นี่ไม่เพียงเพราะนางพ่ายแพ้ต่อเกมเดิมพันเกมนี้เท่านั้น สมควรทราบว่า นี่คือเคล็ดวิชาจิ่วมี่นะเนี่ย เป็นสมบัติที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แล้ว ไม่ว่าจะสำหรับคนหนึ่งคนใด หรือสำนักใดสำนักหนึ่งก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้
แต่ทว่า หลี่ชิเย่บอกให้ก็ให้ไปเลย เขามอบเคล็ดวิชาจิ่วมี่ที่ล้ำค่ายิ่งให้กับผู้หญิงที่อยู่ข้างกายโดยตรง
ลองคิดดู ผู้ชายลักษณะเช่นนี้มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเช่นใด มีเสน่ห์เพียงใด และใจถึงขนาดไหน? ทั่วทั้งโลกนี้มีใครบ้างที่สามารถมอบเคล็ดวิชาจิ่วมี่ให้กับผู้หญิงของตนได้ตามอารมณ์เช่นนี้?
ไม่มี ยกเว้นหลี่ชิเย่แล้วไม่มีใครทำได้ ทอดสายตาไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไม่มีใครทำได้สักคน แม้แต่ราชันแท้จริงปาเจิ้นก็ทำไม่ได้เช่นกัน
ต่อให้ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้ครอบครองเคล็ดวิชาจิ่วมี่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมอบให้นาง ต้องเอาไว้ให้ตนเองบรรลุและฝึกปรือ
แน่นอน การที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่สามารถมอบให้นาง ปิงฉือหานยวี่ก็สามารถเข้าใจได้ จะอย่างไรเสียเคล็ดวิชาจิ่วมี่ช่างล้ำค่ามากเหลือเกิน หากเปลี่ยนเป็นนางก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมอบให้ผู้อื่น
แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับทำได้แล้ว โดยมอบให้กับหลิ่วชูฉิงไปตามอารมณ์ ผู้ชายเช่นนี้มีเสน่ห์ที่ปราศจากผู้ใดสามารถเทียบเทียมได้ และมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวที่สุดยอดมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง
เนื่องเพราะมีผู้ชายลักษณะเช่นนี้ ทำให้ผู้ชายจำนวนเท่าไรที่ต้องสลดและอับแสง ผู้ชายคนอื่นๆ ไม่สามารถเทียบได้กับเขาอยู่แล้ว
ในเวลานี้ ปิงฉือหานยวี่เรียกได้ว่ามีความรู้สึกร้อยพันที่ทะลักขึ้นมาในใจ สมควรทราบว่า ครั้งนั้นเขาก็บฮ่องเต้องค์ใหม่มีสัญญาหมั้นหมายกันอยู่ น่าเสียดายเป็นพวกเขาที่ฉีกสัญญานี้ทั้งไปก่อน เป็นตระกูลขุนนางโบราณปืงฉือพวกเขาอาศัยองค์หญิงตัวปลอมแต่งเข้าวังไป
หากว่า ในครั้งนั้นตระกูลขุนนางโบราณปืงฉือพวกเขาไม่ได้ฉีกสัญญาหมั้นหมายนี้ทิ้งไปล่ะก็ ยังคงปล่อยให้สัญญาหมั้นหมายนี้ดำเนินการต่อไป…
เวลานี้ ปิงฉือหานยวี่ไม่สามารถจินตนาการได้ ความรู้สึกสารพันที่ผุดขึ้นกลางใจสุดจะทนยิ่งนัก ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเคยทำให้นางต้องสะอิดสะเอียน กระทั่งเหยียดหยามต่อเขา ในช่วงระยะเวลายาวนานมากที่ผ่านมา ในสายตาของนางแล้ว ผู้ชายคนนี้ก็คือสวะที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม เป็นผู้ที่ไม่สามารถเยียวยาทำอะไรได้
