สรุปตอน ตอนที่ 2442 สำนักเสินสิงเหมิน – จากเรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
ตอน ตอนที่ 2442 สำนักเสินสิงเหมิน ของนิยายActionเรื่องดัง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ภายในใจของเทพวายุเรียกว่าอึดอัดมาก แต่ หากว่าหลี่ชิเย่ไม่ยอมถอยเรื่องแต่งงานในครั้งนี้เขาเองก็จนด้วยเกล้า แม้จะกล่าวว่าด้วยศักยภาพของเขาสามารถบีบบังคับให้หลี่ชิเย่มอบสัญญาแต่งงานออกมาโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังคงมีขีดยอมรับต่ำสุดที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญา เมื่อรับปากฮ่องเต้ไท่ชิงแล้วก็ไม่ต้องการไปฉีกทำลายคำมั่นสัญญาของตน
“ไป…” เทพวายุถือโอกาสไม่พูดไม่จาให้รู้แล้วรู้รอดไป พาตัวหลี่ชิเย่แวบเดียวก็หายตัวไปทันที
เมื่อหลี่ชิเย่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พวกเขายังคงอยู่ท่ามกลางทะเลเมฆเหมือนเดิม เพียงแต่ทอดสายตามองออกไปท่ามกลางทะเลเมฆนี้ เห็นเป็นเทือกเขาที่ขึ้นลงสลับ เสมือนดั่งเป็นแผ่นดินที่อยู่บนสวรรค์
สิ่งนี้หาใช่เป็นเพราะเทพวายุมีความรวดเร็วยิ่ง แต่เป็นเพราะเขาได้ก้าวข้ามพื้นที่ของช่องว่างจากช่องหนึ่งไปยังอีกช่องหนึ่งโดยฉับพลันทันที
และสิ่งนี้ก็คือสิ่งที่เทพวายุมีความเชี่ยวชาญมากที่สุดในด้านของอาณาเขต เนื่องจากเขาได้ฝึก ‘สิงมี่’ ที่อยู่ในจิ่วมี่ ซึ่งไม่เพียงทำให้เขามีความรวดเร็วที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ทำให้เขาสามารถก้าวข้ามช่องว่างได้ตลอดเวลา
ด้วยเหตุที่เทพวายุได้ฝึกวิชาเคล็ดลับสิงมี่นี่เอง เขาจึงได้กลับกลายเป็นเหมือนเทพแห่งลมที่สามารถไปถึงได้ทุกที่อย่างนั้น
ในฐานะที่เป็นถึงระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ศักยภาพในการก้าวข้ามช่องว่างก็นับว่าแข็งแกร่งมากพอแล้ว หลังจากได้ฝึกเคล็ดลับสิงมี่แล้ว ก็ยิ่งทำให้มีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้าแล้ว
ในบรรดาปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้า หากพูดถึงเรื่องของการก้าวข้ามช่องว่าง เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถแซงล้ำหน้าเทพวายุได้อีกแล้ว แม้แต่ฮ่องแต้ไท่ชิงขณะยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังห่างชั้นเทียบไม่ได้กับเทพวายุ
ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าหากเทพวายุคิดจะหลบหนีล่ะก็ เกรงว่าคงไม่มีใครในแดนลัทธิราชันสามารถขวางเขาเอาไว้ได้
การไปปรากฏตัวยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งอย่างฉับพลัน ฟ้าดินที่อยู่ตรงหน้านับได้ว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ เกรงว่าผู้คนจำนวนมากต้องชมเปาะด้วยความตะลึงหลังจากที่ได้มาถึงแล้ว
สำนักเสินสิงเหมิน แผ่นดินที่หลี่ชิเย่มองเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือสำนักเสินสิงเหมิน เป็นหนึ่งในห้าสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่
