ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2430

เวลานี้ภายในใจผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสั่นเทา มองเห็นแม่ทัพใหญ่อุดรถูกสังหาร กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลบนอากาศ ผู้อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยต่างมองตากันและกัน

“เอาล่ะ” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ กวาดสายตามองออกไป และชี้ตัวตามอารมณ์ไปที่แม่ทัพอายุน้อยและตำแหน่งต่ำหลายคน และกล่าวว่า “เจ้าแม่ทัพใหญ่อุดรอะไรนั่นถูกประหารไปแล้ว เวลานี้ให้เจ้ารับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่อุดร ยังมีพวกเจ้า รับตำแหน่งรองแม่ทัพ!”

แม่ทัพเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ยืนอยู่แถวด้านหลัง มีตำแหน่งฐานะค่อนข้างต่ำ เวลานี้หลี่ชิเย่ชี้ไปตามอารมณ์ก็แต่งตั้งให้พวกเขาเป็นแม่ทัพใหญ่อุดรและรองแม่ทัพ พลันทำให้พวกเขาตะลึงงัน

นี่หาใช่เป็นตำแหน่งแม่ทัพของแคว้นๆ หนึ่งเท่านั้น แต่เป็นแม่ทัพของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง เฝ้ารักษาและบัญชาการภาคเหนือทั้งหมด ณ ที่ตรงนั้นมีสำนักตั้งอยู่เป็นหมื่นเป็นพัน แคว้นอีกหลายร้อยแคว้น เป็นแผ่นดินที่กว้างใหญ่ผืนหนึ่ง

แม่ทัพใหญ่ที่กุมกำลังทหารเช่นนี้ ไม่รู้ว่ายิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ของแคว้น และเจ้าสำนักอยู่เท่าไร

ด้วยฐานะของพวกเขา ไม่สามารถนั่งตำแหน่งแม่ทัพใหญ่อุดรได้อยู่แล้ว มาวันนี้กลับถูกแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่อุดรตามอารมณ์ของหลี่ชิเย่ พลันทำให้พวกเขาเองยังงุนงงไปเลย

ความจริงแล้วคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็งุนงงเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางอำมาตย์ของราชวงศ์โต่วเซิ่น หรือราชนิกูล และหรือระดับบรรพบุรุษ เจ้าสำนักต่างๆ ที่มาจากทั่วทุกสารทิศ พวกเขาต่างเหม่อลอยไปชั่วขณะ

นี่คือการแต่งตั้งที่ตามใจมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็น กองทัพอุดรคือหนึ่งในเจ็ดกองทัพใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นเสาหลักค้ำยันราชวงศ์โต่วเซิ่น แม้แต่ขณะฮ่องเต้ไท่ชิงยังมีพระชนม์ชีพอยู่ แม่ทัพใหญ่ของแต่ละกองทัพก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำตามอารมณ์เช่นนี้

แต่ว่า หลี่ชิเย่ไม่สนอยู่แล้วว่าจะมีใครคัดค้านหรือไม่ จัดการแต่งตั้งแม่ทัพอายุน้อยๆ และตำแหน่งเล็กๆ เหล่านี้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่และรองแม่ทัพของกองทัพอุดร อย่างน้อยที่สุดตรงจุดนี้ยังมีส่วนคล้ายกับฮ่องเต้ไท่ชิง ต่างก็เป็นเผด็จการเหมือนกัน โดยไม่ฟังหรือขอความคิดเห็นของคนอื่น

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นปีเหมื่นหมื่นปี” แม่ทัพอายุน้อยเหล่านี้เมื่อได้สติกลับมา ดีใจอย่างที่สุด คุกเข่าลงกราบกับพื้น สิ่งนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว มันคือขนมเปี๊ยะที่หล่นลงมาจากฟ้าชัดๆ เป็นโอกาสที่ยากจะได้พบในรอบหมื่นปี

“เอาล่ะ ทุกคนมีความเห็นอื่นใดหรือไม่?” หลี่ชิเย่มองดูทุกคนด้วยท่าทางที่เหนือยหน่าย

เมื่อทุกคนได้ยินคำถามเช่นนี้แล้วต่างยิ้มเจื่อนๆ ทีหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม เวลานี้ยังจะพูดอะไรออกมาได้อีก

เวลานี้การแต่งตั้งก็ได้มีผลไปแล้ว แม้พวกเขาจะมีความเห็นก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น ซุนหลึ่งหยิ่งที่ยืนกอดกระบี่แนบอกอยู่ด้วยท่าทีเย็นชาอยู่ตรงนั้น ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ใครกล้าขัดคำสั่งฮ่องเต้ เกรงว่าจุดจบของแม่ทัพใหญ่อุดรก็คือตัวอ้างอิงที่ดีทีสุด

การที่ซุนหลึ่งหยิ่งอยู่ตรงนี้ สามารถกล่าวได้ว่ามีเพียงห้าปรมาจารย์ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่มีกำลังต่อต้านกับเขา ส่วนคนอื่นๆ คือรนหาที่ตาย ยิ่งไปกว่านั้นทั่วเมืองหลวงทุกกองทัพหยินมี่ล้อมเสียจนน้ำยังเล็ดลอดไปไม่ได้ ใครกล้าขัดคำสั่งฮ่องเต้ กองทัพหยินมี่จะล้อมปราบพวกเขาทันที กระทั่งล้อมปราบสำนักของพวกเขา

