กองทัพทั้งห้าก่อการกบฏพลันสร้างความหวั่นไหวให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนต่างพุ่งไปที่พระราชวังของราชวงศ์โต่วเซิ่น สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนตกอยู่ที่เขากัวชางซาน
“ราชวงศ์โต่วเซิ่นจะล่มสลายแล้ว” หลังจากที่ได้ยินข่าวการก่อกบฏของกองทัพทั้งห้าแล้ว ผู้คนจำนวนมากรู้สึกสะท้านในใจ และพึมพำขึ้นมา
“ฮ่องเต้องค์ใหม่จบสิ้นแล้ว” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษยังต้องทอดถอนใจขึ้นมาและส่ายหน้าเบาๆ กล่าวว่า “ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย ทำให้ราชวงศ์โต่วเซิ่นกลายเป็นยักษ์ใหญ่ แต่แล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งจะขึ้นครองราชย์ได้นานเท่าไร? ราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็จะล่มสลายลงเช่นนี้”
เวลานี้ ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มีแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมาก และยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างรู้สึกทอดถอนใจอย่างใจหาย การที่ราชวงศ์โต่วเซิ่นสามารถมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งใหญ่ เป็นเพราะฮ่องเต้ไท่ชิงได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังสมองไปนับไม่ถ้วน เป็นผลจากการดำเนินการด้วยความยากลำบากจากการเป็นฮ่องเต้สามยุคสมัยของฮ่องเต้ไท่ชิง
แต่ว่า ฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ราชวงศ์โต่วเซิ่นก็ง่อนแง่นจะล้มเรียกได้ว่าพร้อมจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ ช่างเป็นเรื่องที่สร้างความหวั่นไหวแก่จิตใจของผู้คน
ความเจริญรุ่งเรืองของราชวงศ์โต่วเซิ่นยังคงมองเห็นได้อย่างชัดเจน ความแข็งแกร่งของมันอยู่ที่เมื่อวานนี้ แค่ระยะเวลาสั้นๆ เพียงวันเดียว ราชวงศ์โต่วเซิ่นที่เคยแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรก็คล้ายดั่งเป็นเทียนที่ไหม้จนใกล้จะมอดท่ามกลางสายลม พร้อมที่จะแตกสลายได้ทุกเวลา
กองทัพทั้งห้าก่อกบฏ…เมื่อจางเจี๋ยตี้ได้รับข่าวดังกล่าว ได้เข้ารายงานต่อหลี่ชิเย่ทันที สีหน้าของจางเจี๋ยตี้ในเวลานี้ดูไม่จืด เขารู้ว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
หากเป็นก่อนหน้านั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้ส่งกองทัพทั้งห้าไปล้อมปราบตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือล่ะก็ อาศัยอำนาจที่ยังคงเหลืออยู่ของฮ่องเต้ไท่ชิง ไม่แน่นักอาจสามารถก้าวข้ามสถานการณ์คับขันไปได้ เวลานี้ห้ากองทัพพลันก่อการกบฏขึ้น สถานการณ์เป็นอันสิ้นสุด ราชวงศ์โต่วเซิ่นง่อนแง่นใกล้ล้มเต็มที
“ไม่ได้เหนือความคาดคิด” ท่าทางของหลี่ชิเย่ไม่ใส่ใจโดยสิ้นเชิงเมื่อได้ยินข่าวนี้แล้ว หัวเราะและกล่าวว่า “ที่กบฏใช่ว่าจะมีเพียงกองทัพทั้งห้า”
“ฝ่าบาท เวลานี้ควรจะทำอย่างไรดี? มีแผนการดีๆ หรือไม่?” เวลานี้ จางเจี๋ยตี้ในฐานะเทพแท้จริง ขั้นอมตะไม่มีแผนที่จะรับมือได้อีกแล้ว เวลานี้ราชวงศ์โต่วเซิ่นจบสิ้นแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่มีโอกาสได้ควบคุมสถานการณ์ได้อีกแล้ว
“แผนดีไม่ดีอะไร ฝนจะตก ขึ้จะไหลปล่อยพวกเขาไปเถอะ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวตามอารมณ์ว่า “ถ้าหากจะมีแผนรับมือดีๆ ล่ะก็ เจี๋ยตี้เอ้ย เก็บข้าวเก็บของ แล้วไปเถอะ”