สำนักเสินสิงเหมินนับเป็นสำนักที่ค่อนข้างลึกลับในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เนื่องจากผู้ที่รู้ว่าพื้นที่บรรพชนของสำนักเสินสิงเหมินว่าอยู่ที่ใดนั้นมีอยู่ไม่มาก
แม้แต่ศิษย์บางคนของสำนักเสินสิงเหมินเองก็ไม่รู้ว่าพื้นที่บรรพชนของสำนักตนเองตั้งอยู่ที่ใด
ทอดสายตามองไปข้างหน้า มองเห็นทะเลเมฆที่สุดลูกหูลูกตา ทะเลเมฆก็คล้ายดั่งเป็นดินแดนที่ไร้ขอบเขต ท่ามกลางดินแดนที่เป็นทะเลเมฆแบบนี้ มีภูเขาแต่ละลูกตั้งอยู่ กระทั่งมีภูเขาที่เขียวขจีซ้อนกันเป็นชั้นๆ และติดกันเป็นพืด เสมือนดั่งเป็นภูเขาและแม่น้ำที่ทอดยาวเป็นหมื่นลี้อย่างนั้น
ท่ามกลางทะเลเมฆนี้ มีภูเขาจำนวนมากที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางทะเลเมฆโดยตรง และมีภูเขาอยู่จำนวนไม่น้อยที่ขึ้นลงสลับล่องลอยอยู่ท่ามกลางทะเลเมฆ มองไปแล้วถูกล้อมรอบด้วยเมฆหมอก เป็นการแต่งแต้มให้ภูเขาแต่ละลูกที่มีลักษณะเช่นนี้เพิ่มกลิ่นอายความลึกลับมากขึ้นไปอีก
มีภูเขาที่ตั้งตระหง่านตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าท่ามกลางทะเลเมฆ ภูเขาที่สูงตระหง่านเช่นนี้มีน้ำตกที่พุ่งตรงลงมาด้านล่าง มองจากระยะห่างไกลแล้วแลดูอลังการยิ่งนัก นี่แหละที่เรียกว่าน้ำตกที่อลังการพุ่งลงมาอย่างรวดเร็วรุนแรง ทำให้สงสัยว่าคือทางช้างเผือกที่เทลงมาจากบนฟ้า!
ท่ามกลางทะเลเมฆที่มีเทือกเขาขึ้นลงสลับนี้ ไม่ว่าภูเขาแต่ละลูกที่ขึ้นลงสลับเหล่านี้ลอยล่องอย่างไร้ระเบียบอย่างไรก็ตาม แต่ทว่า เมื่อสังเกตดูอย่างละเอียดแล้วก็จะพบว่า บรรดาภูเขาที่ขึ้นลงสลับอยู่ท่ามกลางทะเลเมฆล้วนแล้วแต่ห้อมล้อมภูเขาหลายลูกเอาไว้อยู่รางๆ อีกทั้งภูเขาหลายลูกที่ว่าก็เป็นภูเขาที่ใหญ่และสูงที่สุดในบรรดากลุ่มภูเขาทั้งหมด เหมือนว่าภูเขาหลายลูกนี้เป็นผู้บงการฟ้าดินแห่งนี้อย่างนั้น
กลุ่มของภูเขาหลายลูกดังกล่าวก็คือพื้นที่ที่เป็นแกนกลางสำคัญของสำนักเสินสิงเหมิน และมีเพียงระดับบรรพบุรุษที่มีตำแหน่งฐานะสูงมากจึงมายังสถานที่แห่งนี้ได้ ที่ตรงนี้ได้เก็บซ่อนของวิเศษและสิ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ได้สั่งสมเอาไว้มาทุกยุคทุกสมัยของสำนักเสินสิงเหมิน
สำนักเสินสิงเหมินคือหนึ่งในห้าสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ มีเคล็ดลับสิงมี่ของจิ่วมี่อยู่ในครอบครอง
ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ หากมีจิ่วมี่ก็จะเป็นการบ่งชี้ว่ามีธาตุแท้ภายในที่ดั่งได้รับการเอ็ดดูจากสวรรค์เป็นพิเศษ ขณะเดียวกันก็เป็นการตัดสินว่าสำนักดังกล่าวจะมีการสืบทอดเคล็ดวิชาไปในลักษณะเช่นใด
เฉกเช่นแคว้นว่านเจิ้น พวกเขามีเคล็ดลับเจิ้นมี่ของจิ่วมี่อยู่ในครอบครอง ดังนั้น แคว้นว่านเจิ้นจึงเป็นสำนักที่เชี่ยวชาญด้านของค่ายกลในแดนลัทธิราชัน และเป็นแคว้นที่มีความแข็งแกร่งด้านค่ายกลมากที่สุด
