจนก็ตาม แต่ทว่า ความเป็นสิ่งจัดตั้งเพื่อการสืบทอดที่เก่าแก่โบราณของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่ และความลึกซึ้งของธาตุแท้ภายในนั้นเป็นสิ่งที่ปราศจากข้อกังขาอยู่แล้ว

หลังจากผ่านมาสิบล้านยุคแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่ที่ขึ้นๆ ลงๆ เคยตกต่ำมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ท้ายที่สุดยังคงยืนหยัดจนถึงปัจจุบัน

โดยเฉพาะมาถึงมือของฮ่องเต้ไท่ชิง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่ก็คล้ายดั่งเป็นพระอาทิตย์ที่ขึ้นกลางหาว ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแดนลัทธิราชันอีกครั้งหนึ่ง

แม้ว่าทุกคนไม่สามารถรู้ได้ว่าช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่เป็นอย่างไร แต่ทว่า ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่ในวันนี้ เกรงว่าในสายตาของผู้คนจำนวนมากมองว่า คงไม่ได้ด้อยไปกว่ายุคที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดสักเท่าไร

มาวันนี้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่นอกจากจะมีสำนักเจ้าลัทธิ และตระกูลขุนนางโบราณชั้นหนึ่งจำนวนนับพันนับหมื่นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหอหลินไห่เก๋อ ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ วัดจิ้งเหลียนกวาน แคว้นว่านเจิ้น สำนักเสินสิงเหมินที่เป็นห้าผู้ยิ่งใหญ่

พวกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้าอย่างสำนักเสินสิงเหมิน สำนักใดสำนักหนึ่ง เรียกได้ว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากที่อยู่ในแดนลัทธิราชัน

สำหรับราชวงศ์โตว่เซิ่นที่เป็นผู้กุมอำนาจยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงให้มากความ ภายใต้การปกครองของฮ่องเต้ไท่ชิง ล้ำหน้าเหนือทั่วแดน

ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ก้าวเดินเข้าไปยังเขากัวชางซานก็สามารถรับรู้ถึงบรรยากาศความเจริญรุ่งเรืองสายนั้นได้ สามารถรับรู้ถึงความพาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่อยู่ในจุดสูงสุดนั้นได้

หลังจากไปถึงพระราชวังแล้ว ฮ่องเต้ไท่ชิงก็ไม่ได้เรียกให้หลี่ชิเย่ไปเฝ้า อีกทั้งไม่จำเป็นต้องมีใครคอยสั่งการ ก็มีผู้ที่จัดการให้หลี่ชิเย่ได้เข้าพักเป็นอย่างดี

หลี่ชิเย่ถูกจัดให้เข้าพักภายในพระราชวังโดยตรง อีกทั้งสถานที่ที่จัดให้หลี่ชิเย่เข้าพักกลับเป็นตำหนักตงกง หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า สถานที่ที่หลี่ชิเย่เข้าพักนั้นก็คือตำหนักที่พักของรัชทายาท

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล