เทพวายุก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อหลี่ชิเย่อย่างขาดความยุติธรรม เขาได้จัดให้หลี่ชิเย่เข้าพักอยู่ที่ภูเขาหลักซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างของคลังลับ กล่าวได้ว่าภูเขาหลักที่ว่านี้ปรกติมีเพียงระดับบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินที่มีตำแหน่งฐานะที่สูงส่งมากเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้เข้าพัก
การที่เทพวายุจัดให้หลี่ชิเย่ได้เข้าพักอยู่ที่ภูเขาหลักลูกนี้ นอกเหนือจากคำนึงถึงความปลอดภัยของหลี่ชิเย่แล้ว ก็ยังเป็นการป้องกันคนมากปากมากอีกด้วย
หลี่ชิเย่ที่อยู่ในฐานะฮ่องเต้สิ้นชาติในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ตามหาเขาอยู่ นอกเหนือจากราชวงศ์โต่วเซิ่นเองที่ตามหาเขาอยู่ ยังมีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ แคว้นว่านเจิ้นก็ตามหาฮ่องเต้สิ้นชาติอย่างหลี่ชิเย่อยู่เช่นเดียวกัน
กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ขอเพียงหลี่ชิเย่ยังคงมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ขอเพียงหลี่ชิเย่ยังคงมีชีวิตอยู่ ก็จะเป็นหนามยอกอกของพวกเขา
นอกเหนือจากตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ แคว้นว่านเจิ้นที่เป็นสำนักที่ต้องการให้หลี่ชิเย่ตายแล้ว มีสำนักที่แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิบางส่วนในแดนลัทธิราชัน พวกเขาก็กำลังตามหาหลี่ชิเย่อย่างลับๆ
การตามหาตัวหลี่ชิเย่ของบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ และสำนักเหล่านี้ ไม่แน่เสมอไปว่าต้องการให้หลี่ชิเย่ตาย กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าหลี่ชิเย่คือเบี้ยที่ดีมากสำหรับพวกเขา
กล่าวสำหรับบางสำนักแล้ว ถ้าหากสามารถควบคุมหลี่ชิเย่ที่เป็นฮ่องเต้สิ้นชาติเอาไว้ในมือ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าสามารถเป็นตัวแทนสายเลือดแท้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้ในระดับหนึ่ง เป็นสัญลักษ์ของอำนาจฮ่องเต้
ดังนั้น เฉกเช่นวัดจิ้งเหลียนกวาน หอหลินไห่เก๋อที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ก็ได้ติดตามร่องรอยของหลี่ชิเย่อย่างลับๆ
โชคดีตรงที่ว่า สำนักเสินสิงเหมินนั้นตั้งอยู่บนท้องฟ้า กลืนเข้าไปอยู่ท่ามกลางทะเลเมฆ ไม่ค่อยคบหาสมาคมกับผู้คน ดังนั้น บุคคลภายนอกคิดจะไปสืบข่าวหลี่ชิเย่ภายในสำนักเสินสิงเหมินนั้น ใช่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดาย
หลี่ชิเย่พักอาศัยอยู่ในสำนักเสินสิงเหมิน โดยมีจางเจี้ยนชวนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายไม่กล้ากระทำการชักช้าแม้แต่น้อย ทำให้ช่วงเวลาที่หลี่ชิเย่อยู่ในสำนักเสินสิงเหมินมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายยิ่ง และเงียบสงบสบายๆ ไม่มีเรื่องใดๆ
ข้อสำคัญในการรั้งอยู่ในสำนักเสินสิงเหมินของหลี่ชิเย่นั้น อยู่ที่ข่าวลับและข่าวลือที่ไม่ได้มีการบันทึกอย่างเป็นทางการและมีน้อยคนที่รู้ที่มีอยู่ในสำนักเสินสิงเหมิน ตำราโบราณที่มีการบันทึกไว้ในรูปแบบพงศาวดารเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไร้ค่าแม้แต่เพียงอีแปะเดียวในสายตาของศิษย์สำนักเสินสิงเหมินจำนวนมาก สิ่งนี้อย่างดีที่สุดก็นำมาอ่านเป็นนิทานในบางครั้งถือเป็นการฆ่าเวลาเท่านั้น
กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ข่าวลับและเรื่องราวที่มีหลักฐานยืนยันเปี่ยมด้วยมูลค่า เขาสามารถอาศัยข่าวลับและเรื่องราวที่มีหลักฐานยืนยันที่มีการบันทึกเอาไว้เหล่านี้คั้นเอาข้อมูลที่มีประโยชน์ได้มากมาย โดยเฉพาะมีส่วนอย่างมากในการช่วยเขาในการตามหาสิ่งของบางสิ่ง
