“เลือกของวิเศษสักหลายชิ้น?” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวตามอารมณ์ว่า “ให้เลือกได้กี่ชิ้น?”
“ฝ่าบาทไม่ได้กำหนดเฉพาะเจาะจงจำนวนเอาไว้ ขอเพียงองค์ชายมีความประสงค์ น่าจะได้ทั้งนั้นกระมัง” จางเจี๋ยตี้ตอบทันที
หลี่ชิเย่พยักหน้า และกล่าวว่า “ก็ดี ข้าเองก็ว่างอยู่ เช่นนั้นก็ไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน ดูว่ามีของดีอะไรบ้าง”
จางเจี๋ยตี้ไม่พูดมากความ เดินนำทางให้กับหลี่ชิเย่ทันที พาหลี่ชิเย่ไปยังคลังสมบัติที่ราชวงศ์โต่วเซิ่นมีไว้ในครอบครอง
ตามหลักแล้ว สำนักที่จัดตั้งเพื่อการสืบทอดสักแห่ง หรือแม้แต่ราชวงศ์สักราชวงศ์ ถ้าหากพวกเขาจะเปิดคลังสมบัติเพื่อให้ผู้อื่นได้เลือกของวิเศษในนั้นสักชิ้นสองชิ้นล่ะก็ เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างแน่นอน เฉกเช่นเรื่องลักษณะเช่นนี้ สำนักส่วนใหญ่จะต้องผ่านการปรึกษาหารือระหว่างระดับบรรพบุรุษหลายคน หรือผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือหลายคน แล้วจึงเป็นคำตัดสินออกมา
จะอย่างไรเสียนี่คือทรัพย์สมบัติของสำนักๆ หนึ่ง หาใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าสำนักคนหนึ่ง หรือฮ่องแต่องค์ใดองค์หนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะให้คนใดคนหนึ่งกระทำได้ตามอำเภอใจ
แต่ วิธีการแบบนี้ใช้ไม่ได้กับฮ่องเต้ไท่ชิง บางทีราชวงศ์ใดๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่ทรัพย์สมบัติของราชวงศ์หนึ่งจะปล่อยให้คนๆ หนึ่งเป็นผู้ตัดสินใจ
อย่างไรก็ตามทุกอย่างเมื่อถึงมือของฮ่องเต้ไท่ชิงก็แตกต่างโดยสิ้นเชิงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในราชวงศ์โต่วเซิ่น ไม่ว่าจะเป็นสมบัติหรือว่าอำนาจผู้บำเพ็ญตนอยู่ในมือของฮ่องเต้ไท่ชิงเพียงคนเดียว คนอื่นไม่สามารถยื่นมือเข้ามาอย่างสิ้นเชิง
ความจริงแล้ว ในอดีตหาใช่เป็นเช่นนี้ไม่ ในอดีตอำนาจของราชวงศ์โต่วเซิ่นไม่ได้รวบอยู่ที่คนๆ เดียว อีกทั้งอำนาจของฮ่องเต้ราชวงศ์โต่วเซิ่นในอดีตมีจำกัดมาก
ในสมัยนั้นผู้ที่กุมอำนาจทั้งหมดของราชวงศ์โต่วเซิ่นที่แท้จริงคือคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ คณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์โต่วเซิ่นประกอบด้วยระดับปรมาจารย์แต่ละคนของราชสำนัก โดยที่คณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์จะเป็นผู้กำหนดชะตาของราชวงศ์โต่วเซิ่น นโยบายสำคัญทุกๆ นโยบายล้วนแล้วแต่มาจากคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น
แต่ทว่า จากการที่ฮ่องเต้ไท่ชิงได้สั่งสมมายุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่า การครองบัลลังก์มาสามยุคสมัยทำให้เขาสั่งสมอำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทำให้เขาสั่งสมธาตุแท้ภายในที่เด็ดขาด บวกกับตัวเขาเองที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร
สุดท้าย ฮ่องเต้ไท่ชิงอาศัยความได้เปรียบที่เด็ดขาดทำการสยบคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ฟังว่าจากนั้นเป็นต้นมา คณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ถอนตัวออกจากขั้วอำนาจของราชวงศ์โต่วเซิ่น โดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจดังกล่าวอีก หลังจากนั้น คณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ปรากฏตัวในราชสำนักอีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้เอง เป็นการวางรากฐานฐานะความเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวของฮ่องเต้ไท่ชิงอย่างมั่นคง เขารวบเอาอำนาจทั้งหมดของราชวงศ์โต่วเซิ่น และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเจิ่วมี่ไว้คนเดียว ทำให้ยุคสมัยนี้ของฮ่องเต้ไท่ชิงยืนอยู่บนอำนาจสูงสุดอย่างแท้จริง
