จางเจี๋ยตี้ไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว รู้สึกเหม่อลอยอยู่บ้างในใจ
ครั้งนั้นเขาได้ติดตามฮ่องเต้ไท่ชิงมาที่คลังสมบัติเป็นครั้งแรกนั้น ตอนนั้นเขาไม่ใช่เป็นเพียงหนุ่มน้อยคนหนึ่งเท่านั้น เขาคือยอดฝีมือที่โด่งดังทั่วหล้าแล้ว ตัวเขาในขณะนั้นได้ผ่านอุปสรรคและผ่านเหตุการณ์ใหญ่มาแล้วไม่น้อย
แต่ครั้งแรกที่ได้เห็นสมบัติวิเศษมากมายดั่งดอกเห็ดภายในคลังสมบัติ เขาเองก็ต้องสะเทือนหวั่นไหวและอดที่จะรู้สึกใจหายใจคว่ำไม่ได้
แต่ว่า คนหนุ่มเช่นหลี่ชิเย่นั้น มองดูคลังสมบัติที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย คล้ายดั่งกำลังเดินเล่นในตลาดผักผลไม้อย่างนั้น ท่าทางอย่างไรก็ได้โดยสิ้นเชิงอย่างนั้น
พลันทำให้จางเจี๋ยตี้ไม่รู้ว่าสมควรเปรียบเปรยจิตใจในขณะนี้ได้อย่างไร เชาเชื่อว่าในโลกนี้มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ยืนอยู่ด้านหน้าคลังสมบัตินี้แล้วยังสามารถทำใจสงบและอิสระเสรีได้อย่างนี้ ยิ่งไปกว่านั้น สมบัติวิเศษที่อยู่ภายในคลังสมบัติยังสุดแต่ตนเองจะเลือกหยิบไปได้ตามใจอีกด้วย
แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับทำได้แล้ว ของวิเศษแต่ละชิ้นที่สะเทือนเลื่อนลั่นเมื่ออยู่ในสายตาของหลี่ชิเย่แล้วก็เสมือนหนึ่งเป็นผักกาดขาวแต่ละต้นอย่างนั้น
ในเวลานี้เขาเดาไม่ออกสำหรับนายใหม่ผู้นี้เสียแล้ว เป็นเพราะองศาการรับรู้ของเขากว้างเกินไป หรือว่าประสบการณ์ชีวิตมีมากเกินไปกันแน่
อยู่ต่อหน้าของวิเศษมากมายเช่นนี้กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ คนลักษณะเช่นนี้หากไม่ใช่คนโง่สุดๆ ก็คือคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างแท้จริง
จางเจี๋ยตี้ย่อมไรรู้ว่าคลังสมบัตินั้นหลี่ชิเย่เห็นมามาก เมื่อเทียบกับคลังสมบัติของบรรพบุรุษหลุนหุยแล้ว คลังสมบัติของราชวงศ์โต่วเซิ่นไม่สามารถนับเป็นอะไรได้เลย
ในระหว่างที่เดินชมอยู่นั้น หลี่ชิเย่ก็ได้หยุดดูอยู่ตรงหน้าของวิเศษหลายชิ้นอยู่เช่นกัน
หนึ่งในนั้นเป็นระฆังขนาดใหญ่ใบหนึ่ง โดยที่ระฆังใบนี้ดูเป็นสีม่วงทั้งใบ เหมือนหล่อขึ้นมาจากทองหรือหยก แต่มันก็ไม่ใช่โลหะจื่อจิน มันเปล่งประกายสีม่วงออกมา ระฆังทั้งใบเหมือนเป็นเนื้อเดียวกัน แลดูเหมือนไม่ใช่หล่อ่ขึ้นมาภายหลัง เหมือนว่ามันเป็นระฆังเช่นนี้มาแต่กำเนิด
ระฆังได้เปล่งพลังม่วงออกมา โดยพลังม่วงได้ลอยตัวขึ้นมาไม่ขาดสาย พลังม่วงที่สั่งสมอยู่ด้านล่างของระฆังได้ยกระฆังทั้งใบให้ลอยขึ้นมา
“ระฆังใบนี้คือของวิเศษที่ยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่ง ฟังว่าฝ่าบาทได้ใช้มันเป็นอาวุธในวัยหนุ่ม” จางเจี๋ยตี้ถึงกับสะดุ้งในใจ เมื่อเห็นหลี่ชิเย่หยุดอยู่ตรงระฆังใบนี้
แม้ว่าหลี่ชิเย่เดินอยู่ในคลังสมบัติแห่งนี้เสมือนดั่งเดินเล่นในตลาดสดอย่างนั้น ของวิเศษจำนวนมากเขามองแค่แวบเดียวเท่านั้น มีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่เขาหยุดเดินและดูเหมือนเช่นระฆังใบนี้
อย่างน้อยที่สุดสิ่งนี้บ่งบอกว่าสายตาของหลี่ชิเย่นั้นแหลมคมมาก แค่มองแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าของวิเศษชิ้นไหนดีหรือไม่ดีอย่างไร ต้องเป็นคนที่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีแน่นอน