ดังนั้น การอาศัยอยู่ในสำนักเสินสิงเหมิน หลี่ชิเย่นอกจากสนั่งสมาธิเพื่อฝึกบำเพ็ญเพียรแล้ว เวลาอี่นๆ คือพลิกอ่านตำราโบราณที่มีปริมาณมหาศาลดั่งทะเล ตำราเกี่ยวกับพงศาวดาล และข่าวลือที่ไม่ได้มีการบันทึกอย่างเป็นทางการและมีน้อยคนที่รู้แต่ละเล่ม ซึ่งถูกมองว่าไม่มีค่าอะไรเลย ซึ่งทำให้หลี่ชิเย่ได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่มีมูลค่ามากมาย โดยเฉพาะกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เขามีความเข้าใจอย่างถึงแก่น
กล่าวได้ว่า หากพูดถึงในปัจจุบันไม่มีใครเข้าใจระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มากกว่าเขาอีกแล้ว แม้แต่ขณะที่ฮ่องแต้ไท่ชิงยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เท่ากับเขา โดยเฉพาะกับเก้าเคล็ดลับของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เรียกว่าหลี่ชิเย่มีภาพอยู่ในใจอยู่แล้ว
แรกทีเดียวจางเจี้ยนชวนที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ ยังคงหยุดภาพของหลี่ชิเย่อยู่ท่ามกลางภาพที่เล่าลือกันจากภายนอก มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม ไม่ศึกษาและไร้วิชาความรู้ เอ้อระเหยลอยชายไม่ทำอะไร ทักษะอ่อนไร้ความสามารถ…
แต่ว่า ช่วงเวลาที่เขาได้อยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ พบว่าดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น
ช่วงเวลานี้ หากหลี่ชิเย่ไม่ใช่นั่งนิ่งพักผ่อนกายา ก็จะอยู่ในคลังลับทุกวัน พลิกอ่านตำราโบราณแต่ละชนิด กระทั่งตำราบางส่วนที่เก่าแก่จนไม่รู้จะเก่าอย่างไรเขาก็สามารถอ่านได้อย่างเพลิดเพลิน กระทั่งตำราโบราณบางส่วนเป็นการบันทึกด้วยอักษรที่เก่าแก่ยิ่งนัก ในสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาก็ไม่มีใครอ่านออก แต่หลี่ชิเย่กลับอ่านจนเหม่อลอย ไม่มีอุปสรรค์ในการอ่านแม้แต่น้อยอย่างสิ้นเชิง
นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้จางเจี้ยนชวนรู้สึกตกใจระคนความแปลกใจ หลี่ชิเย่ในเวลานี้เหมือนเป็นผู้ที่ยากไร้คนหนึ่งที่เข้าร่วมบำเพ็ญเพียรด้วยความมานะอดทน มองไม่เห็นร่องรอยตามคำเล่าลือที่ว่ามั่วโลกีย์ไร้คุณธรรมแม้แต่น้อยบนตัวของเขา
หรือจะกล่าวว่า หลังชาติสิ้นแผ่นดินถูกทำลาย ฮ่องเต้คนใหม่ได้เปลี่ยนนิสัย กลับตัวเป็นคนดี? ในใจของจางเจี้ยนชวนคาดเดาเช่นนี้
แต่ เมื่อคิดอีกทีก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ถ้าหากว่าชาติสิ้นแผ่นดินถูกทำลาย ฮ่องเต้คนใหม่ได้รับกระทบกระเทือน กลับตัวกลับใจใหม่ เช่นนั้นแล้วเขาจะต้องพยายามฝึกวิชา เพื่อให้ตนเองมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จากนั้นก็ชิงเอาแผ่นดินของตนคืนมา
แต่ว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่ในเวลานี้ ดูเหมือนจะไม่ได้ให้ความสนใจในเคล็ดวิชา และเคล็ดลับแม้แต่น้อย กระทั่งไม่ได้คิดจะให้ตนเองนั้นกลับกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นโดยสิ้นเชิง ตำราที่เขาเปิดอ่านอยู่ทุกวันล้วนแล้วแต่เป็นตำราโบราณ ซึ่งในสายตาของศิษย์สำนักเสินสิงเหมินนั้น บรรดาตำราโบราณเหล่านี้ก็คือ’หนังสืออ่านเล่น’ มีศิษย์เพียงไม่กี่คนที่ยอมเอาเวลาว่างของตนมาอยู่กับ ’หนังสืออ่านเล่น’ แบบนี้
“เหตุใดฝ่าบาทจึงชอบหนังสืออ่านเล่นเล่า?” จางเจี้ยนชวนอดที่จะเอ่ยถึงขึ้นมา เมื่อต้องอยู่เป็นเพื่อนกับหลี่ชิเย่ในคลังลับทุกๆ วัน และมองดูหลี่ชิเย่นั่งอ่านตำราอ่านเล่นที่จะมีหรือไม่มีก็ได้เหล่านี้
“เรือนทองคำและสาวงามหาได้จากตำราล้วนหาได้จากในตำรา” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
เอิกกก…จางเจี้ยนชวนถึงกับตะลึงงันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ภายในใจของเขาไม่เชื่อในคำพูดแบบนี้ จะอย่างไรเสีย ในสายตาของเขามองว่า คำพูดลักษณะเช่นนี้เป็นเพียงบัณฑิตที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดานำมาปลอบใจตนเองเท่านั้นเอง
“เชี่ยวชาญอดีต จึงชำนาญปัจจุบัน” หลี่ชิเย่มองดูจางเจี้ยนชวนทีหนึ่ง ยิ้มกล่าวเฉยเมยขึ้นมา
“เชี่ยวชาญอดีตและปัจจุบัน” จางเจี้ยนชวนพึมพำเบาๆ ทบทวนคำพูดคำนี้อย่างละเอียด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...