แต่งตั้งองค์รัชทายาทหลี่ชิเย่ ขึ้นครองราชย์!
เมื่อราชโองการนี้ถูกประกาศออกไปแล้ว ทุกคนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่งงงันไปสิ้น ทุกคนต่างไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่คนนี้คือใครกันแน่
ที่ไม่ได้รู้สึกตกใจระคนความแปลกใจก็คือปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าของหอหลินไห่เก๋อ ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ วัดจิ้งเหลียนกวาน แคว้นว่านเจิ้น และสำนักเสินสิงเหมินที่เป็นห้าผู้ยิ่งใหญ่แล้ว เนื่องจากพวกเขาถูกฮ่องเต้ไท่ชิงเรียกให้เข้าเฝ้าตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว ให้พวกเขาจังรักภักดีต่อรัชทายาท จงรักภักดีต่อฮ่องเต้องค์ใหม่
อย่าว่าแต่สำนักต่างๆ จำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เลย แม้แต่ราชวงศ์โต่วเซิ่นเองก็งงงันเช่นกัน ราชนิกูลจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกัน
“ไม่ได้แต่งตั้งทังเฮ่อเสียงเป็นรัชทายาทรึ?” มีราชนิกูลที่เป็นผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกเมื่อได้ยินราชโองการต่างก็งุนงงกันและเอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
“หลี่ชิเย่คนนี้เป็นใครกันนะ ทำไมถึงถูกฝ่าบาทกำหนดให้เป็นองค์รัชทายาทได้เล่า?” ในขณะนี้แม้แต่ภายในของราชวงศ์โต่วเซิ่นก็มียอดฝีมือรุ่นบุกเบิกต่างทยอยกันแสดงความไม่พอใจ
แม้จะกล่าวว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่พอใจต่อการแต่งตั้งคนที่ชื่อหลี่ชิเย่เป็นองค์รัชทายาท แต่ว่า ยังไม่มีใครกล้าแสดงตัวออกมาคัดค้านเป็นการชั่วคราว
จะอย่างไรเสีย ฮ่องแต้ไท่ชิงเพิ่งจะสวรรคตใหม่ๆ อำนาจบารมียังคงอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ซุนหลึ่งหยิ่งยังคงอยู่ และกองทัพหยินมี่ก็ยังคงอยู่
ซุนหลึ่งหยิ่งนั้นจงรักภักดีต่อฮ่องแต้ไท่ชิงเป็นที่ทราบกันทั่วหล้า ความภักดีของกองทัพหยินมี่นั้นไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความ ในเมื่อฮ่องแต้ไท่ชิงแต่งตั้งหลี่ชิเย่เป็นรัชทายาท ซุนหลึ่งหยิ่งและกองทัพหยินมี่จะต้องปฏิบัติตามราชโองการของฮ่องแต้ไท่ชิงด้วยความจงรักภักดี
ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามคิดจะกระโดดออกมาแสดงตนคัดค้านการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่อย่างหลี่ชิเย่ จะต้องประเมินกำลังของตนเสียก่อน
“หลี่ชิเย่คนนี้เป็นใครนะเนี่ย?” เวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่กำลังสืบเสาะประวัติความเป็นมากของรัชทายาทองค์ใหม่ ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เหมือนบ้าไปแล้วอย่างนั้น ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างขุดหาประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่ ขุดหาร่องรอยเรื่องราวที่เกี่ยวกับหลี่ชิเย่ แต่ทว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีอภินิหารยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม ก็ไม่สามารถาขุดหาเรื่องราว หรือเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับหลี่ชิเย่ออกมาได้
หลี่ชิเย่ผู้นี้เสมือนหนึ่งโผล่ออกมาด้วยการเสกจากอากาศธาตุ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่บังเกิดรัชทายาทเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่งจากอากาศธาตุเช่นนี้แหละ
“ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ประกาศใต้หล้า หอหลินไห่เก๋อ ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ สำนักเสินสิงเหมิน…” ขณะที่ผู้คนจำนวนมากยังไม่รู้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นผู้ใดนั้น ราชโองการขึ้นครองราชย์ได้ประกาศลงมาแล้ว พิธีขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ มีราชโองการให้สำนักที่แข็งแกร่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เข้าเฝ้า
นี่เป็นหนึ่งพิธียิ่งใหญ่ที่ฮ่องเต้องค์ใหม่สถาปนาฐานะตนเองที่ขาดเสียมิได้ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโอกาสที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ทำการสยบสถานการณ์ให้มั่นคง
ปัง ปัง ปังหลังจากที่ราชโองการเพิ่งจะถูกประกาศออกมาแล้วนั้น ภายในเมืองกัวชางเฉิงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เป็นระเบียบยิ่งดังขึ้นเป็นระลอก พริบตาเดียวนั่นเอง ไอเย็นดั่งน้ำขึ้นที่ไหลรินอยู่ท่ามกลางเมืองกัวชางเฉิง เมืองกัวชางเฉิงที่เดิมอยู่ในช่วงหน้าร้อนที่ร้อนอบอ้าวพลันปรากฏอากาศเย็นขึ้นมา
กองทัพหยินมี่พลันถูกโยกเข้าไปยังเมืองหลวง ทำให้เมืองหลวงเข้าสู่การรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดภายในระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ตามหากจะเข้าออกเมืองก็ต้องผ่านการสอบสวนจากกองทัพหยินมี่
