เวลานี้ เทพวายุเองก็ชักสงสัยอยู่บ้างเหมือนกัน ขณะมองดูเงาหลังของหลี่ชิเย่ เจ้าหนูผู้นี้ใช่คนที่เปลือกนอกดูว่าไม่เป็นโล้เป็นพายหรือไม่ หรือบางทีเขามีความลึกล้ำยากจะหยั่งถึง! เวลานี้เมื่อนึกขึ้นมาแล้ว การที่ฮ่องแต้ไท่ชิงมอบบัลลังก์ให้กับเขานั้น นับว่ามีบางสิ่งที่พิลึกพิลั่นอยู่บ้างจริงๆ
แรกทีเดียว พวกเขาต่างเข้าใจว่าการที่ฮ่องแต้ไท่ชิงมอบบัลลังก์ให้หลี่ชิเย่นั้น เป็นเพราะหลี่ชิเย่คือบุตรนอกสมรสของฮ่องแต้ไท่ชิง โดยเฉพาะการได้เห็นท่าทางที่อันธพาลสุดๆ ของหลี่ชิเย่นั้น เหมือนเป็นนักเลงหัวไม้ เป็นผู้ที่ไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างสิ้นเชิง ยิ่งทำให้พวกเขามั่นใจว่าหลี่ชิเย่ก็คือบุตรนอกสมรสของฮ่องแต้ไท่ชิง
มิฉะนั้นล่ะก็ คนที่เป็นเพียงสวะเช่นนี้จะได้รับการหลงรักอย่างฮ่องแต้ไท่ชิงได้อย่างไร และตามใจเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า?
เวลานี้ หลังจากได้สัมผัสแล้ว รู้สึกว่าเจ้าหนูคนนี้ใช่จะไม่เป็นโล้เป็นพายดั่งที่จินตนาการไว้ กระทั่งบ้าระห่ำมากกว่าพวกเขาเสียอีก เรื่องบางเรื่องแม้แต่พวกเขาที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นนี้ยังไม่เคยคิด เจ้าหนูผู้นี้กลับคิดไปได้ทะลุปรุโปร่งถึงเพียงนี้
“ไปเถอะ ติดตามผู้เฒ่าอย่างข้ากลับไปที่สำนักเสินสิงเหมินกัน” สุดท้าย เทพวายุได้เอ่ยขึ้นช้าๆ
“กลับไปที่สำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้าทำไม?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “แน่นอน ฮ่องเต้เช่นข้าคนนี้ยังคงมีประโยชน์ยิ่งต่อสำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้า เป็นเบี้ยที่มีน้ำหนักมากเม็ดหนึ่ง”
คำพูดนี้ของหลี่ชิเย่ไม่ผิด ฮ่องเต้คนนี้อย่างเขาเมื่ออยู่ในมือของสำนักเสินสิงเหมินนับเป็นเบี้ยสำคัญจริงๆ ควบคุมโอรสสวรรค์ บัญชาการเจ้าผู้ครองแคว้น เหตุผลข้อนี้รับรู้กันทุกคน
“ฮึ…” เทพวายุส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา และกล่าวว่า “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เกรงว่าหากให้เจ้าเดินออกไปจะมีโอกาสตายโดยไร้ที่ฝังได้ทุกเมื่อ แคว้นว่านเจิ้น ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ แม้กระทั่งราชวงศ์โต่วเซิ่นของเจ้า มีฝ่ายไหนบ้างที่ไม่ต้องการให้เจ้าตาย หากเจ้าไม่ตาย พวกเขาก็คงกินและนอนอย่างไม่มีความสุข”
คำพูดของเทพวายุก็มีเหตุผล กล่าวสำหรับราชันแท้จริงปาเจิ้นแล้ว ขอเพียงหลี่ชิเย่ไม่ตายสักวัน พวกเขาก็ยากจะเป็นสุข พวกเขาก็ยากที่จะเข้ากุมอำนาจโดยชอบธรรม ยิ่งไม่สามารถขึ้นนั่งบัลลังก์ได้อย่างถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม การมีชีวิตอยู่ของหลี่ชิเย่ พวกเขาก็คือผู้ชิงบัลลังก์!
“อย่างไรก็ได้” หลี่ชิเย่ทำยักไหล่ทีหนึ่ง มองดูเทพวายุแล้วเอามือลูบคาง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “เท่าที่ข้ารู้มา สำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้ามีคลังตำราหลังหนึ่งกระมัง เป็นคลังเก็บตำราที่มีขนาดใหญ่มากๆ !”
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” เทพพายุถึงกับเพ่งสายตาไปข้างหน้า และเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดคำนี้
“วางใจเถอะ ข้าไม่ได้สนใจในคาถาสิงมี่ และหรือเคล็ดวิชาลับอื่นใด ถ้าหากข้าสนใจในเคล็ดวิชาลับอะไรเหล่านี้ล่ะก็ ในคลังสมบัติของวังหลวงมีไม่รู้มีจำนวนเท่าไรให้ข้าได้เลือกตามใจชอบ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ที่ข้าต้องการคืออ่านข้อมูลเอกสารที่เก็บเอาไว้ในคลังตำราพวกเจ้าเท่านั้นเอง ล้วนแล้วแต่เป็นหนังสืออ่านเล่น หากไปแล้วคุ้มค่า ก็ไปที่สำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้าสักครั้งก็ย่อมได้”
เทพวายุจ้องมองหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าในใจของเจ้าหนู่ผู้นี้คิดอะไรอยู่ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าต้องการค้นหาอะไร?”
