“คุกเข่ากราบ? หรือเจ้าคิดอยากจะเป็นฮ่องเต้จนบ้าไปแล้ว ต่อให้อดีตเจ้าเป็นฮ่องเต้ เวลานี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว อาศัยอะไรให้พวกเราคุกเข่ากราบ ฮ่องเต้อย่างเจ้าเป็นเพียงในนามเท่านั้น” ในเวลานี้มีผู้ที่อดหัวเราะเสียงดังและพูดขึ้นมาไม่ได้
“ฝ่าบาท ต้องการให้พวกเรากราบสามครั้ง คำนับเก้าครั้งกับท่านหรือไม่เล่า” และมีผู้ที่หัวเราะเยาะและพูดขึ้นมา
หลี่ชิเย่นั่งตัวตรงอยู่ที่ตรงนั้น ไม่แสดงอาการโกรธแม้แต่น้อยกับคำพูดเช่นนี้ ท่าทางสงบนิ่งมาก ออกจะดูนุ่มนวลมากเป็นพิเศษ และกล่าวว่า “คนโง่เขลาไม่คู่ควรให้สงสารตลอดมา วันนี้สมสควรดื่มเลือดให้อิ่มหนำสักมื้อแล้วล่ะ ควรเป็นเวลาที่ข้าต้องเข่นฆ่าครั้งใหญ่เสียแล้ว”
“เข่นฆ่าครั้งใหญ่” เวลานี้หม่าจินหมิงหัวเราะเยาะทีหนึ่ง เผยปณิธานการฆ่าออกมา กล่าวน่าครั่นคร้ามขึ้นมาว่า “เวลานี้ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ยังจะพูดถึงเรื่องเข่นฆ่าครั้งใหญ่อะไรนั่น คิดว่าจะหาทางเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่เสียก่อนจะดีกว่า”
หลี่ชิเย่ไม่รู้สึกเหนือความคาดคิดแม้แต่น้อยสำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหม่าจินหมิง ยิ้มกล่าวว่า “พูดแบบนี้ เจ้าคิดอยากจะฆ่าข้าน่ะสิ”
“เจ้าว่าล่ะ?” หม่าจินหมิงก้าวขึ้นบันไดหินทีละก้าวๆ แววตาดูน่าครั่นคร้าม กล่าวน่าเกรงขามว่า “หนึ่งชีวิตชดใช้ด้วยหนึ่งชีวิต เจ้าสังหารน้องของข้า วันนี้ข้าจะแก้แค้นแทนเขา!”
แน่นอน หม่าจินหมิงไม่เพียงแค่ต้องการแก้แค้นให้กับเจิงยี่ปิงน้องของเขาเท่านั้น ต่อให้เป็นบุญคุณความแค้นส่วนตัว เขาก็จะเอาชีวิตของหลี่ชิเย่เช่นเดียวกัน
“ดูท่าพี่หม่าจะเร็วกว่าข้าก้าวหนึ่ง” เมื่อหยางฟู่ฝานเห็นหม่าจินหมิงก้าวขึ้นบันไดถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “ข้ากำลังคิดจะสั่งสอนคนที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำสักหน่อยนะเนี่ย เวลานี้มีพี่หม่าลงมือให้กับพวกเรา ระบายความคับแค้นใจให้ ข้าก็ได้แต่หลีกทางยกให้พี่หม่าแล้ว”
หยางฟู่ฝานเอ่ยขึ้นช้าๆ เหมือนว่าหลี่ชิเย่ก็คือเนื้อบนเขียงแล้ว คิดอยากจะเชือดเฉือนอย่างไรก็ได้
“พี่หยางโปรดวางใจ” หม่าจินหมิงหัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “ถ้าหากพี่หยางอยากจะระบายความแค้นสักหน่อย ข้าก็จะเผื่อโอกาสนั้นให้พี่อยู่แล้ว ถึงเวลานั้น พี่หยางจะตัดแขนตัดขาอะไรประมาณนั้นล่ะก็ข้าไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย”
“หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าก็ขอขอบคุณพี่หม่าล่วงหน้าแล้ว” หยางฟู่ฝานหัวเราะออกมาและรีบแสดงคารวะแบบจีน
เวลานี้พวกเขาพูดคุยอย่างสนุกสนาน เหมือนว่าพร้อมที่จะเล่นงานหลี่ชิเย่ให้ถึงตายได้ทุกเวลาอย่างนั้น
“พวกเจ้าทั้งสองคนไม่ต้องทำเป็นวางมาดอยู่ตรงนั้น เข้ามาพร้อมกันทีเดียวสองคนก็แล้วกัน ข้าจะส่งพวกเจ้าลงนรก” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ข้าจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงมากนัก”
“เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย!” สีหน้าของหม่าจินหมิงเปลี่ยนไป กระโดดขึ้นมาและมุ่งตรงไปยังหลี่ชิเย่
เสียงปังเสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่หม่าจินหมิงกระโดดขึ้นมานั้น ทันใดนั้นปรากฎเท้าขนาดใหญ่ได้กระทืบลงมา จังหวะที่เท้าขนาดใหญ่กระทืบลงมานั้น เสมือนดั่งเป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่สยบลงมา
ร่างกายของของหม่าจินหมิงดั่งมังกรเจียวหลงที่พุ่งสวนขึ้นไป ดุจดั่งมัจฉากระโดดข้ามประตูมังกร หลบหลีกเท้าข้างนั้นที่กระทืบลงมาได้โดยพลัน
เท้าที่กระทืบใส่หม่าจินหมิงกะทันหันนี้ไม่ได้เป็นการลงมือจากหลี่ชิเย่ แต่เป็นรูปปั้นองครักษ์หินตัวหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างของบันไดหินเป็นผู้ลงมือ การที่องครักษ์หินตัวนี้ยกเท้าเหยียบกระทืบเข้ามา เสมือนดั่งเป็นมนุษย์ยักษ์ตัวหนึ่งอย่างนั้น ประดุจเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์ ใครก็ตามหากไม่ให้ความเคารพล่ะก็ ฆ่าไม่มีละเว้น!
