สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2416 ฝ่าบาทจะตายเมื่อไหร่นะ – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 2416 ฝ่าบาทจะตายเมื่อไหร่นะ ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
สุดท้ายแล้ว จางเจี๋ยตี้ยังคงเอ่ยเบาๆ ขึ้นมาว่า “องค์ชายยังคงฝึกยุทธสักนิดจะดีกว่า ต่อให้ไม่ฝึกเคล็ดวิชาก็สามารถฝึกท่าร่างได้ ราชสำนักพวกเรามีท่าร่างหลายแขนงที่เป็นหนึ่งในหล้า ต่อให้ไม่แน่ว่าจะเอาชนะสำนักเสินสิงเหมินได้ แต่ก็ไม่เห็นจะด้อยไปกว่ากันสักเท่าไร องค์ชายจะมีท่าร่างที่สุดยอดเอาไว้ป้องกันตัวเสียบ้างก็เป็นเรื่องดี”
จางเจี๋ยตี้นั้นเรียกได้ว่ามีความพยายามอย่างยิ่ง ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะอย่างเขาคนนี้แทบจะกราบให้หลี่ชิเย่ฝึกยุทธแล้วล่ะ
“มีอะไรน่าฝึก” ท่าทางหลี่ชิเย่เสมือนดั่งลูกผู้ดีมีเงินและยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อบอกว่าราชวงศ์โต่วเซิ่นของพวกเราหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร เกรียงไกรทั่วหล้า ทั้งยังมีเจ้าที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะมาเป็นองครักษ์ ฝึกหรือไม่ฝึกก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แม้แผ่นดินกว้างใหญ่มากกว่านี้ มีใครกล้าแตะต้องข้าล่ะ?”
ท่าทางของหลี่ชิเย่ที่ไม่คิดจะหาความก้าวหน้า ลักษณะเหมือนลูกผู้ดีมีเงินดีๆ นี่เอง ทั้งยังเป็นลูกผู้ดีมีเงินประเภทไม่เอาไหนอีกด้วย
จางเจี๋ยตี้ต้องอึ้งโดยสิ้นเชิง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ได้มีโอกาสฝึกสุดยอดท่าร่างของราชวงศ์โต่วเซิ่นล่ะก็ เรียกว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง แต่หลี่ชิเย่เสียอีกที่คนอื่นขอร้องให้เขาฝึกเขากลับขี้คร้านจะฝึก เขาคือองค์รัชทายาทที่ทนต่อความลำบากไม่ได้และมุ่งหวังแต่จะเสพสุขท่าเดียวอย่างสิ้นเชิง
“แม้จะพูดเช่นนี้” จางเจี๋ยตี้ทอดถอนใจออกมาเบาๆ และพยายามอย่างยิ่งพูดต่อว่า “องค์ชาย แม้ว่าอำนาจที่อยู่ในมือจะสูงสุด แต่ว่า ใต้หล้านี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อยากได้อำนาจในมือขององค์ชายมากทีเดียว ยังไม่ต้องกล่าวถึงศัตรูภายนอก และไม่พูดถึงบรรดาสำนักเจ้าลัทธิและตระกูลขุนนางโบราณที่ไม่มีสิทธิ์ ลำพังแค่หอหลินไห่เก๋อ ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ สำนักเสินสิงเหมินที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่เช่นพวกเขา ต้องการครอบครองราชวงศ์โต่วเซิ่นมานานมากแล้ว หากว่าองค์ชายไม่สามารถหยิบยกพลังที่สยบทั่วหล้าออกมาแสดง เกรงว่าช้าเร็วพวกเขาก็ต้องก่อการขึ้นมา”
กล่าวสำหรับจางเจี๋ยตี้แล้ว ฮ่องแต้ไท่ชิงเปรียบเสมือนบิดามารดาที่ให้ชีวิตใหม่กับเขา และราชวงศ์โต่วเซิ่นมีบุญคุณต่อเขาดั่งขุนเขา ภายในใจของจางเจี๋ยตี้เองก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่าฮ่องแต้ไท่ชิงคงอยู่ได้อีกไม่นาน เกรงว่าคงไม่นานเท่าไรฮ่องแต้ไท่ชิงก็ต้องเสด็จสวรรคตแล้ว
