หม่าจินหมิงถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า หยางฟู่ฝานถูกตรึงอยู่กับบันไดหิน เทียบกันสองคนระหว่างหม่าจินหมิงกับหยางฟู่ฝานแล้ว หม่าจินหมิงจะด้อยกว่ากันนิดหนึ่ง แต่ว่า หยางฟู่ฝานคือระดับเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นที่สาม
เรียกว่าเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์นะเนี่ย อีกทั้งค่ายกลของหยางฟู่ฝานนั้นนับว่าหนึ่งไม่มีสอง พลันที่ลงมือก็คือค่ายกลกระบี่ พลังเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องหวาดผวาจนหน้าถอดสี
แต่ทว่า ต่อให้หยางฟู่ฝานที่มีค่ายกลกระบี่ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ยังคงถูกองครักษ์หินตรึงเอาไว้กับบันไดหินเพียงสองสามกระบวนท่าเท่านั้น ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นหม่าจินหมิง หรือว่าหยางฟู่ฝานพวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง เหมือนว่าเป็นดั่งที่หลี่ชิเย่พูดเอาไว้อย่างนั้นจริงๆ แค่มดปลวกฝูงหนึ่งเท่านั้น ไม่คู่ควรที่เขาจะต้องลงมือเองอย่างสิ้นเชิง
ตูม ตูม ตูม…จังหวะที่ทุกคนกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น เสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก แม้แต่ผืนแผ่นดินยังสะเทือนหวั่นไหวไปทีหนึ่ง เห็นเพียงองครักษ์หินแต่ละตัวลงมาจากฟ้า พลันจัดการล้อมป่าหินเอาไว้ทั้งหมดองครักษ์หินทุกตัวได้ปิดล้อมทุกๆ ทางออกของป่าหินเอาไว้ เพียงชั่วพริบตาเดียว ทุกคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ล้วนแล้วแต่ถูกปิดล้อมเอาไว้
ก่อนหน้านี้ องครักษ์หินแต่ละตัวเดิมทีจะยืนอยู่ด้านซ้ายขวาสองด้านของบันไดหิน อีกทั้งก่อนหน้านี้องครักษ์หินแต่ละตัวเป็นเพียงรูปปั้นแกะสลักแต่ละตัวเท่านั้นเอง จะมีใครที่เห็นรูปปั้นแกะสลักแต่ละตัวอยู่ในสายตากันเล่า
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้รูปปั้นแกะสลักแต่ละตัวกลับมีชีวิตขึ้นมา อีกทั้งรูปปั้นแกะสลักแต่ละตัวล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือของที่น่ากลัวยิ่ง ยามที่พวกเขายืนถือขวานสองคมหินยืนอยู่บริเวณทางเข้าออกทุกจุดของป่าหินแล้ว ทุกคนถึงกับรู้สึกสะท้านขึ้นภายในใจ รู้สึกว่าเหตุการณ์ไม่ดีเสียแล้ว
“เจ้า เจ้า เจ้ากำลังคิดจะทำอะไร?” ครั้นมองเห็นองครักษ์หินแต่ละตัวที่มือถือขวานสองคมหินขวางทางออกของทุกคนเอาไว้ ทำให้ภายในใจของทุกคนสะท้านขึ้นมา ต่างรู้สึกว่าเหตุการณ์ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว จึงมีผู้ที่ตวาดเสียงดังต่อหลี่ชิเย่ออกมา
“ข้าสามารถทำอะไรได้?” หลี่ชิเย่ทำท่าหาวทีหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทีเซ็งๆ ว่า “พวกเจ้าว่า ฮ่องเต้โหดที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรมคนหนึ่งควรจะทำเรื่องอะไรล่ะ? เฉกเช่นฮ่องเต้โหดอย่างข้าย่อมต้องทำเรื่องแย่งชิงหญิงชาวบ้าน เข่นฆ่าทั่วหล้าอยู่แล้ว”
“เจ้า เจ้า เจ้าอย่าได้รังแกกันมากเกินไป” หม่าจินหมิงที่ถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า สีหน้าขาวซีด ทำเสียงแข็งทั้งที่จิตใจอ่อนแอ ร้องกล่าวว่า “เวลานี้ผู้คนใต้หล้าต่างทอดทิ้งเจ้า ไม่มีกองทัพใดๆ ยินดีทำงานให้เจ้า เจ้าเป็นแค่คนที่โดดเดี่ยวเท่านั้น เจ้า เจ้ากล้าทำบุ่มบ่ามอีก เกรงว่าจะต้องตายโดยไร้ที่ฝัง”
“พูดเช่นนี้เหมือนว่าฮ่องเต้โหดอย่างข้าจำเป็นต้องดึงกองทัพมาเป็นพวกอย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา
“บิดาของข้าคือแม่ทัพของกองทัพส่วนกลาง ได้รับการสนับสนุนจากหกกองทัพของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ได้รับการสนับสนุนจากอาณาประชาราษฎร์ เวลานี้เจ้าปล่อยข้าไปยังทัน…” หม่าจินหมิงมองเห็นความหวัง และเอ่ยขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าท่าทีของหลี่ชิเย่เหมือนอ่อนลง
“ถ้าหากข้าบอกว่าไม่ล่ะ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
“เจ้า เจ้า เจ้าก็คือเป็นศัตรูกับทั่วหล้า เป็นศัตรูกับหกกองทัพ…” หม่าจินหมิงข่มขู่หลี่ชิเย่
“ฆ่าเสีย” หลี่ชิเย่เหมือนไม่ได้ยินคำขู่ของหม่าจินหมิงอย่างนั้น ท่าทางเหมือนมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง และตามอารมณ์ยิ่ง เพียงโบกมือเบาๆ
“เจ้า…” หม่าจินหมิงนึกไม่ถึงว่าวิธีการของตนถึงกับไม่ได้ผล รู้สึกหวาดผวา ร้องเสียงดังขึ้นว่า “ไม่…”
แต่ว่า มันสายไปเสียแล้ว หม่าจินหมิงเพิ่งจะส่งเสียงออกมา ได้ยินเสียงดังปุเลือดแตกกระจาย ศีรษะกลิ้งตกลงบันไดหิน เวลานี้ดวงตาคู่นั้นของศีรษะที่กลิ้งลงบันไดหินเบิกกว้าง มองเห็นเลือดที่พุ่งทะลักออกมาจากบริเวณคอที่ถูกตัดจนขาด
“อะไรคือหกกองทัพใหญ่ อะไรคือใต้หล้าให้ความเลื่อมใสศรัทธาสูงสุด” หลี่ชิเย่ ถึงกับหัวเราะขึ้นมาและกล่าวว่า “ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ยังจะต้องมีกองทัพอะไรนั่น แค่มือข้างเดียวของข้าที่กวาดออกไปทีหนึ่งก็สังหารจำนวนมหาศาล สำหรับเรื่องการให้ความเลื่อมใสศรัทธาสูงสุดนั่น ไม่สยบฆ่าไม่มีละเว้น ฆ่าจนกว่าทั้งหมดจะเลื่อมใสศรัทธาทั้งหมด”
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกงุนงง เมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนดั่งเลือดที่ไหลรินไม่หยุด ก่อนหน้านั้น ภาพของฮ่องเต้องค์ใหม่ในใจทุกคนคือมั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม ต่อให้เขาเป็นฮ่องเต้โหดคนหนึ่ง ก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานได้รับการสนับสนุนจากกองทัพทั้งหก
แต่ว่า เวลานี้แค่คำพูดไม่เข้าหูก็ตัดศีรษะของผู้อื่น อีกทั้งหม่าจินหมิงนั้นเป็นบุตรชายของหม่าหมิงชุนเชียวนะ บุตรชายของแม่ทัพส่วนกลาง เท่ากับเขาได้ล่วงเกินต่อหกกองทัพใหญ่ในคราเดียวกัน
ครั้นทุกคนได้เห็นวิธีการที่เป็นอันธพาลตามใจตัวเองด้วยปณิธานที่แข็งแกร่งเช่นนี้ พลันพลิกกลับภาพที่อยู่ในใจของผู้คนทั้งหมด ก่อนหน้านั้น ผู้คนจำนวนเท่าไรที่เหยียดหยามในใจต่อฮ่องเต้องค์ใหม่เพียงใด ก็แค่ฮ่องเต้ที่เบาปัญญาคนหนึ่งเท่านั้น สวะที่ไม่สามารถเยียวยาได้คนหนึ่งเท่านั้น
“เจ้ายังจะมีอะไรพูดอีก?” หลี่ชิเย่จ้องมองดูหยางฟู่ฝานที่ถูกตรึงเอาไว้กับขั้นบันไดหิน
“จะฆ่าจะแกงก็สุดแต่เจ้า” หยางฟู่ฝานนั้นนับว่าเป็นกระดูกเหล็ก กล่าวท่าทีเย็นชาว่า “แม้ข้าจะต้องตาย อีกยี่สิบปีข้างหน้าก็ต้องมีผู้กล้าปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ต่อให้ข้าต้องตาย อาจารย์ของข้าก็ต้องแก้แค้นให้กับข้า!”
เมื่อเปรียบเทียบกับหม่าจินหมิงที่รักตัวกลัวตายแล้ว หยางฟู่ฝานเหนือกว่ากันมากทีเดียว แม้จะรู้อยู่แล้วว่ายากจะหนีความตายไปได้ ยังคงไม่ยอมอ่อนข้อให้
“อืมม อย่างนี้สิยังมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีของผู้บำเพ็ญตนอยู่บ้าง ดีมาก เช่นนั้นแล้วข้าจะส่งเสริมเจ้า และรอให้อาจารย์เจ้ามาแก้แค้น วางใจเถอะ หนทางก้าวไปยังนรกของเจ้าจะไม่โดดเดี่ยวแน่นอน อีกไม่นานเท่าไร ข้าจะส่งอาจารย์ของเจ้าร่วมเดินทางไปกับเจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วศิษย์อาจารย์ทั้งสองก็จะไม่อ้างว้างบนหนทางมุ่งไปนรกแล้วล่ะ สามารถเป็นศิษย์อาจารย์ต่อไปได้อีก” หลี่ชิเย่รู้สึกชื่นชมอย่างยิ่ง พยักหน้าทีหนึ่ง จากนั้นโบกมือทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ฆ่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...