ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2434

สรุปบท ตอนที่ 2434 โจมตีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2434 โจมตีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 2434 โจมตีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“ยกทัพบุกโจมตีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ!” บรรดาแม่ทัพของกองทัพส่วนกลาง กองทัพบูรพา ทักษิณ ประจิม และอุดรที่เป็นกองทัพภาคทั้งสี่ต่างตะลึงตาค้างพูดอะไรไม่ออก

คำสั่งเช่นนี้ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี แม้แต่ขณะฮ่องเต้ไท่ชิงยังมีพระชนม์ชีพอยู่ก็ไม่เคยทำมาก่อน เวลานี้ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งจะขึ้นครองราชย์ นั่งบัลลังก์ก้นยังไม่ทันร้อนก็กล้าหาเรื่องตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือที่เป็นหนึ่งในห้าผู้ยิ่งใหญ่ นี่มันเสียสติไปแล้วชัดๆ

“ใต้เท้า นี่คงไม่ใช่เป็นการเข้าใจผิดกระมัง” แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพส่วนกลางอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้

“นั่นสิ ใต้เท้า นี่มันออกจะเกินไปแล้วกระมัง เพื่อผู้หญิงถึงกับให้พวกเราพี่น้องเป็นล้านไปรนหาที่ตาย ออกจะเหลวไหลเกินไปแล้ว” แม่ทัพของกองทัพบูรพาก็แสดงความไม่พอใจและบ่นอุบขึ้นมา

จางเจี๋ยตี้ทอดถอนในเบาๆ ออกมา วางป้ายพยักฆ์บนโต๊ะ กล่าวเฉยเมยว่า “มิอาจขัดพระบัญชาได้ ใต้เท้าทั้งหลายก็จงทำตามรับสั่งของฝ่าบาทก็แล้วกัน ยกทัพออกไป”

บรรดาแม่ทัพทั้งห้าที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับมองหน้ากันและกัน

“ขออวยพรให้แม่ทัพทั้งห้าประสบชัยชนะ” สุดท้ายจางเจี๋ยตี้ได้กล่าวอวยพรคำหนึ่ง แล้วหันหลังเดินจากไปทันที

“ไร้เหตุผลเหลือเกิน…” เมื่อจางเจี๋ยตี้ได้เดินจากไปแล้ว แม่ทัพทักษิณถึงกับตะโกนเสียงดังและโยนป้ายพยัคฆ์ลงบนโต๊ะอย่างแรง ร้องกล่าวเสียงดังว่า “หรือเขาไม่เข้าใจหรือว่าตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือดำรงอยู่ในสถานะเช่นใด ต่อให้ทัพใหญ่อย่างพวกเราทั้งห้าลงมือก็ไม่เห็นจะมีโอกาสชนะได้! ฮ่องเต้ทรราชนี้บ้าไปแล้วรึ?”

“ระวังคำพูดนะเนี่ย” แม่ทัพประจิมกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา “พวกเรานอกจากจะปฏิบัติตามรับสั่ง ยังจะทำอะไรได้อีก?”

ในเวลานี้ แม่ทัพทั้งห้าได้แต่มองหน้ากันและกันไม่สามามรถทำอะไรได้ คำบัญชาฮ่องเต้ลงมาแล้ว หรือพวกเขาจะขัดราชโองการอย่างนั้นรึ?

ท้ายที่สุด แม่ทัพทั้งห้าต่างส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา นำเอาป้ายอาญาสิทธิ์พยัคฆ์แล้วหันหลังจากไปทันที

ตูม ตูม ตูม…ภายในวันเดียวกันนั่นเอง ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่พลันปรากฎเสียงดังตูมตามขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย กองทัพใหญ่นับล้านพลันยกกำลังออกไป สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อฟ้าดินโดยพลัน

กองทัพใหญ่ทั้งห้าเรียกได้ว่าเป็นเสาหลักของราชวงศ์โต่วเซิ่น ทุกๆ ความเคลื่อนไหวก็จะเป็นที่จับตามองของผู้คน ยิ่งไปกว่านั้น การที่กองทัพทั้งห้าได้ยกออกไปพร้อมกันทั้งห้าทัพ ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ช่างยิ่งใหญ่เพียงใด แล้วจะไม่เป็นที่สนใจของผู้คนได้อย่างไร

“นี่ต้องการทำอะไร?” ทุกคนต่างงงงันโดยสิ้นเชิง เมื่อมองเห็นกองทัพใหญ่ทั้งห้ายกทัพออกไปวันเดียวกัน เรื่องลักษณะเช่นนี้พบเห็นได้น้อยมาก การที่ทัพทั้งห้ายกทัพออกไปพร้อมกันย่อมต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