ในเวลานี้ ปรากฏด่านตรวจที่ถี่ยิบขึ้นภายในเมืองหลวง ทำให้ทั่วทั้งเมืองหลวงเปี่ยมด้วยกลิ่นอายการฆ่า ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินอยู่บนถนนล้วนแล้วแต่ต้องร่างสั่นเทาขึ้นมา
การที่กองทัพหยินมี่พลันเข้ารักษาการณ์เมืองหลวงอย่างเข้มงวด จุดประสงค์นั้นชัดเจนยิ่งอยู่แล้ว ไม่ว่าใครก็จะมาทำการบุ่มบ่ามไม่ได้กับการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ มิฉะนั้นล่ะก็ฆ่าไม่มีละเว้น
กองทัพหยินมี่นั้นคือกองทัพที่จัดตั้งขึ้นด้วยมือของฮ่องแต้ไท่ชิงโดยตรง เป็นกองทัพที่น่ากลัวที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เคยเกรียงไกรไร้เทียมทานทั่วหล้า ดังนั้น เมื่อกองทัพหยินมี่ถูกโยกมาอยู่ในเมืองหลวงแล้ว สำนักใดๆ และกองทัพใดๆ ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่ไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม
กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดแล้ว ขอเพียงซุนหลึ่งหยิ่งยังอยู่ กองทัพหยินมี่ยังอยู่ ก็จะไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ราชโองการฮ่องแต้ไท่ชิงก่อนสวรรคตยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้
“หอหลินไห่เก๋อขอเข้าเฝ้า…” หลังจากที่ราชโองการการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ถูกถ่ายทอดไปแล้ว คนแรกที่เข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ใหม่ก็คือหอหลินไห่เก๋อ หนึ่งในห้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่
“สำนักเสินสิงเหมินขอเข้าเฝ้า…” จังหวะที่หอหลินไห่เก๋อเพิ่งจะมาถึง ตามติดด้วยสำนักเสินสิงเหมินทันที
“ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือขอเข้าเฝ้า…”
……
ภายในระยะเวลาอันสั้น ห้าสำนักที่มีกำลังกล้าแข็งมากที่สุด และมีผลกระทบมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ต่างเข้าวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ใหม่ ทั้งยังเป็นการมาด้วยตนเองของห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด พลันเป็นการยืนยันฐานะของฮ่องเต้องค์ใหม่แล้ว
ในขณะที่ห้าสำนักใหญ่ต่างทยอยกันเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ใหม่นั้น แคว้นเจ้าลัทธิอื่นๆ และนิกายต่างๆ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็ทยอยกันเข้าเมืองหลวง เพื่อร่วมในพิธีขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่
เวลานี้ ภายในเมืองกัวชางเฉิงนอกจากแขวนผ้าขาวและคำไว้อาลัยแล้ว ก็เริ่มมีการแขวนโคมไฟขึ้นมาบ้างแล้ว เพื่อประดับประดางานมงคลต้อนรับการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่
ท่ามกลางบรรยากาศที่บีบเค้นได้ปนบรรยากาศมงคลขึ้นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทำให้ประชาชนภายในเมืองหลวงรู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง
“ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์…” ในวันที่มีพิธีการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่นั้น ปรากฎเสียงฆ้องดังก้องไปทั่วทั้งเมืองหลวง และเสียงดังกล่าวยังได้ดังก้องอยู่เหนือท้องฟ้าของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อีกด้วย
การขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ในวันนี้ ทั่วทั้งเมืองหลวงดูจะเดือดพล่านขึ้นมา โดยเฉพาะภายในพระราชวัง เหล่าบรรพบุรุษ เจ้าสำนักที่มาจากทั่วทุกสารทิศของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่คุกเข่าอยู่ที่ตรงนั้น
ท่ามกลางพิธีขึ้นครองราชย์นี้ หนึ่งเดียวที่สามารถยืนอยู่ที่ตรงนั้นมีเพียงปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าเท่านั้น จะอย่างไรเสีย ฐานะของพวกเขานั้นสูงส่งยิ่งนัก ทั้งยังเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร เว้นแต่ฮ่องแต้ไท่ชิงยังคงมีชีวิตอยู่ คนอื่นก็จะไม่สามารถให้พวกเขาคุกเข่ากับพื้นได้อีกแล้ว
ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงดังปัง ปัง ปัง มองเห็นทหารของกองทัพหยินมี่สองแถววิ่งตรงเข้ามาทำการคุ้มครองอยู่ซ้ายขวา เรียงเป็นแถวอยู่ด้านหน้าราชบัลลังก์ เพื่อกวาดล้างสิ่งกีดขวางให้กับฮ่องเต้องค์ใหม่ในการขึ้นครองราชย์
“ฝ่าบาทเสด็จแล้ว…” ในเวลานี้เอง เสียงหนึ่งดังขึ้นดังก้องไปทั่วพระราชวัง บรรดาระดับบรรพบุรุษ และเจ้าสำนักที่คุกเข่าอยู่ต่างทยอยกันเงยหน้าขึ้น ทุกคนต่างต้องการมองดูว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นคนแบบไหนกัน
ในเวลานี้ ภายในพระราชวังมีคนสามคนก้าวเดินออกมา ผู้ที่เดินอยู่ด้านหน้าก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง ด้านหลังหลี่ชิเย่ก็คือซุนหลึ่งหยิ่ง กับจางเจี๋ยตี้ พวกเขาสองคนติดตามอยู่ซ้ายขวา ก้าวเดินตามจังหวะดั่งเงาที่ไม่ยอมห่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...