การที่องครักษ์หินมีการเคลื่อนไหวได้อย่างกะทันหัน และใช้เท้าข้างหนึ่งที่กระทืบลงมานั้น ทำเอาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดตกใจเป็นยิ่งนัก หลายคนต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความตระหนก
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่หม่าจินหมิงเพิ่งจะหลบพ้นจากเท้าข้างหนึ่งที่เหยียบลงมานั้น ทันใดนั้นองครักษ์หินตัวที่สองพลันดึงขวานสองคมหินขึ้นมาในทันใด ขวานสองคมหินที่เหนือท้องฟ้าได้พุ่งแหวกอากาศเสมือนดั่งสายฟ้าแลบที่พุ่งใส่หน้าอกของหม่าจินหมิง
“ทำลาย” หม่าจินหมิงร้องคำรามเสียงดัง มือสองข้างที่ขวางออกไปปรากฏเป็นสากตำข้าวขนาดใหญ่ในมือ และทุบเข้าไปยังขวานสองคมที่ทิ่มแทงเข้ามา หวังทุบขวานสองคมหินให้แหลกละเอียด
เสียงปังดังสนั่น เมื่อขวานสองคมหินเข้าปะทะซึ่งหน้ากับสากตำข้าวขนาดใหญ่ สะเก็ดไฟแตกกระจัดกระจาย มันไม่ได้เป็นไปตามที่หม่าจินหมิงจินตนาการเอาไว้อย่างนั้นว่าสามารถทุบขวานสองคมหินให้แหลกละเอียดไป
ตรงกันข้าม เสียงปังที่ดังขึ้น ปรากฎว่าหม่าจินหมิงที่กระโดดขึ้นถูกแรงกระแทกจากขวานสองคมหินจนร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ต่อให้สากยักษ์ของเขาจะมีน้ำหนักมากถึงหนึ่งร้อยห้าสิบตันก็สู้ขวานสองคมหินนั้นไม่ได้ ท่ามกลางเสียงดังปังเสียงนี้ ร่างของเขากระแทกเข้ากับบันไดหินอย่างแรง
ตูม…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่หม่าจินหมิงยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมา องครักษ์หินที่ลงมือเป็นตัวแรกก็ได้ยกเท้ากระทืบลงมา
ขึ้นสีหน้าของหม่าจินหมิงเปลี่ยนไปมากทีเดียว มือทั้งสองข้างยกขึ้น ปรากฏโล่วิเศษบนมือ หวังอาศัยสิ่งนี้ป้องกันเท้าข้างนั้นที่กระทืบลงมาอย่างแรง
ปังเท้าขนาดใหญ่ได้เหยียบลงบนโล่วิเศษอย่างแรง เสียงกระทบกันดังจนทุกคนแก้วหูแทบแตก
คร๊ากกกเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง บันไดหินที่อยู่ติดกับแผ่นหลังของหม่าจินหมิงถึงกับปรากฎรอยแยกขึ้นมา กล้ามเนื้อแขนทั้งสองข้างของเขานูนขึ้น ต้านรับกับเท้าขนาดใหญ่ที่กำลังเหยียบลงมาบนโล่วิเศษสุดแรงเกิด ในขณะนี้ หม่าจินหมิงได้อาศัยพลังที่มีอยู่ทั้งหมดไปแล้ว แต่ทว่า ยังคงดูเหมือนไม่อาจต้านเอาไว้ได้ เท้าขนาดใหญ่ที่เหยียบบนโล่วิเศษค่อยๆ เหยียบลงไปถึงหน้าอกของเขาแล้ว
ผู้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนที่ได้มองเห็นภาพนี้แล้วถึงกับใจหายใจคว่ำ การที่องครักษ์หินมีชีวิตขึ้นมาอย่างกะทันหันก็ทำเอาทุกคนตระหนกตกใจกันยกใหญ่แล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าองครักษ์หินที่มีชีวิตขึ้นมาถึงกับแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ สามารถโจมตีหม่าจินหมิงล้มลงกับพื้นในชั่วพริบตาเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...