เมื่อไรที่ฮ่องแต้ไท่ชิงเสด็จสวรรคต บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่แอบจ้องอำนาจของราชวงศ์โต่วเซิ่นอยู่จะต้องอดกลั้นไม่ได้อีกต่อไปแน่นอน
จางเจี๋ยตี้ในฐานะที่เป็นคนของราชวงศ์โต่วเซิ่นย่อมไม่หวังให้ราชวงศ์โต่วเซิ่นล่มสลาย ภายในใจของเขาคาดหวังให้รัชทายาทอย่างหลี่ชิเย่สามารถแบกรับสถานการณ์รักษาแผ่นดินของฮ่องแต้ไท่ชิงเอาไว้
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะอย่างจางเจี๋ยตี้ที่พยายามอย่างยิ่ง อยากจะให้หลี่ชิเย่ได้ฝึกวิชาหลายๆ แขนงให้รู้แล้วรู้รอดไป มีเพียงหลี่ชิเย่แข็งแกร่งมากพอจึงสามารถสยบสถานการณ์ในอนาคตไว้ได้ มิฉะนั้นล่ะก็ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จะต้องตกอยู่ในสภาพวุ่นวายและท่ามกลางไฟสงคราม
“ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันเถอะ” ท่าทีของหลี่ชิเย่ไม่เห็นความสำคัญอย่างสิ้นเชิงรู้สึกรำคาญ ยิ้มกล่าวขึ้นมา
จางเจี๋ยตี้อดที่จะยิ้มเจื่อนๆ ไม่ได้และหมดปัญญาโดยสิ้นเชิง จนด้วยเกล้ากับหลี่ชิเย่อย่างสิ้นเชิง แต่ว่าเขาจะทำอะไรได้อีกล่ะ? สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ก็คือรักษาความปลอดภัยให้กับหลี่ชิเย่
“ฝ่าบาทส่งเจ้ามาเป็นองครักษ์ของข้า หรือมาเป็นราชครูของข้าเล่า?” ขณะก้าวเดินไปนั้น หลี่ชิเย่ได้ยิ้มกล่าวขึ้นมา
จางเจี๋ยตี้รีบตอบว่า “ฝ่าบาทส่งข้าน้อยมาอารักขาให้ความปลอดภัยต่อองค์ชาย ข้าน้อยมีชาติกำเนิดมาจากรากหญ้า ความรู้น้อยนิด ไม่มีสิทธิ์รับตำแหน่งราชครู หากองค์ชายมองว่าข้าน้อยมากเรื่อง ข้าน้อยก็จะไม่พูด”
“ไม่เป็นไร” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ หัวเราะและกล่าวว่า “พูดออกมาบ้างดีออก ข้างกายมีแต่หุ่นกระบอกคอยติดตามอยู่ทั้งวันล่ะก็ไร้อารมณ์จริงๆ”
จางเจี๋ยตี้ทอดถอนใจภายในใจเบาๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าราชวงศ์โต่วเซิ่นภายใต้การปกครองของผู้เป็นนายลักษณะเช่นนี้แล้ว อนาคตจะมีสถานการณ์เช่นใด
“ฝ่าบาทจะตายเมื่อไหร่นะเนี่ย” ในเวลานี้เอง พลันหลี่ชิเย่ก็ได้โพล่งคำๆ นี้ออกมา
คำพูดนี้ทำเอาจางเจี๋ยตี้ตกใจยิ่งจนวิญญาณแทบออกจากร่าง เขาถึงกับสั่นเทิ้มทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ฝ่าบาทอายุยืนยาวเป็นหมื่นปี ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า”
แม้ว่าจางเจี๋ยตี้จะเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่ง ในเวลานี้ก็ตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว สมควรทราบว่า คำพูดเช่นนี้เท่ากับสาปแช่งฮ่องแต้ไท่ชิงให้ตาย หากคำพูดเช่นนี้เข้าหูฮ่องแต้ไท่ชิงโทษคือตายสถานเดียว
แม้จะกล่าวว่าฮ่องแต้ไท่ชิงนั้นดุจดั่งบิดามารดาผู้ให้ชีวิตใหม่ของเขา แต่จางเจี๋ยตี้ก็รู้ว่าฮ่องแต้ไท่ชิงคือผู้ที่แข็งกร้าวและไร้ซึ่งความปราณีคนหนึ่ง เมื่อไรที่มีใครล่วงเกินสิ่งต้องห้ามของเขาล่ะก็ จะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย!