เฉกเช่นตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ พวกเขามีเคล็ดลับปิงมี่ที่อยู่ในจิ่วมี่อยู่ในครองครอง ดังนั้นฝีมือการหลอมสร้างอาวุธของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือจึงสุดยอดมีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้า ปราศจากผู้เทียบเทียม ดังนั้นจึงมีผู้ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า ในแดนลัทธิราชันนั้น อาวุธที่ดีที่สุดมักจะกำเนิดมาจากตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ซึ่งคำพูดคำนี้หาใช่คำพูดที่สวยหรู
สำนักเสินสิงเหมินมีเคล็ดลับคำว่าสิงมี่อยู่ในครอบครอง กล่าวได้ว่า เคล็ดวิชาของสำนักเสินสิงเหมินจำนวนมากล้วนแล้วแต่วิวัฒนาการมาจากสิงมี่ทั้งสิ้น
ดังนั้น ศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินจึงเก่งในเรื่องการเคลื่อนที่ หากจะกล่าวว่า มีการจัดการแข่งขันระยะไกลขึ้นมาล่ะก็ เกรงว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งทั่วแดนลัทธิราชัน ก็คงไม่มีสำนักใดสามารถเทียบได้กับสำนักเสินสิงเหมินได้
การที่สำนักเสินสิงเหมินได้ครองครองเคล็ดลับสิงมี่ ดังนั้น พวกเขาไม่เพียงแค่เก่งในด้านการเคลื่อนที่ ขณะเดียวกันศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินยังมีท่าร่างที่เป็นหนึ่งใต้หล้า ความเร็วนั้นเรียกว่ามีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้า
เคยมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ถ้าหากจะวิ่งหนีเอาชีวิตรอดล่ะก็ ผู้ที่หนีได้ไวที่สุด และหนีได้ง่ายดายที่สุด ต้องเป็นศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินอย่างแน่นอน
จากการที่ทางสำนักเสินสิงเหมินมีความได้เปรียบที่มีมาแต่กำเนิด ในช่วงต้นนั้นทางสำนักเสินสิงเหมินจึงมีระบบการเผยแพร่ข่าวสารที่รวดเร็ว และสมบูรณ์แบบมากที่สุดทั่วทั้งแดนลัทธิราชัน
กระทั่งมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า แรกเริ่มการก่อตั้งขึ้นมาของสำนักเสินสิงเหมินนั้น อาศัยการสืบเสาะหาข่าว การขุดคุ้ยข่าวลับ และมีระบบด้านข่าวสารที่สมบูรณ์ที่สุดทั่วแดนลัทธิราชันทั้งหมด
ประเภทล้ำค่า เป็นต้นว่าประสบการณ์การสยบใจมารขณะที่กำลังบรรลุสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่ง ประเภทข่าวลือ เป็นต้นว่าปฐมบรรพบุรุษผู้หนึ่งชั่วชีวิตของเขามีผู้หญิงกี่คน เคยกุ๊กกิ๊กกับใครมาบ้าง…เป็นต้น โดยข่าวลับและข่าวลือที่ไม่ได้มีการบันทึกอย่างเป็นทางการและมีน้อยคนที่รู้ล้วนแล้วแต่มีการจดบันทึกเอาไว้
เทพวายุพาหลี่ชิเย่เข้าไปยังบริเวณส่วนที่เก็บตำรา และบันทึกดึกดำบรรพ์ กวาดตามองดูรอบหนึ่งและกล่าวกับหลี่ชิเย่ว่า “ยกเว้นบริเวณที่เก็บรักษาเคล็ดวิชาและเคล็ดลับแล้ว ส่วนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่เปิดกว้างให้กับเจ้า เจ้าสามารถเขาไปอ่านตำราทั้งหมดที่มีอยู่”
การที่เทพวายุทำเช่นนี้นับได้ว่าใจกว้างมากแล้ว การให้บุคคลภายนอกคนหนึ่งเข้าไปยังคลังลับ ทั้งยังอนุญาตให้เขาได้เปิดอ่านตำราได้ทั้งหมดยกเว้นตำราที่เกี่ยวกับเคล็ดวิชา และเคล็ดลับเท่านั้น เช่นนี้ก็นับว่าปฏิบัติอย่างดีต่อหลี่ชิเย่แล้ว
หลี่ชิเย่ยิ้มๆ เดินไปยังมุมๆ หนึ่งตามอารมณ์ ที่ตรงนั้นยังมีโต๊ะและม้าหิน บนโต๊ะยังมีตะเกียงและหมึก พลันที่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเคยมีผู้นั่งจดบันทึกประวัติศาสตร์จริงและข่าวลับอยู่ที่ตรงนี้
เพียงแต่โต๊ะหินตัวนี้ไม่ได้มีคนมานั่งนานแล้ว ปรากฏฝุ่นที่จับอยู่บนโต๊ะดังกล่าว
หลี่ชิเย่หยิบเอาหนังแกะขึ้นมาชิ้นหนึ่งจากกระบอกเก็บตำราตามอารมณ์ คลี่ออกมาดู ปรากฎว่าเป็นแผนที่โบราณที่ยังเขียนไม่เสร็จ หลังจากมองดูแล้วก็หัวเราะตามอารมณ์ขึ้นมา
“ดูท่าสำนักเสินสิงเหมินของพวกเจ้าไม่มีใครมาเขียนบันทึกประวัติศาสตร์ หรือจดบันทึกข่าวลือที่ไม่ได้มีการบันทึกอย่างเป็นทางการและมีน้อยคนที่รู้มานานมากแล้วสิ” หลี่ชิเย่กล่าวและหัวเราะขึ้นมา
เทพวายุนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง คำพูดนี้ของหลี่ชิเย่พูดได้ถูกต้อง แม้ว่าสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาถือกำเนิดขึ้นมาโดยอาศัยการสืบเสาะหาข่าว ขุดค้นความลับ แต่ทว่า จากการที่สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขามีความแข็งแกร่งมากขึ้นๆ จึงทำให้ศิษย์ที่ยินดีจะไปแสดงในบทลักษณะเช่นนี้ลดน้อยลงไปทุกที เวลานี้แม้แต่ศิษย์ที่ยินดีไปทำงานเกี่ยวกับการสืบหาข่าวคราว ขุดคุ้ยเรื่องความลับก็มีจำนวนน้อยลง ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงศิษย์ที่จะมานั่งเรียบเรียงจดบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เป็นความจริง และข่าวลือที่ไม่ได้มีการบันทึกอย่างเป็นทางการและมีน้อยคนที่รู้ซึ่งเป็นงานที่จืดชืดอีกต่อไป
ดังนั้น เวลานี้ยังมีศิษย์ส่วนหนึ่งที่ทำงานด้านการสืบเสาะหาข่าวสารอยู่ แต่ ประเภทเขียนเรียบเรียงเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เป็นความจริง และข่าวลือที่ไม่ได้มีการบันทึกอย่างเป็นทางการและมีน้อยคนที่รู้ไม่มีใครทำอีกแล้ว ซึ่งขาดช่วงไปหลายยุคสมัยแล้ว
กระทั่งกล่าวได้ว่า ในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานที่ผ่านมานี้ หลี่ชิเย่เป็นคนแรกที่ให้ความสนใจตำราที่อยู่ในนี้
จะอย่างไรเสีย กล่าวสำหรับศิษย์สำนักเสินสิงเหมินในปัจจุบัน พวกเขาไม่ได้สนใจในตำราเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ที่พวกเขาเสาะแสวงหาคือกำลังความสามารถที่แข็งแกร่ง พวกเขาหลงใหลอยู่กับการฝึกยุทธ ที่พวกเขากระหายอยากจะได้มาคือเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งพิสดาร หรือของวิเศษที่ทรงพลัง ไม่ใช่การบันทึกประวัติศาสตร์ที่เป็นจริงซึ่งน่าเบื่อและจืดชืดเช่นนี้
เมื่อหลี่ชิเย่สามารถหยิบเอาหนังแกะแผ่นหนึ่งแล้วดูจนเหม่อ และอ่านได้อย่างออกรสออกชาตินั้น ทำให้เทพวายุยังต้องรู้สึกเหนือความคาดคิด
……………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...