บางทีในแดนลัทธิราชันอาจจะมีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงเสียอีก แต่ทว่า ทอดสายตามองออกไปทั่วแดนลัทธิราชัน ไม่มีคนไหนที่มีอำนาจในมือมากไปกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงอีกแล้ว ฮ่องเต้ไท่ชิงในวันนี้คือผู้ที่ยืนอยู่บนขั้วอำนาจสูงสุดของแดนลัทธิราชัน เขาคือผู้มีอำนาจมากที่สุดทั่วทั้งแดนลัทธิราชัน
ด้วยเหตุนี้เอง ฮ่องเต้ไท่ชิงคิดจะแต่งตั้งหลี่ชิเย่ให้เป็นรัชทายาทก็แต่งตั้งเลย ไม่มีใครกล้าขัดขวาง ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เรื่องที่ฮ่องเต้องค์หนึ่งกล้าแต่งตั้งบุคคลภายนอกเป็นรัชทายาทล่ะก็ เป็นเรื่องที่ใหญ่มากอย่างแน่นอน และการตัดสินใจลักษณะเช่นนี้ไม่สามารถผ่านได้อย่างเด็ดขาด
แต่ว่า เรื่องเช่นนี้เมื่อมาอยู่ที่ฮ่องเต้ไท่ชิงแล้วไม่มีแรงต้านแม้แต่น้อย สามารถแต่งตั้งให้หลี่ชิเย่เป็นรัชทายาทอย่างสะดวก อีกทั้ง ฮ่องเต้ไท่ชิงต้องการให้หลี่ชิเย่ได้ไปเลือกของวิเศษไว้ป้องกันตัวสักหลายชิ้น มันก็แค่คำพูดคำเดียวเท่านั้น คลังสมบัติของราชวงศ์โต่วเซิ่นก็เปิดออกให้กับหลี่ชิเย่ทันที ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเห็นชอบด้วย
นี่แหละคือผู้เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในหล้าทั่วทั้งแดนลัทธิราชันคงมีเพียงฮ่องเต้ไท่ชิงเท่านั้นที่ทำได้ การมีอำนาจเช่นนี้อยู่ในมือนับว่าเป็นที่อิจฉาของผู้คนมากเหลือเกิน
แต่ว่า อำนาจที่สูงสุดและเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวเช่นนี้จะถูกส่งต่อให้กับหลี่ชิเย่เร็วๆ นี้แล้ว ถ้าหากปล่อยให้ผู้คนรู้ว่าหลี่ชิเย่ที่เป็นเจ้าหนูไร้ชื่อไร้เสียงคือผู้ที่จะได้กุมอำนาจที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในหล้าเช่นนี้ จะมีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องหวั่นไหว ขณะที่หลี่ชิเย่ก็จะกลายเป็นเนื้อสมันในสายตาของทุกๆ คน
“ไม่ทราบว่าองค์ชายต้องการได้ของวิเศษลักษณะเช่นใดเล่า? คลังสมบัติของราชวงศ์ใหญ่มาก ถ้าหากในใจขององค์ชายมีอะไรที่ต้องการจะได้สามารถบอกกล่าวให้กระหม่อมทราบ เพื่อสะดวกต่อกระหม่อมในการนำทางให้กับองค์ชาย” ระหว่างทางไปยังคลังสมบัติ จางเจี๋ยตี้ได้กล่าวเพื่อแบ่งเบาภาระให้กับหลี่ชิเย่อย่างซื่อสัตย์และภักดี
“ดูไปอย่างนั้น อยากได้ก็หยิบเอามา” หลี่ชิเย่กล่าวตามอารมณ์ยิ่งขึ้นมา
ทำให้จางเจี๋ยตี้อดที่จะมองหน้าหลี่ชิเย่อีกทีหนึ่ง เขาไม่รู้จักกลยุทธอะไรเลย ในเมื่อฝ่าบาทแต่งตั้งหลี่ชิเย่ให้เป็นรัชทายาท เขาก็ต้องเชื่อโดยไม่มีเงื่อนไข
แต่ว่า สิ่งนี้ได้ทำให้จางเจี๋ยตี้รู้สึกแปลกใจ หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อถูกแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทกลับมีปฏิกิริยาเรียบเฉยถึงเพียงนี้ ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงดีใจจนกระโดดตัวลอยนานแล้ว
ลองนึกดู ในครั้งนั้นขณะที่เขาได้รับการเลือกจากฝ่าบาทนั้น เขาตื่นเต้นจนจะแย่แล้ว ไม่สามารถหลับตาลงได้ตลอดทั้งคืน มันเหมือนเป็นความฝันอย่างนั้น
เมื่อเปรียบเทียบกับหลี่ชิเย่ที่เรียบเฉยถึงเพียงนี้ จางเจี๋ยตี้รู้สึกละอายต่อการแสดงออกของตนในครั้งนั้น ถ้าหากตนเองที่มีอายุเท่ากับหลี่ชิเย่แล้วถูกแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทล่ะก็ มิดีใจจนหัวใจของตนก็รับไม่ไหวแล้วอย่างนั้น
“องค์ชายเคยฝึกยุทธมาหรือไม่?” จางเจี๋ยตี้พิจารณาดูหลี่ชิเย่แล้วมองออกว่าหลี่ชิเย่นั้นเคยฝึกยุทธมาก่อน ดูจากท่าทีต่างๆ แล้ว ทักษะยุทธของหลี่ชิเย่อ่อนมาก เพียงแต่มองไม่ออกว่าเคยฝึกเคล็ดวิชาอะไรมาก่อน ต่อให้เคยฝึกเคล็ดวิชาเช่นใดมาก็ตามา มันก็แค่เป็นเคล็ดวิชาที่ง่ายๆ และธรรมดามากเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...