“สงครามเกิดขึ้นแล้ว ไฟสงครามต้องลามไปทั่ว” แม้ว่าผู้คนจำนวนมากต่างก็ไม่รู้ว่าศัตรูของกองทัพทั้งห้าเป็นใคร และถูกทำให้ตกใจจนงงงันโดยพลัน เวลานี้ต่างก็ตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก

ในขณะนี้ ไม่รู้ว่ามีแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไรที่ตกใจอย่างยิ่ง เมื่อเห็นกองทัพทั้งห้ายกออกมาพร้อมกัน ในเวลานี้ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เรียกได้ว่าต่างตื่นตระหนกระคนกับความแปลกใจ ไม่รู้ว่ามีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนเท่าไรที่ตัวสั่นงันงก เนื่องจากการยกทัพออกมาพร้อมกันทั้งห้าทัพใหญ่ ทอดสายตามองออกไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ มีแคว้นเจ้าลัทธิไม่กี่แห่งที่สามารถต้านรับพวกเขาได้

ตูม ตูม ตูม…เสียงตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย กับการเดินทัพของกองทัพนับล้าน ฟ้าดินสะเทือนหวั่นไป ธงปลิวสะบัดปกฟ้าบังแสงตะวัน ความยิ่งใหญ่สยบไปล้านลี้ สยบแผ่นดินแคว้นต่างๆ เป็นจำนวนมาก

ยามที่กองทัพใหญ่ทั้งห้าเดินทัพผ่านไป ไม่รู้ว่ามีแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไรที่ต้องสั่นเทาและหมอบลง ไม่มีศิษย์คนใดกล้าก้าวเท้าออกจากสำนักแม้พียงก้าวเดียว

กองทัพทั้งห้าเดินทัพอย่างรวดเร็วไปตลอดทาง ในไม่ช้า ทุกคนต่างพบว่ากองทัพทั้งห้าเดินทัพไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ!

“ยกทัพไปยังตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ…” ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนต่างตระหนักถึงสิ่งใดแล้ว

“แม่เจ้า ฮ่องเต้องค์ใหม่จะลงมือต่อห้าผู้ยิ่งใหญ่แล้วรึ? ด้วยการเริ่มต้นจากตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือรึ?” เวลานี้ ไม่รู้ว่ามีระดับปรมาจารย์สำนักเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไรที่ตกใจจนเซ่อไปเลย

ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งจะขึ้นนั่งบัลลังก์ ก้นยังนั่งไม่ทันร้อน อำนาจในมือก็ยังกำไว้ได้ไม่มั่นคง ถึงกับส่งกองทัพโจมตีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ มันช่างบ้าระห่ำเหลือเกิน ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือคือหนึ่งในห้าผู้ยิ่งใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ยากจะจินตนาการได้ว่ามีความแข็งแกร่งปานใด

เวลานี้ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งจะขึ้นนั่งบัลลังก์ก็ลงมือจัดการกับตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ มันคือบ้าไปแล้วชัดๆ

ตึง ตึง ตึง…จังหวะที่กองทัพทั้งห้ายังไม่ทันได้รุดไปถึงตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ภายในตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือก็ได้มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมานานแล้ว เพียงชั่วพริบตาเดียว เสียงเตือนภัยได้ดังก้องไปทั่วผืนแผ่นดินนับสิบล้านลี้ในความครอบครองของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ

ตูม ตูม ตูมภายในชั่วข้ามคืน เสียงดังตูมตามดังก้องไปทั่วตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือไม่หยุด การระดมกองทัพจากสถานที่ต่างๆ ไพร่พลนับสิบล้านถูกระดมมุ่งสู่แนวหน้า ในเวลานี้เห็นฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย เสียงฝีเท้าของม้าที่สั่นคลอนพสุธา มองเห็นธงที่ปลิวไสว ปิดแผ่นฟ้าบดบังดวงตะวัน

แม้จะเป็นตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อยเมื่อต้องเผชิญกับห้ากองทัพใหญ่ที่บุกโจมตีตระกูลของตน จึงได้รวบรวมกำลังทหารที่มีอยู่ทั้งหมดของตระกูล ไม่ว่าจะเป็นกองทัพใด หรือศิษย์คนใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่เข้าสู่ลักษณะพร้อมรบในทันที ภายในค่ำคืนเดียว ราษฎรทั่วทั้งตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือล้วนเป็นทหาร สามารถมองเห็นประกายเยือกเย็นที่แวบวับ ส่องสว่างทั่วท้องฟ้า