“พวกกระหม่อมยินดีปฏิบัติตามประสงค์ของฝ่าบาท” ในเวลานี้เอง เทพวายุ หนึ่งในห้าปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดได้แสดงคารวะแบบจีนพร้อมคำนับ

“พวกกระหม่อมก็ไม่มีความเห็นเป็นอื่น” ปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดอีกสี่คนก็กล่าวเสียงเดียวกัน เห็นชอบตามที่หลี่ชิเย่ได้ตัดสินใจ

นี่คือการแต่งตั้งครั้งแรกของหลี่ชิเย่ในฐานะฮ่องเต้ที่ขึ้นครองราชย์ใหม่ ในเวลานี้ เมื่อห้าปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดต่างเห็นชอบด้วยกับการแต่งตั้งของหลี่ชิเย่ ก็เท่ากับเป็นการยืนยันฐานะฮ่องเต้องค์ใหญ่ของหลี่ชิเย่แล้ว

จะอย่างไรเสีย พวกเทพวายุเป็นตัวแทนของสำนักที่แข็งแกร่งมากที่สุดห้าสำนักของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ถ้าหากพวกเขาต่างเห็นด้วยเป็นเอกฉันท์ คนอื่นๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ สิ่งนี้ก็เป็นการบ่งบอกว่าความเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ของหลี่ชิเย่มีผลอย่างเป็นทางการ

“น้อมรับราชโองการฝ่าบาท” หลังจากที่ปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดทั้งห้าได้ทยอยกันแสดงจุดยืนแล้ว บรรดาขุนนางอำมาตย์ เหล่าบรรพบุรุษ และเจ้าสำนักที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทยอยกันคารวะต่อหลี่ชิเย่ เสียงที่ร้องประสานกันออกมานั้นดังก้องไปบนท้องฟ้า สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนอย่างยิ่ง

“เช่นนั้นก็ดี” หลี่ชิเย่เลิกหนังตาทีหนึ่ง จ้องมองไปที่ปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดทั้งห้า ยิ้มกล่าวว่า “ตาเฒ่าทั้งห้า พวกเจ้าเคยรับปากฮ่องเต้ไท่ชิงแล้วว่า จะส่งตัวสาวงามของตระกูลมาให้ ข้ากำลังขาดแคลนสนมอยู่ พวกเจ้าเมื่อไหร่ส่งตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์ และคุณหนูอะไรนั่นมายังตำหนักสนมให้หมด”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกงุนงง แม้แต่ห้าปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดก็งงงันเช่นกัน พวกเขารู้อยู่แล้วว่าหลี่ชิเย่ก็คือสารเลวคนหนึ่ง เป็นกากเดนมนุษย์ที่ใช้การอะไรไม่ได้อย่างสิ้นเชิง แต่ว่า พวกเขานึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่จะเหลวไหลถึงขั้นนี้

ฮ่องเต้ไท่ชิงเพิ่งจะสวรรคต เขาเองก็เพิ่งจะนั่งบัลลังก์เป็นวันแรก นอกจากจะไม่แสดงความอาลัยถึงฮ่องเต้ไท่ชิง และไม่ได้ปลอบขวัญจิตใจผู้คน เรื่องแรกก็คือวิ่งเข้าหาสาวงาม ต้องการให้ห้าสำนักใหญ่ส่งตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์และคุณหนูพวกเขาเข้าวังเป็นสนมเพื่อให้เขาได้เสพสุข นี่มันคือเหลวไหลไร้ขีดจำกัด ไร้หลักการสำคัญอยู่ในสายตา

ในเวลานี้ แม้แต่ปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดทั้งห้าก็ต้องมองหน้ากันและกัน เป็นความจริงที่พวกเขาเคยรับปากฮ่องเต้ไท่ชิงส่งตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์และคุณหนูให้กับหลี่ชิเย่ แต่ว่า หลี่ชิเย่ก้นเพิ่งจะแตะบัลลังก์ก็นึกไปถึงการเติมสาวงามเข้าไปเป็นนางสนมในวังแล้ว ออกจะทำเกินไปและเหลวไหลเหลือเกิน

“ทำไมรึ เปลี่ยนใจแล้วรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

“มิกล้า” ปรมาจารย์ผู้มีตำแหน่งสูงสุดตระกูลปิงฉือคำนับ และกล่าวว่า “กราบทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมจะต้องส่งตัวเข้าวังอย่างแน่นอน ขอฝ่าบาททรงวางพระทัย”

“ดี ข้าจะรอพวกเจ้าส่งสาวงามมาให้” หลี่ชิเย่หัวเราะเสียงดัง สุดท้ายโบกมือและยิ้มกล่าวว่า “มีเรื่องกราบทูล ไม่มีเรื่องเลิกประชุม”

นาทีนี้ บรรดาขุนนางอำมาตย์ทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน เนื่องจากพวกเขาไม่เคยพบเจอฮ่องเต้ที่เหลวไหลถึงเพียงนี้ ช่างเหลวไหลเหลือเกิน ไร้เหตุผลสิ้นดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล