ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนไม่รู้ว่าตนเองนั้นควรจะโมโหดี หรือว่าควรดีใจที่โชคดี อย่างน้อยที่สุดจอมมารน้อยในร่างมนุษย์ไม่ได้ถูกใจในตัวของนาง แต่ว่า นางที่เป็นสาวเป็นแส้คนหนึ่งถูกจอมมารน้อยในร่างมนุษย์รังเกียจเช่นนี้ ทำให้นางอดที่จะค้อนหลี่ชิเย่เบาๆ ทีหนึ่ง จากนั้นรีบหลับตาลง
หลี่ชิเย่ละมือกลับมา หัวเราะทีหนึ่งหันหลังไปจากทันที สั่งการกับจางเจี๋ยตี้ที่อยู่ข้างกายว่า “เจี๋ยตี้เอ๊ย แม่นางผู้นี้ข้าชอบ ทิ้งสักล้านหนึ่งให้นางได้ซื้อหาเสื้อผ้าใส่บ้าง”
จางเจี๋ยตี้ไม่พูดให้มากความ จัดการโยนถุงจักรวาลใบหนึ่งบนโต๊ะโดยตรง หันหลังติดตามหลี่ชิเย่จากไป
พลันหยิบออกมาก็คือเหรียญแท้จริงนับล้าน เวลานี้ ทำให้ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนกับอาเถี่ยมองด้วยความตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก ช่างเป็นพฤติกรรมที่จะทำให้ครอบครัวล่มจม ใช้จ่ายเป็นล้านได้ตามอารมณ์ ต่อให้สายของพวกเขาสามารถกุมอำนาจในตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ต่อให้นางเป็นคุณหนูของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหยิบออกมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยถึงเพียงนี้ ถลุงได้ถึงเพียงนี้ นี่มันคือลูกที่ล้างผลาญพ่อแม่ขั้นเทพเลยนะเนี่ย
ครั้นปิงฉือหยิ่งเจี้ยนได้สติกลับมาแล้วนั้น หลี่ชิเย่ได้ไปไกลแล้ว ในเวลานี้นางไม่มีความกล้าพอที่จะไล่ติดตามไป ยังคงรู้สึกเกรงกลัวต่อจอมมารน้อยในร่างมนุษย์ผู้นี้ในใจอยู่บ้าง
ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น เวลานี้นางรู้สึกงงงัน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
จางเจี๋ยตี้จ้องมองหลี่ชิเย่แล้วถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา หลังจากได้ไปจากร้านเหล็กไปแล้ว และกล่าวว่า “แม่นางคนนี้นับว่าไม่เลวเลยนี่ ไฉนองค์ชายไม่รับเอาไว้เล่า”
“ทำไมจะต้องรับเอาไว้ล่ะ?” หลี่ชิเย่อดที่จะหัวเราะไม่ได้และกล่าวว่า “ข้าไม่ได้เป็นคนที่ขาดแคลนผู้หญิง แม่นางที่ไม่เลวคนหนึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากก็จริง ใช่ว่าจะต้องเอานางขึ้นเตียง ช่างเป็นเรื่องที่ไร้รสนิยมเหลือเกิน”
จางเจี๋ยตี้อดที่จะหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “พูดแบบนี้แสดงว่าองค์ชายชอบแม่นางคนนี้แล้วสิ?” เขาเคยชินกับนิสัยที่เข้าหาได้ง่ายของหลี่ชิเย่แล้ว
ติดตามอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่กับติดตามอยู่ข้างกายฮ่องแต้ไท่ชิงเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าหลี่ชิเย่จะถูกผู้คนเรียกว่าเป็นจอมมารน้อยในร่างมนุษย์ เป็นคนไม่ดี คนระยำเต็มพิกัด แต่ จางเจี๋ยตี้ไม่ได้รู้สึกว่ามันเลวร้ายแค่ไหน อย่างมากที่สุดก็แค่ดื้อรั้นและล้างผลาญเงินทองเท่านั้นเอง
ส่วนฮ่องแต้ไท่ชิงนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าใครก็ตามที่รั้งอยู่ข้างกายเขาล้วนแล้วแต่ต้องตัวสั่นงันงก ขอเพียงเขาโกรธขึ้นมา ไม่ว่าใครก็มีโอกาสหัวหลุดออกจากบ่า
“ชอบมีหลายแบบ ชอบไม่ได้หมายถึงรัก” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ความชอบบางอย่างแค่เป็นการเห็นพ้องต้องกันอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง”
จางเจี๋ยตี้ใบหน้าแฝงรอยยิ้มพยักหน้า แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ทันใดนั้นเอง ภายในพระราชวังปรากฎลำแสงศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง เมื่อลำแสงสายนี้พุ่งขึ้นท้องฟ้าได้ทำให้เมฆบนท้องฟ้าแตกกระจาย พลันส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน ส่องสว่างไปในจักรวาล
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขามไม่สิ้นสุดได้ตลบอบอวลระหว่างฟ้าดิน เสมือนหนึ่งต้องการทำให้จมมิดไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อย่างนั้น
ขณะที่กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขามไม่สิ้นสุดท่วมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดจนจมมิดไปนั้น ฉับพลันนั้นเอง ที่ถูกทำให้ต้องแตกตื่นไม่ได้มีเพียงยอดฝีมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมียอดฝีมือทั้งหมดของแดนลัทธิราชันอีกด้วย
เสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง เดิมลำแสงสายนั้นที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้านั้นพลันปราศจากพลังหนุนเนื่อง เหมือนบ่อน้ำพุที่พวยพุ่งน้ำขึ้นมา เมื่อพวยพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงแล้วพลันแห้งเหือดลง ดังนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง น้ำพุที่พวยพุ่งขึ้นมาพลันไม่มีน้ำขึ้นมาหนุนเนื่อง แล้วตกลงมา
ในเวลานี้เอง ได้มองเห็นภาพที่อลังการมากภาพหนึ่ง ลำแสงที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรงขณะที่แห้งเหือดลงนั้น ทำให้ลำแสงทั้งหมดได้กลับกลายเป็นประกายเป็นเม็ดๆ ล่องลอยไปตามลม เพียงชั่วพริบตาเดียว ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ทุกหนทุกแห่งล้วนแล้วแต่มองเห็นประกายเป็นเม็ดๆ ที่กระจายทั่วไป คล้ายดั่งท้องฟ้าปรากฎฝนประกายที่ตกลงมา แต่งแต้มทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เหมือนอยู่ท่ามกลางความฝัน
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้ทั่วทั้งพระราชวังปรากฏแสงเปลวไฟขึ้นมา หากเปรียบพระราชวังเป็นเทียนเล่มหนึ่งล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว แสงของเปลวไฟที่ปรากฏขึ้นมาก็เหมือนแสงเทียนที่ถูกจุดติดขึ้นมา
เพียงแต่ แสงลักษณะเช่นนี้คล้ายดั่งเป็นแสงเทียนของเทียนที่เผาจนใกล้จะมอดและอยู่ท่ามกลางลมพายุ ให้ความรู้สึกของชีวิตที่ดุจไฟใกล้มอดดับ แสงไฟลักษณะเช่นนี้พร้อมที่จะมอดดับได้ทุกเมื่อ
ในเวลานี้ได้ยินเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น มองเห็นแสงไฟที่ลอยขึ้นมาจากพระราชวังเคลื่อนที่ไปมาไม่สงบนิ่ง ประเดี๋ยวสว่างประเดี๋ยวเจิดจ้า เหมือนว่าพร้อมจะดับมอดลงได้ทุกเมื่อ
แย่แล้ว…สีหน้าของจางเจี๋ยตี้เปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อได้เห็นสภาพการณ์เช่นนี้ กล่าวด้วยท่าทางที่หวาดผวาว่า “สถานการณ์ของฝ่าบาทไม่ดี องค์ชาย พวกเรารีบเร่งเสด็จกลับวังเถอะ” ไม่พูดพล่ามทำเพลง หอบเอาหลี่ชิเย่ขึ้นมาแล้วอาศัยความเร็วที่สุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียมมุ่งสู่พระราชวัง
ขณะเดียวกัน ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งแดนลัทธิราชันก็มีสายตาแต่ละคู่ที่จ้องมองไปที่พระราชวัง มองดูแสงที่ติดๆ ดับๆ นั่น เวลานี้ทุกคนรู้แล้วว่าฮ่องเต้ไท่ชิงยื้อต่อไปไม่ไหวแล้ว เวลานี้เขามีสีหน้าที่ดูสดใสขึ้นก่อนจะสวรรคต พร้อมจะสวรรคตได้ทุกเมื่อ
ปุ…เสียงหนึ่งดังาขึ้น จังหวะที่จางเจี๋ยตี้พาหลี่ชิเย่มุ่งหน้าเข้าพระราชวังอยู่นั้น มองเห็นแสงที่แตกละเอียด เพียงพริบตาเดียวประกายทั้งหมดพลันจางหายไป
พริบตาเดียวนั่นเอง เสมือนดั่งทั่วพระราชวังตกอยู่ในความมืดอย่างนั้น เหมือนว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่สูญเสียแสงสว่างไปอย่างนั้น
“ฝ่าบาทสวรรคต…” สีหน้าของจางเจี๋ยตี้เปลี่ยนไปมาก ร้องเสียงดังขึ้นมา “ฝ่าบาท…” พาหลี่ชิเย่พุ่งตรงไปยังที่ประทับของฮ่องเต้ไท่ชิง
ขณะที่จางเจี๋ยตี้พาหลี่ชิเย่บุกเข้าไปถึงห้องบรรทมของฮ่องเต้ไท่ชิงนั้น มองเห็นฮ่องเต้ไท่ชิงได้บรรทมอยู่ตรงนั้นปราศจากลมหายใจแล้ว ผู้รับใช้คุกเข่าอยู่เต็มไปหมด
มีเพียงซุนหลึ่งหยิ่งที่นั่งอยู่ข้างเตียง มองดูฮ่องเต้ไท่ชิงที่เหมือนหนึ่งบรรทมสนิทไปแล้ว น้ำตาพรั่งพรู กุมพระหัตถ์ของฮ่องเต้ไท่ชิงเอาไว้ไม่พูดไม่จาอยู่เป็นเวลานาน
“ฝ่าบาท…” จางเจี๋ยตี้วิ่งเข้าไป มองเห็นฮ่องเต้ไท่ชิงที่นอนอยู่ตรงนั้นและปราศจากลมหายใจไปแล้ว ถึงกับคุกเข่าลงกับพื้น ไม่สามารถลุกขึ้นเป็นเวลานาน
ความรู้สึกที่เศร้าสลดของจางเจี๋ยตี้นี้มาจากก้นบึ้งของจิตใจโดยแท้จริง ภายในใจของเขารู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ฮ่องเต้ไท่ชิงดีต่อเขาเสมือนดั่งบิดามารดาคนใหม่ เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคต ย่อมทำให้เข้าเสียใจอย่างแท้จริง
ในเวลานี้ ทั่วทั้งพระราชวังตกอยู่ในบรรยากาศของร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ทั่วทั้งพระราชวังเสมือนดั่งถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...