ในเวลานี้ บรรดาศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินต่างมองไปที่หลี่ชิเย่ ทุกคนล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้ ไม่รู้ว่าภายในใจของศิษย์จำนวนเท่าไรที่ล้วนแล้วแต่เฝ้ารอคอยเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป และมีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่หัวเราะเยาะนิดหนึ่ง ภายในใจดูจะดีใจที่เห็นผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนอยู่บ้าง
ท่ามกลางศิษย์จำนวนไม่น้อยในขณะนี้ล้วนแล้วแต่ต้องการเห็นหลี่ชิเย่ให้ได้อาย และหรือมองดูท่าทางที่ย่ำแย่มากของหลี่ชิเย่
ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าบรรดาศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมิน และหรือการมาถึงของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวา หลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทีที่มองไม่เห็น จิบน้ำชาเบาๆ มองดูทะเลเมฆที่อยู่ตรงหน้า ชื่นชมกับภาพของเมฆที่ม้วนตัวอยู่
ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาเดินเข้าไปในศาลาพักร้อน และมุ่งหน้าไปยังหลี่ชิเย่ ท่าทางของนางดูเย็นชา ใบหน้าเยือกเย็น แม้แต่นัยน์ตาของนางก็แฝงไว้ซึ่งแววตาที่เยือกเย็น
จางเจี้ยนชวนที่มองเห็นท่าทางของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาแล้วก็ตระหนักได้ว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาต้องการจะทำอะไรแล้ว เขาร้องเรียกออกไปว่า “ศิษย์น้อง เจ้าก็มาแล้ว” กล่าวพลางส่ายหน้าเบาๆ ให้กับนาง เป็นการส่งสัญญาณให้นางอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม และบอกเป็นนัยว่าอย่าตัดสินใจโดยพละการ
“พี่เจี้ยนชวน” ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาโค้งคำนับให้จางเจี้ยนชวนเบาๆ แต่ว่า กับสัญญาณของจางเจี้ยนชวนทำเป็นมองไม่เห็น เดินตรงไปยังหลี่ชิเย่
กลิ่นหอมที่แผ่กระจายล่องลอยไปในอากาศ เพียงพริบตาเดียวธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาก็ได้ไปยืนอยู่ตรงหน้าของหลี่ชิเย่แล้ว แต่ว่า หลี่ชิเย่เพียงหลับตาลงและจิบน้ำชาที่อยู่ในมือ
“เอามา” ในเวลานี้เอง ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาได้ยื่นมือออกไป กล่าวเสียงเย็นชา
หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตา เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าบดบังการดูทิวทัศน์ของข้า!” ตั้งแต่ต้นจนจบก็ขี้คร้านจะมองหน้านางสักครั้งหนึ่ง
เมื่อธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาถูกหลี่ชิเย่ปฏิบัติด้วยท่าทีที่ไม่ให้เกียรติเช่นนี้พลันมีสีหน้าที่แดงก่ำ ท่าทางนางสุดจะทนถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ
ในฐานะที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาเป็นถึงองค์หญิงของสำนักเสินสิงเหมิน เป็นหัวแก้วหัวแหวน อีกทั้งชาติกำเนิดนางยังสูงส่งอีกด้วย ในฐานะที่นางเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ ไม่ว่าเดินไปถึงไหนก็ได้รับการห้อมล้อมจากผู้คนมากมาย เสมือนดั่งดาวล้อมเดือนอย่างนั้น ได้รับการเอาใจและเคารพนับถือของผู้คนจำนวนมาก ทำให้นางมีความหยิ่งยโสที่เป็นผู้อยู่สูงเด่น และการสำรวมที่เย็นชา
แต่ว่า เวลานี้ต่อหน้าผู้อื่นมากมาย หลี่ชิเย่กลับขี้คร้านที่จะมองหน้านางสักแวบหนึ่งด้วยซ้ำ เหมือนไม่อยู่ในสายตา ท่าทีที่สูงเด่นและเข้าใจว่าตัวเองนั้นเก่งเหนือกว่าผู้อื่นเช่นนี้ พลันทำให้ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาโกรธจัด
“ที่นี่คือสำนักเสินสิงเหมิน…” สีหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาพลันเย็นชา และกล่าวด้วยท่าทีน่าเกรงขามว่า “เจ้ายังคงเข้าใจว่าที่นี่คือราชวงศ์โต่วเซิ่นของเจ้าอย่างนั้นรึ? ราชวงศ์โต่วเซิ่นในวันนี้เกมมันจบไปแล้ว!”
คำพูดของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาชัดเจนมากแล้ว ความหมายก็คือต้องการเตือนสติหลี่ชิเย่ว่าเขาไม่ใช่ฮ่องเต้ที่ฐานะสูงส่งคนนั้นอีกแล้ว เวลานี้เขาเป็นเพียงฮ่องเต้สิ้นชาติคนที่มาอาศัยอยู่ใต้ชายคาคนอื่นเท่านั้น
หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตาด้วยซ้ำ กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมาว่า “ถือโอกาสที่ข้ายังไม่ได้โกรธไสหัวไปข้างๆ เสีย อย่าขวางการชื่นชมทิวทัศน์ของข้า”
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร…” คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ผู้คนบันดาลโทสะขึ้นมา พลันทำให้ศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินจำนวนไม่น้อยที่โกรธหลี่ชิเย่ขึ้นมา
ในทัศนะคติพวกเขาลู่ปิงคือธิดาศักดิ์สิทธิ์สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขา เป็นองค์หญิงสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขา สูงส่งปราศจากผู้เทียบเทียม ไหนเลยอนุญาตให้ใครมาทำให้ต้องอับอายขายหน้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นฮ่องเต้องค์ใหม่ในวันนี้เป็นเพียงฮ่องเต้ที่สิ้นชาติเท่านั้นเอง ทั้งยังมาอาศัยอยู่ใต้ชายคาสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขา
สีหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาพลันเปลี่ยนไป เพลิงแค้นสุมเต็มอก เดิมทีเรื่องที่ให้นางต้องแต่งเข้าวังก็ได้ทำให้ภายในใจของนางไม่สบอารมณ์เป็นพิเศษอยู่แล้ว อีกทั้งฮ่องเต้องค์ใหม่ยังเป็นผู้ที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม เป็นฮ่องเต้ชั่ว บ้ากามไร้ความสามารถ ยิ่งทำให้ภายในใจของนางต่อต้านเป็นพิเศษ ในใจของนางไม่ใยดีสำหรับฮ่องเต้ชั่วเช่นนี้อยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ราชวงศ์โต่วเซิ่นในเวลานี้เรียกว่าชาติล่มสลายแผ่นดินถูกทำลายแล้ว สำหรับฮ่องเต้ที่สิ้นชาติแล้วมาอาศัยชายคาของสำนักเสินสิงเหมินพวกเขาแล้ว พวกเขายิ่งดูถูกและไม่ได้นำเอามาใส่ใจ
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ตนเองกลับถูกผู้ชายที่ตัวเองไม่เคยใส่ใจ เมินใส่ลบหลู่ได้ถึงเพียงนี้ แล้วจะไม่ให้ใบหน้าของนางแดงก่ำได้รึ? โดยนางมองว่านี่เป็นการทำให้นางได้รับความอับอาย!
เวลานี้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาโกรธจนถึงขีดสุด จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “เวลานี้ไม่ใช่ยุคที่ราชวงศ์โต่วเซิ่นเป็นผู้กุมอำนาจแล้ว หากรู้จักกาลเทศะล่ะก็มอบสัญญาแต่งงานออกมา หาไม่แล้วเป็นเจ้าเองที่หาเรื่องให้ต้องอับอาย!”
พลันที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาพูดคำๆ นี้ออกมา ได้เรียกเสียงเชียร์จากศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินได้มากมาย ศิษย์บางคนได้ส่งเสียงดังออกมาโดยตรงว่า “สมควรเป็นเช่นนี้ พวกเราสำนักเสินสิงเหมินคือผู้ยิ่งใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ฮ่องเต้สิ้นชาติคนหนึ่งอาศัยอะไรมายโสอวดดีถึงถิ่นของพวกเรา”
“ฮึ อาศัยฮ่องเต้ชั่วที่ไร้ความสามารถคนหนึ่งไหนเลยคู่ควรกับศิษย์พี่สาวได้เล่า ให้เขารีบไสหัวออกไปเถอะ การที่สำนักเสินสิงเหมินของพวกเรายอมให้เขาอาศัยอยู่นานขนาดนี้ก็นับว่าได้ให้การดูแลอย่างสุดความสามารถแล้ว” มีศิษย์บางคนที่ร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา
เวลานี้หลี่ชิเย่ได้วางถ้วยน้ำชาในมือลง เลิกหนังตาทีหนึ่ง มองดูธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวา ถึงกับไม่แสดงความโกรธและยิ้มแต้กล่าวว่า “เจ้าคิดจะยกเลิกงานแต่งรึ?”
“ถูกต้อง!” ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวากล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “งานแต่งนี้ไม่มีผลอีกต่อไป เวลานี้เจ้ามอบสัญญาแต่งงานออกมา กล่าวสำหรับเจ้าแล้วก็เป็นเรื่องที่มีแต่ได้กับได้อย่างเดียว”
“ถ้าหากข้าไม่มอบออกมาล่ะ?” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...