“ฝ่าบาทจะล่าถอยรึ?” จางเจี๋ยตี้ย่อมไม่กล้าพูดคำว่าหลี่ชิเย่จะหนีไป
“พูดให้มันไพเราะเพราะพริ้งทำไม หนีก็คือหนี” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ทหารกบฏจะตีเมืองแล้ว ไม่มีใครเขาเฝ้ารักษาเมืองแบบถวายหัวหรอก ไปเถอะ เจ้าไปเก็บข้าวเก็บของเสีย ผู้คนในวังที่อยากจะไปก็สุดแล้วแต่พวกเขา แยกย้ายกันไปเสีย”
“ฝ่าบาทจะไปที่ใด?” จางเจี๋ยตี้นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง และไม่ได้กล่าวตำหนิหลี่ชิเย่ เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว หน้าที่ของเขาก็คือปกป้องรักษาความปลอดภัยให้กับหลี่ชิเย่
“ไม่ ไม่ใช่เรา” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ข้าหมายถึงเจ้า และหรือคนในครอบครัวของเจ้า คนข้างกายของเจ้า หนีไป ที่ไหนปลอดภัยก็ให้หนีไปที่นั่น”
“ฝ่าบาทล่ะ?” จางเจี๋ยตี้ถึงกับตื่นตระหนก
“เรารึ ตามใจ มองดูทหารกบฏบุกเข้าวังก็เป็นเรื่องที่ไม่เลว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวตามอารมณ์ว่า “สำหรับเราจะทำอย่างไรนั้นก็แล้วแต่อารมณ์ตอนนั้นแล้วล่ะ อารมณ์ดีก็เล่นกับพวกเขาสักหน่อย ไม่มีอารมณ์ก็ช่างเขาเถอะ แผ่นดินงดงามนี้ใช่ว่าจะเป็นของเรา พวกเขาอยากจะชิงเอาไปก็ให้พวกเขาไปเถอะ”
“ฝ่าบาท เมื่อไรที่ทหารกบฏบุกเข้าวัง เกรงว่าพวกเขาจะเอาชีวิตของพระองค์” จางเจี๋ยตี้ตื่นตระหนกยิ่ง
“เราก็อยากเหมือนกัน” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “เราก็อยากจะตาย แต่ไม่มีใครสามารถฆ่าเราให้ตายได้ นี่แหละคือเรื่องที่กลัดกลุ้มจริงๆ แล้วล่ะ”
“ไม่ หน้าที่ของข้าน้อยคือคุ้มครองความปลอดภัยให้ฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่ไป ข้าน้อยก็ไม่ไป!” จางเจี๋ยตี้รีบกล่าวว่า “กระหม่อมได้รับการไหว้วานจากฮ่องเต้องค์ก่อนว่าจะต้องรักษาความปลอดภัยให้ฝ่าบาทอย่างดี หากเกิดข้อผิดพลาดกับฝ่าบาทล่ะก็…”
“ประการแรก เวลานี้เราคือฮ่องเต้ เราให้เจ้าไปเจ้าก็ไปเสีย ประการที่สองรึ ข้อผิดพลาดอะไรนั่นเจ้าคิดมากไปแล้ว เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวตัดบทจางเจี๋ยตี้ โบกมือและกล่าวว่า “เจ้ากลับไปเก็บข้าวเก็บของก่อนเถอะ มิเช่นนั้นล่ะก็ รอให้กองทัพปิดล้อมแล้วเกรงว่าผู้คนจำนวนมากก็จะหนีไม่รอด ผู้ที่คิดจะหนีไม่ต้องไปขวางพวกเขา ตามแต่พวกเขาเถอะ”
จางเจี๋ยตี้นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่จะทำอะไรกันแน่ สุดท้าย เขาได้คารวะต่อหลี่ชิเย่ และเชื่อฟังคำสั่งของหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่หลับตาลง เพลิดเพลินไปกับการนวดคลายเส้นของปิงฉือหยิ่งเจี้ยนที่อยู่ข้างกาย คล้ายหลับสนิทไปแล้ว
“เจ้าก็ไปเถอะ” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่ได้พูดขึ้นเบาๆ ว่า “ทหารกบฏจะโจมตีเมืองแล้ว ไปเถอะ ไปจากวังหลวง หาที่ที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งพักอาศัยไว้ก่อน”
ร่างของปิงฉือหยิ่งเจี้ยนถึงกับแข็งทื่อขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ เมื่อได้สติกลับมา นางก้มกราบกับพื้นก้มหน้าและกล่าวว่า “ในเมื่อหม่อมฉันแต่งเข้าวังมา อยู่ก็เป็นคนของฝ่าบาท ตายก็เป็นผีของฝ่าบาท หม่อมฉันจะไม่ทอดทิ้งฝ่าบาทแล้วหนีไป…”
“ไม่มีเรื่องเช่นนั้น” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “มาจากไหนกันยามมีชีวิตเป็นคนของเรา ยามตายแล้วเป็นผีของเรา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...