“แม่ทัพทั้งห้า กองทัพทั้งห้าบุกเข้ามายังดินแดนของพวกเราเพื่อการใดรึ?” ในขณะที่กองทัพทั้งห้ายังไม่ทันบุกไปถึงดินแดนของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ เจ้าบ้านแห่งตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือก็ได้ส่งเสียงผ่านอากาศเอ่ยถามต่อแม่ทัพใหญ่ของกองทัพทั้งห้าแล้ว

“ฝ่าบาท…” หลังจากพบกับหลี่ชิเย่แล้ว ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนที่สวมชุดกระโปรงได้คุกเข่าลงกับพื้น กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ความผิดทุกอย่างอยู่ที่ตัวหม่อมฉัน ขอฝ่าบาททรงลงพระอาญากับหม่อมฉัน หม่อมฉันยินดีรับการลงพระอาญาทุกอย่าง”

เมื่อปิงฉือหยิ่งเจี้ยนพลันรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง เมื่อได้ข่าวว่ากองทัพทั้งห้าได้บุกโจมตีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ดังนั้น นางจึงรีบเร่งรุดมาขอร้องต่อหลี่ชิเย่

“ลุกขึ้นเถอะ” หลี่ชิเย่ยังคงเอนนอนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย เพียงมองหน้าปิงฉือหยิ่งเจี้ยนแวบหนึ่ง

“ฝ่าบาท…” ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนถึงกับร้องอ้อนวอนด้วยการเรียกหาคำหนึ่ง แต่ทว่า หลี่ชิเย่ยังคงนอนหลับตาพักผ่อนกายาอยู่ตรงนั้นไม่ให้ความสนใจ ท่าทางเหมือนหลับไปแล้วอย่างนั้น

ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนร้องอ้อนวอนต่อหลี่ชิเย่ แต่หลี่ชิเย่ไม่หวั่นไหว สุดท้าย นางได้แต่ลุกขึ้นยืน และทิ้งมือข้างตัวยืนอยู่ตรงนั้น

เวลานี้หลี่ชิเย่ได้โบกมือ บรรดานางกำนัลที่คอยรับใช้ปรนนิบัติอยู่ข้างกายต่างทยอยกันล่าถอยออกไป

“ผ่อนคลายเส้นเอ็นให้หน่อย” หลี่ชิเย่ยังคงเอนนอนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย สั่งการออกมาตามอารมณ์

ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนตะลึงนิดหนึ่ง ไม่กล้าพูดอะไร ไปยืนอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่เงียบๆ ทำการนวดไหล่และทุบหลังให้กับหลี่ชิเย่ ขณะที่นวดไหล่ให้กับหลี่ชิเย่นั้นท่วงท่าถึงกับชะงักงันนิดหนึ่ง

แม้ว่านางจะเป็นองค์หญิงตกยากมานาน แต่ก็ไม่เคยปรนนิบัติผู้ชายมาก่อน และไม่รู้จักปรนนิบัติผู้ชาย

นาทีที่แต่งเข้าวังนั้น นางเองก็เข้าใจแล้วว่าชีวิตของตนนั้นจะไม่เป็นดั่งใจ ดังนั้น จิตใจของนางสั่นเทานิดหนึ่งยังคงเชื่อฟังคำสั่งของหลี่ชิเย่ ทำการผ่อนคลายหัวไหล่และทุบหลังให้กับหลี่ชิเย่ แม้ว่าท่วงท่านั้นจะเก้งก้างไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็พยายามยิ่งที่จะไปปรนนิบัติต่อหลี่ชิเย่

อีกทั้งในเวลานี้ ภายในใจของนางถึงกับสั่นงันงก เกรงว่ามือมารของหลี่ชิเย่จะยื่นมาบนตัวของนางอย่างกะทันหัน

แม้จะกล่าวว่า ในขณะที่ตกลงแต่งเข้าวังนั้น ภายในใจของนางก็ได้มีสำนึกตัวแล้ว และได้เตรียมพร้อมสำหรับนาทีนี้ เพราะว่าสิ่งนี้คือชะตาชีวิตของนาง และก็คือแหล่งพักพิงสุดท้ายของนาง แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ย่อมอดที่จะรู้สึกตัวสั่นงันงกในใจ เฉกเช่นกระต่ายน้อยตัวหนึ่งอย่างนั้น

หลี่ชิเย่เอนนอนอยู่เงียบๆ ปล่อยให้ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนนวดผ่อนคลายไหล่และทุบหลังเหมือนนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น แม้ว่าท่าทางของนางจะไม่เป็นผู้ใหญ่และดูเก้งก้างอย่างยิ่ง ก็ไม่ได้ตำหนิ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล