“แล้วมันเป็นอย่างไรล่ะ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวตามอารมณ์สำหรับท่าทีที่ร้อนรนของจางเจี๋ยตี้
“ฝ่าบาท เมื่อผู้เฒ่าซุนจากไปต้องทำให้แผ่นดินเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน ในราชสำนักหากไม่มีผู้เฒ่าซุนก็ไม่สามารถสยบกองทัพต่างๆ ได้ เกรงว่าทัพแรกที่ไม่ยอมรับการบัญชาก็คือกองทัพหยินมี่ จากนั้นก็เป็นกองทัพส่วนกลาง กองกำลังรักษาพระนคร และกองทัพภาคทั้งสี่ก็จะมีความผันผวน เมื่อใดที่สูญเสียกองทัพทั้งเจ็ดไป ไม่เพียงเหล่าผู้อาวุโสของราชสำนักจะไม่เชื่อฟังคำบัญชาของฝ่าบาท…”
“…เกรงว่าสำนักต่างๆ เช่นหอหลินไห่เก๋อที่เป็นห้าสำนักใหญ่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะสอดส่องอำนาจและแผ่นดินที่อยู่ในมือของฝ่าบาท ถึงเวลานั้นแล้วไม่แน่นักพวกเขาจะส่งทหารโจมตีฝ่าบาท ถึงตอนนั้นเกรงว่ากองทัพทั่วหล้าก็จะไม่ฟังคำบัญชาของฝ่าบาทอีก ฝ่าบาท ทรงเลอะเลือนแล้ว” จางเจี๋ยตี้นั้นเรียกว่าตั้งความหวังจะให้ได้ดิบได้ดี ด้วยการหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้า
“แล้วอย่างไรล่ะ?” หลี่ชิเย่ตามอารมณ์ยิ่งนัก ยิ้มกล่าวว่า “อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ อย่างไรเสียฟ้าคงไม่ถล่มลงมา แผ่นดินท้ายที่สุดแล้วก็คือนำมาถลุงกันอยู่แล้ว ให้ใครถลุงก็คือถลุง เช่นนั้นก็ให้ข้าเป็นผู้ถลุงก็แล้วกัน”
จางเจี๋ยตี้ทอดถอนใจออกมาคำหนึ่งอย่างจนด้วยเก้า สถานการณ์ถูกกำหนดไว้แล้วเมื่อซุนหลึ่งหยิ่งจากไป ถึงจะพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ เวลานี้ความหวังเพียงหนึ่งเดียวก็คือ หลี่ชิเย่จะเป็นผู้ใหญ่อีกสักนิด อย่าได้ทำอะไรดื้อรั้นอีก
“ฝ่าบาท แม้ว่าฟ้าคงไม่ถล่มลงมา แต่ว่า เกรงจะรักษาแผ่นดินเอาไว้ไม่ได้ อีกทั้งยังจะมีอันตรายถึงชีวิตได้” จางเจี๋ยตี้ก็นับว่ามีความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น จึงได้เอ่ยวาจาที่ล่วงเกินต่อเบื้องสูงออกมา
“นี่มันคือแผ่นดินของข้าไม่มีปัญหาอะไร เล่นจบเกมก็จบไป” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “สำหรับชีวิตน่ะหรือ? ในโลกนี้ข้ารอผู้ที่จะมาเอาชีวิตช้าจริงๆ นะเนี่ย” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เขาถึงกับหัวเราะขึ้นมา
จางเจี๋ยตี้ยังจะพูดอะไรได้อีก ในเวลานี้เขาได้แต่ทอดถอนใจเบาๆ ภายในใจ ในขณะนี้ เขาก็สงสัยอยู่บ้างเหมือนกันว่า การแต่งตั้งรัชทายาทของฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นการตัดสินใจเลือกที่ผิดพลาดหรือไม่ แต่ เรื่องที่ฮ่องเต้ไท่ชิงตัดสินใจแล้ว เขาได้แต่ปฏิบัติตามอย่างจงรักภักดี
ใต้หล้าไม่มีกำแพงที่ไม่มีหู แม้ว่าการลาออกของซุนหลึ่งหยิ่งไม่ได้มีการประกาศออกไป แต่ว่ามีผู้คนรับรู้ได้รวดเร็วมาก อีกทั้งยังส่งไปถึงหูของผู้ที่ตั้งใจกับเรื่องนี้
“ซุนหลึ่งหยิ่งลาออกตัดจากโลกภายนอกแล้ว?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหวั่นไหวในใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้
“ฮ่องเต้องค์ใหม่เห็นด้วยกับการลาออกของซุนหลึ่งหยิ่งได้อย่างไร?” แวบแรกที่ได้ยินข่าวนี้ ผู้คนจำนวนมากต่างไม่อยากจะเชื่อ ขอเพียงไม่ใช่คนที่โง่เกินไปต่างก็รู้ว่า เวลานี้ฮ่องเต้องค์ใหม่อาศัยซุนหลึ่งหยิ่งมาควบคุมสถานการณ์โดยสิ้นเชิง ถ้าหากซุนหลึ่งหยิ่งไม่อยู่แล้ว ลำพังอาศัยฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่สามารถควบคุมกองทัพต่างๆ ได้อยู่แล้ว
“บางทีนี่คือฮ่องเต้องค์ใหม่ต้องการกวาดล้างเส้นทางให้ราบเรียบ จะอย่างไรเสียซุนหลึ่งหยิ่งคือคนของฮ่องเต้องค์ก่อน อีกทั้งวันหนึ่งหากซุนหลึ่งหยิ่งยังอยู่ ฮ่องเต้องค์ใหม่จะไปรวบอำนาจกไว้คนเดียวได้อย่างไรกัน? หากซุนหลึ่งหยิ่งไปแล้ว เขาก็สามารถรวบอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียวแล้ว” มีคนพูดด้วยความลังเลขึ้นมา
“ปราศจากซุนหลึ่งหยิ่งแล้ว อาศัยเพียงฮ่องเต้องค์ใหม่อย่าหวังจะสยบเจ็ดกองทัพใหญ่ได้ อย่าคิดจะสะกดสถานการณ์โดยรวมให้มั่นคงได้ ถึงเวลานั้น อย่าว่าแต่การรวบอำนาจไว้เพียงคนเดียวเลย เกรงว่าแม้แต่บัลลังก์ก็คงรั้งเอาไว้ไม่ได้ แม้แต่ชีวิตก็รักษาไม่ได้ ยังจะรวบอำนาจไว้คนเดียวอะไรได้” เจ้าสำนักกล่าวเยาะเย้ยขึ้นมา
จะอย่างไรเสียฮ่องเต้ไท่ชิงมีเพียงองค์เดียว และมีเพียงผู้ที่ดำรงอยู่เฉกเช่นฮ่องเต้ไท่ชิงเท่านั้นที่สามารถกำจัดทุกคนไปแล้วยังคงสามารถค้ำระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เอาไว้ได้
“ฮ่องเต้องค์ใหม่องค์นี้น่ะ เลอะเทอะมาก” มีกษัตริย์ที่รู้สึกว่าการที่ฮ่องเต้องค์ใหม่อนุญาตให้ซุนหลึ่งหยิ่งลาออกจากราชการ นับว่าไร้เหตุผลจริงๆ
มีระดับบรรพบุรุษหัวเราะและกล่าวว่า “การที่เขาสามารถทำเรื่องเหลวไหลออกมาก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลก ลำพังแค่พิธีขึ้นครองราชย์ก็เหลวไหลมากพอแล้ว”
พลันที่ขึ้นครองราชย์ก็สั่งให้ห้าสำนักใหญ่ส่งธิดาศักดิ์สิทธิ์ คุณหนูเป็นเครื่องบรรณาการให้เขาได้เสพสุข ฮ่องเต้ที่มั่วโลกีย์เช่นนี้ สามารถทำเรื่องเหลวไหลอะไรมากกว่านี้ทุกคนก็ไม่รู้สึกแปลกแล้ว
“ซุนหลึ่งหยิ่งจากไป โอกาสมาถึงแล้ว สถานการณ์อุบัติขึ้นแล้ว ตึกกำลังจะพังทลายลง” มีระดับปรมาจารย์ที่ดวงตาทั้งสองดูไม่เป็นมิตร เผยประกายเยือกเย็นออกมา
สำหรับกองทัพใหญ่ทั้งเจ็ดของราชวงศ์โต่วเซิ่น บรรดาผู้นำเหล่าทัพเมื่อได้ยินว่าซุนหลึ่งหยิ่งไปจาก พลันบรรยากาศก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่วางแผนอะไรอยู่ในใจ
ขณะที่ซุนหลึ่งหยิ่งไปจาก ผู้คนจำนวนมากต่างให้ความสนใจว่าเขาไปยังที่ใด จะอย่างไรเสียซุนหลึ่งหยิ่งมีผลกระทบเด็ดขาดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ แต่ทว่าทุกคนพบว่า หลังจากซุนหลึ่งหยิ่งไปจากพระราชวังแล้วก็ได้หายตัวไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ เหมือนว่าเขาไม่ต้องการให้ใครมาพบเขาและรบกวนเข้าอีก
หลังจากที่ซุนหลึ่งหยิ่งลาออกจากราชการได้ไม่ถึงสองวัน ทุกคนพบว่ากองทัพหยินมี่ได้ถอนกำลังออกไปจากเมืองหลวง
กองทัพหยินมี่จะไปแล้ว…ขณะที่กองทัพหยินมี่ยกทัพจากไปนั้น พลันสร้างความสนใจให้กับกองกำลังทุกๆ ที่
จังหวะที่กองทัพหยินมี่ถอนกำลังออกไปนั้น หลี่ชิเย่กำลังนอนอยู่ในอุทยานหลวงด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย กับสายลมที่พัดมาแผ่วเบา เพลิดเพลินอยู่การการปรนนิบัติของสาวใช้
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” เวลานี้จางเจี๋ยตี้บุกเข้ามาดั่งเกิดไฟไหม้อย่างนั้น
“เจี๋ยตี้ ฟ้าไม่ได้ถล่มลงมาสักหน่อย รีบร้อนทำไมเล่า” หลี่ชิเย่ยังคงแอนนอนอยู่ตรงนั้น ยิ้มท่าทางเหนื่อยหน่าย กินผลไม้ที่สาวใช้ป้อนเข้าไปถึงปาก
“ฟ้าเกือบจะถล่มลงมาแล้วล่ะ” จางเจี๋ยตี้ ยืนอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ ท่าทางหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นท่าทีร้อนรน
“อ๋อ เรื่องอะไร ไหนว่ามาซิ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรอย่างสิ้นเชิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...