“อืมม พอใช้ได้” หลี่ชิเย่พยักหน้าไปตามอารมณ์ แล้วก็เดินต่อไปข้างหน้า
จางเจี๋ยตี้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้อีกแล้ว เพราะเขาดูไม่ออกอย่างสิ้นเชิงสำหรับเจ้านายคนใหม่คนนี้แล้ว
ณ มุมหนึ่งของคลังสมบัติหลี่ชิเย่ได้หยุดอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง เห็นเพียงมุมนี้ได้วางปืนใหญ่เอาไว้กระบอกแล้วกระบอกเล่า โดยที่ปืนใหญ่แต่ละกระบอกเหล่านี้ไม่ทราบว่าหล่อขึ้นมาด้วยวัสดุใด ปากกระบอกดำสนิท เสมือนหนึ่งสามารถยิงเอาท้องฟ้าให้ร่วงลงมาได้
“ปืนไฟชุดนี้แม้ว่าจะมีอานุภาพที่ทรงพลังยิ่ง แต่ฟังว่านับตั้งแต่เจ้าของผู้สร้างพวกมันขึ้นมาได้เสียชีวิตไปแล้วก็ไม่มีวัตถุดิบอีกเลย ถ้าหากวัตถุดิบที่มีอยู่ถูกใช้จนหมดไป ปืนไฟชุดนี้ก็จะกลายเป็นเศษเหล็กกองหนึ่งเท่านั้น” เมื่อจางเจี๋ยตี้เห็นหลี่ชิเย่มองดูปืนใหญ่แต่ละกระบอกเหล่านี้ จึงได้ทำการแนะนำให้กับเขา
“แบบนี้สิสนุกดี” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “อาวุธชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องอาศัยกำลังของพลังมาควบคุม ช่างเป็นของที่น่าสนุกเหลือเกิน เห็นใครไม่สบอารมณ์ก็ลากออกมายิงมันเลย ไปถึงไหนยิงตายถึงนั่น”
จางเจี๋ยตี้ถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ปืนไฟเหล่านี้ล้ำค่ายิ่งนัก เมื่อไรที่นำออกใช้แล้วก็จะกลายเป็นเศษเหล็ก ปรกติแล้วมีใครเขาเอาออกมาใช้โดยไม่เสียดาย? เห็นใครไม่สบอารมณ์ก็นำมันมายิงใส่ นี่เป็นการทำลายสิ่งของให้เสียหายตามอำเภอใจชัดๆ นับว่าสิ้นเปลืองเหลือเกิน
หลังจากที่เดินแตร่อยู่ในคลังสมบัติมารอบหนึ่ง หลี่ชิเย่ไม่ได้เลือกของวิเศษเลยสักชิ้น หันหลังเดินจากไปทันที
“องค์ชายไม่เลือกของวิเศษบ้างเลยรึ?” จางเจี๋ยตี้อดที่จะถามด้วยความแปลกใจ เมื่อหลี่ชิเย่เดินจากไปโดยไม่ได้เลือกของวิเศษเลยสักชิ้น
“ต่อไปข้าจะเป็นผู้กุมอำนาจมิใช่รึ?” หลี่ชิเย่ถามกลับ
“ถูกต้อง” จางเจี๋ยตี้ได้แต่ตอบรับ เรี่องนี้แน่อยู่แล้ว เวลานี้เขาคือรัชทายาท อนาคตเขาก็คือฮ่องเต้ของราชวงศ์โต่วเซิ่น
“ก็แค่นั้นแหละ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เมื่อฮ่องเต้ตาย อย่าว่าแต่แค่คลังสมบัติแห่งหนึ่งเลย ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดก็เป็นของข้า มีโลกทั้งโลกอยู่ในมือยังจะต้องไปเลือกหาอะไร ข้าอยากได้ก็หยิบเอา”
เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วเหลือบมองจางเจี๋ยตี้ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “เวลานี้ข้าคิดจะเลือกกี่ชิ้นก็กี่ชิ้นมิใช่รึ? ในเมื่อเป็นของข้าอยู่แล้วจะรีบไปทำไม ต้องการแล้วค่อยมาเอา”
โอ้แม่เจ้า! ในใจของจางเจี๋ยตี้ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา เขารู้สึกว่าเจ้าหมอนี่เสียสติแล้วแน่ๆ เลย ยังไม่ทันได้เป็นฮ่องเต้ ฮ่องเต้ไท่ชิงยังไม่ได้สวรรคต เขาก็พูดจาไม่รู้จักละอายว่าแผ่นดินทั้งหมดล้วนแล้วแต่แป็นของเขาแล้ว นับเป็นคนเสียสติโดยแท้ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเหลือเกิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...