“คำพูดที่พูดปลอบใจตนเองอย่างนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว” หลี่ชิเย่โบกมือไปมาเบาๆ หัวเราะและกล่าวว่า “แม้แต่คนโง่ก็สามารถมองออกว่า ฝ่าบาทจะไม่ไหวอยู่แล้ว เรื่องตายเป็นเรื่องที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น ไม่ใช่วันนี้ก็คือวันพรุ่งนี้ ทนไม่ได้นานหรอก”
คนโง่ก็ต้องรู้ว่าจางเจี๋ยตี้คือคนสนิทของฮ่องแต้ไท่ชิง การพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาต่อหน้าเขา มิเท่ากับต้องการให้คำพูดนี้ไปเข้าหูของฮ่องแต้ไท่ชิงรึ? เป็นการเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปชัดๆ
แม้จะกล่าวว่าหลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ถึงกับต้องใจร้อนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้ขนาดนี้กระมัง หรือต่อให้ใจร้อนอยากจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้ และคาดหวังให้ฮ่องแต้ไท่ชิงรีบๆ สรรคตเสีย ก็ไม่ถึงกับปากไม่มีหูรูดพูดออกมาเช่นนี้
แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับพูดออกมาเหมือนมีเหตุผลที่จะพูดได้เต็มปากเต็มคำ เหมือนต้องการให้ฮ่องแต้ไท่ชิงสวรรคตทันทีให้รู้แล้วรู้รอดไปอย่างนั้น
“องค์ชาย ระวังคำพูดนะ ประตูมีหู” ทำเอาจางเจี๋ยตี้ตระหนกไม่เบาเลย รีบเอ่ยขึ้นเบาๆ
จางเจี๋ยตี้ยังนับว่ามีความหวังดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงนำเอาคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ได้รายงานต่อฮ่องแต้ไท่ชิง แล้วลากเอาองค์ชายอย่างหลี่ชิเย่ลงมาตัดศีรษะไปแล้ว
แต่ว่า จางเจี๋ยตี้ยังเห็นแก่หลี่ชิเย่อายุยังเยาว์ไม่รู้ความ ดังนั้น จึงกล่าวเตือนหลี่ชิเย่เสียงแผ่วเบา
จางเจี๋ยตี้นั้นหาใช่ผู้ที่ไม่มีบทบาทอะไร ตัวเขาในฐานะที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่ง ย่อมไม่ใช่คนเลอะเลือนอะไรอย่างนั้น แต่ว่า ในขณะนี้ จางเจี๋ยตี้กลับไม่เข้าใจอะไรเลยกับเจ้านายคนใหม่ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้
ภายในคลังสมบัติแห่งนี้ได้เก็บสมบัติเอาไว้จำนวนมหาศาล มีทั้งอาวุธ โลหะเซียน ของวิเศษประหลาด ไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนี้ ไม่เพียงแต่เก็บสะสมสมบัติวิเศษเท่านั้น ยังได้เก็บสะสมทรัพยากรและวัตถุดิบจำนวนมาก
สมบัติวิเศษวัตถุดิบเซียนทุกชิ้นล้วนเปล่งประกายที่หลากสีสันออกมา การเดินอยู่ท่ามกลางคลังสมบัติเช่นนี้ เรียกได้ว่ามีของสวยงามมากมายหลากหลายจนลานตา ทำให้มองดูจนตาลาย
ไม่ว่าผู้ใดก็ตามหากก้าวเดินเข้ามาอยู่ภายในคลังสมบัติเช่นนี้ ก็ต้องหวั่นไหวกับสมบัติมากมายดั่งดอกเห็ดที่อยู่ตรงหน้า แม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะก็ต้องหวั่นไหวกับสมบัติวิเศษที่เห็นอยู่ตรงหน้า
หากเปลี่ยนเป็นคนหนุ่มคนอื่นๆ เมื่อได้เห็นสมบัติวิเศษมากมายเช่นนี้ให้ตนได้เลือกตามใจชอบล่ะก็ จะต้องดีใจอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นผู้ที่มีสมาธิดีกว่านี้ก็ไม่สามารถสะกดความปิติยินดีของตนไม่ได้
แม้แต่ผู้ที่มีสมาธิดีมากๆ และพยายามควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตน เมื่ออยู่ต่อหน้าสมบัติวิเศษมากมายดั่งดอกเห็ดตรงหน้า ก็ต้องเผยสีหน้าที่ปิติยินดีออกมา
แต่ว่า เมื่อจางเจี๋ยตี้เฝ้าสังเกตหลี่ชิเย่นั้น ท่าทีของหลี่ชิเย่นั้นเรียบเฉยมาก เหมือนว่าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น เดินไปดูไป ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นตระหนกตกใจระคนกับความดีใจ
ท่าทางเช่นนี้ของหลี่ชิเย่เหมือนไปเดินเล่นในตลาดผักผลไม้อย่างนั้น เหมือนว่าที่วางเรียงรายตรงหน้าไม่ใช้ของวิเศษแต่ละชิ้นที่สะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คน แต่เป็นเพียงผักกาดขาว หรือหัวผักกาดอะไรทำนองนั้น
ท่าทีของหลี่ชิเย่เรียบเฉยอย่างยิ่ง อาจมีของวิเศษชิ้นสองชิ้นที่ทำให้เขาต้องหยุดและมองดูเป็นบางครั้งเท่านั้น
อีกทั้ง จากการเฝ้าสังเกตอย่างละเอียดของจางเจี๋ยตี้ พบว่าหลี่ชิเย่ใช่แสร้งทำเป็นสงบเยือกเย็น ใช่เป็นการควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตน เขามีความรู้สึกที่เรียบเฉยโดยแท้จริง เหมือนดั่งเดินเที่ยวในตลาดผักผลไม้อย่างนั้น ปฏิกิริยานั้นเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง
จะอย่างไรเสีย จางเจี๋ยตี้นั้นคือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่ง ถ้าหากมีใครจงใจควบคุมอารมณ์ต่อหน้าเขา เขาจะต้องดูออกอย่างแน่นอน
แต่ทว่า จางเจี๋ยตี้ในขณะนี้สามารถยืนยันได้ว่า หลี่ชิเย่ไม่ได้ควบคุมอารมณ์ของตน ภายในใจของเขาไม่ได้รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นปฏิกิริยาที่ธรรมดาและเรียบเฉยยิ่ง
…………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...