“ไม่ได้ค้นหาอะไร” หลี่ชิเย่ทำท่ายักไหล่ และกล่าวว่า “เพียงต้องการอ่านตำราเพิ่มพูนความรู้สักหน่อย สมควรทราบว่า ความรู้ก็คือพลัง เฉกเช่นสำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้า ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยการสืบเสาะหาข่าว และความลับต่างๆ สิ่งเหล่านี้เคยสั่งสมธาตุแท้ภายในให้กับพวกเจ้ามากมายเท่าไร”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้เทพวายุรู้สึกเหนือความคาดคิดอยู่บ้าง แต่ว่าเขาเองก็ยอมรับว่าคำพูดของหลี่ชิเย่นั้นมีเหตุผล
“ถ้าหากเจ้าต้องการข่าวคราวด้านต่างๆ ข้าสามารถมอบให้เจ้าชุดหนึ่ง เป็นข้อมูลที่ทันเหตุกาล” เทพวายุก็นับว่าใจกว้าง
“ข้าไม่ค่อยสนใจสำหรับข่าวคราวปัจจุบัน สถานการณ์ใหญ่ใต้หล้าอะไรนั่นไม่ต้องดูก็สามารถรู้ได้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ข้าให้ความสนใจในข่าวลับในอดีต ยิ่งเก่าแก่ ยิ่งลับมาก กล่าวสำหรับข้าแล้วก็ยิ่งมีค่า พูดง่ายๆ ก็คือข้าต้องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกตามความเป็นจริง หรือพงศาวดาร เกล็ดประวัติศาสตร์!”
คำพูดนี้ถึงกับทำให้เทพวายุต้องมองหน้าหลี่ชิเย่หลายที แม้จะกล่าวว่า สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาถือกำเนิดขึ้นโดยอาศัยการเสาะหาข่าวคราว ขุดสาวข่าวลับ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านมาถึงวันนี้แล้ว หลายสิ่งหลายอย่างก็ได้แปรเปลี่ยนไป ศิษย์ส่วนใหญ่จะมุ่งเสาะแสวงหากำลัง และทักษะยุทธที่แข็งแกร่ง สำหรับเรื่องข่าวคราวที่เป็นความลับต่างๆ และตำราโบราณหรือข้อมูลเอกสารในอดีต มีศิษย์ไม่กี่คนที่ให้ความสนใจมันอีกแล้ว
“ได้ เจ้าจะอ่านอย่างไรก็ได้” สุดท้าย เทพวายุตอบตกลงหลี่ชิเย่
“เออสิ นังหนูคนนั้นของพวกเจ้าชื่อว่าอะไร” หลี่ชิเย่ ลุกขึ้นยืนสัมผัสฝ่ามือแล้วยิ้มกล่าว
“ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวา!” เทพวายุตอบน้ำเสียงเย็นชา ขณะพูดคำนี้ออกมาเขารู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาไม่เพียงเป็นศิษย์ที่มีสายเลือดสูงส่งที่สุดของสำนักเสินสิงเหมินพวกเขา ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในศิษย์ที่มีพลังแฝงมากที่สุด บรรดาบรรพบุรุษภายในสำนักต่างมั่นใจในตัวของนาง ในอนาคตต่อให้นางไม่ปกครองสำนักเสินสิงเหมิน แต่ก็จะมีโอกาสกลายเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งแห่งยุค กระทั่งสักวันหนึ่งในอนาคตอาจมีโอกาสแซงล้ำหน้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดเช่นเขาไปได้
ต้นกล้าที่ดีเช่นนี้ สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาย่อมต้องการคงไว้บ่มฟักเอง เพียงแต่วันนั้นฮ่องเต้ไท่ชิงขอร้องแกมบังคับให้ศิษย์สาวที่มีสายเลือดดีที่สุดแต่งเข้าวัง เพื่อคัดเลือกเป็นพระชายาของรัชทายาท
ในเวลานั้น ภายในใจของเทพวายุย่อมไม่ยินยอมอยู่แล้ว จะอย่างไรเสีย เฉกเช่นหลี่ชิเย่ที่เป็นประเภทไม่เป็นโล้เป็นพายแบบนี้ ใครเล่าจะยินดีให้ศิษย์ที่ดีที่สุดของตนแต่งงานกับเขา!
เพียงแต่ในขณะนั้นสยบต่ออานุภาพของฮ่องเต้ไท่ชิง และสำนึกในบุญคุณที่ฮ่องเต้ไท่ชิงให้การส่งเสริม ดังนั้น เขาจึงเป็นคนแรกที่ก้าวออกมาตอบตกลงในเรื่องนี้
แน่นอนที่สุด ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น พวกเขาจะไม่ตกลงย่อมไม่ได้ ถ้าหากเวลานั้นมีใครที่ก้าวออกมาปฏิเสธเป็นคนแรก ฮ่องเต้ไท่ชิงต้องจัดการกับผู้ที่เสนอหน้าเป็นคนแรกอย่างแน่นอน ซึ่งเวลานั้นฮ่องเต้ไท่ชิงยังคงมีชีวิตอยู่ ซุนหลึ่งหยิ่ง กองทัพหยินมี่ก็ยังอยู่ เมื่อไรที่ทำให้ฮ่องเต้ไท่ชิงโกรธ ไม่อยากนึกถึงผลที่จะเกิดขึ้น
แต่ว่า มาวันนี้ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนดั่งเมื่อวาน ฮ่องเต้ไท่ชิงได้ตายไปแล้ว ซุนหลึ่งหยิ่งปลีกตัวจากออกไป กองทัพหยินมี่ก็หายสาบสูญไป ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้แผ่นดินก็ล่มสลายด้วย หลี่ชิเย่ได้กลายเป็นกษัตริย์สิ้นชาติไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...