แต่ทว่า ผู้ชายคนที่เคยถูกนางรูสึกสะอิดสะเอียนผู้นี้ เคล็ดวิชาจิ่วมี่ที่ต่อให้ตระกูลขุนนางโบราณปืงฉือใช้เวลาชั่วชีวิตก็ไม่สามารถบรรลุได้ กลับถูกเขาบรรลุได้อย่างง่ายดาย แล้วคว้าเอามาได้ตามอารมณ์เท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ชายที่เคยถูกนางรังเกียจมาก่อน กลับสามารถนำเคล็ดวิชาจิ่วมี่ที่ล้ำค่าที่สุดมอบให้กับผู้หญิงของตนตามอารมณ์ ความใจกว้างเช่นนี้ ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวแบบนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนใดก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อไม่มีการเปรียบเทียบก็จะไม่ตระหนักถึงข้อเสียของตน และไม่ทำให้ในใจบังเกิดข้อแตกต่างและทำร้ายจิตใจตนเอง ทันใดนั้น ภายในใจของปิงฉือหานยวี่ผุดความรู้สึกร้อยพันขึ้นมา ไม่สามารถละความผูกใจเจ็บไปอีกนาน
“นังหนูคนนี้” ภายในใจของดาบอริยะกวานไห่อดที่จะทอดถอนใจในใจ และพึมพำกับตัวเองในใจว่า “นังหนูนับว่าคนโง่ย่อมมีวาสนาของคนโง่ มีใครจะไปคาดคิดได้เล่า เกรงว่าบรรดาปรมาจารย์ภายในสำนักก็คงนึกไม่ถึง นี่แหละคือไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว หลิวกลับให้ร่มเงา”
ดาบอริยะกวานไห่รู้สึกดีใจแทนหลิ่วชูฉิง ในขณะที่นางจะแต่งมาที่นี่ หอหลินไห่เก๋อของพวกเขาไม่รู้ว่ามีผู้ที่คัดค้านเรื่องนี้อยู่จำนวนเท่าไร ระดับปรมาจารย์จำนวนมากต่างไม่เห็นด้วย แต่ว่านางยังคงแต่งมาที่นี่โดยพละการ
ดาบอริยะกวานไห่เองอดเป็นกังวลต่อนางไม่ได้ เมื่อรู้ว่าหลิ่วชูฉิงได้แต่งงานกับฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เป็นฮ่องเต้ทรราช เนื่องจากเขาเป็นกังวลวันหลิ่วชูฉิงจะถูกหลี่ชิเย่รังแก กังวลว่านางไปอยู่ข้างกายจะต้องได้รับความทุกข์ แต่มาวันนี้หลี่ชิเย่ได้มอบเคล็ดวิชาจิ่วมี่ให้กับหลิ่วชูฉิงตามอารมณ์ เขาก็รู้สึกวางใจแล้ว ในโลกนี้ยังจะมีผู้ชายคนใดสามารถทำได้ถึงขั้นนี้? ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถเทียบเคียงกับเขาได้อีกแล้ว
ส่วนทังเฮ่อเสียงนั้นมีสีหน้าที่ขาวซีด ข้อนิ้วทั้งห้าที่กำทวนยาวไว้จนแน่นก็มีสีขาวซีดเช่นกัน
ทุกคนต่างอยู่ในอาการเงียบสงัด และกลั้นหายใจมองดูภาพเช่นนี้ เวลานี้ทุกคนจะตระหนักได้ว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่คือฮ่องเต้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เขาก็คือสายตรงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ คนอื่นที่คิดจะชิงบัลลังก์กับเขาเป็นได้เพียงคางคกขึ้นวอเท่านั้นเอง!
“เจ้าแพ้แล้ว” ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่พูดท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และมองหน้าปิงฉือหานยวี่ทีหนึ่ง
สีหน้าของปิงฉือหานยวี่ขาวซีด ร่างกายอดที่จะสั่นเทิ้มทีหนึ่งไม่ได้ บังเกิดความรู้สึกร้อยพันขึ้นในใจ นางอดที่จะขบริมฝีปากที่งดงามเอาไว้แน่น ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เป็นเวลานาน
ในเวลานี้เอง ทุกคนต่างมองดูปิงฉือหานยวี่ ความจริงแล้วไม่มีใครเขาไปหัวเราะเยาะปิงฉือหานยวี่ และไม่มีใครที่ไปโทษปิงฉือหานยวี่
ก่อนหน้านี้ ใครบ้างล่ะจะเชื่อว่าหลี่ชิเย่สามารถคว้าเอาเคล็ดวิชาจิ่วมี่มาได้ตามอารมณ์? มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เหมือนดั่งเป็นการฝันเฟื่องของคนปัญญาอ่อน ดังนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจว่าปิงฉือหานยวี่จะต้องชนะ ต่างเข้าใจว่านางกำไพ่ตายอยู่ในมือ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ถึงกับเกิดเหตุการณ์ที่กลับตาลปัตรขึ้นมาได้ ความมหัศจรรย์เช่นนี้ไม่สามารถเปรียบเปรยด้วยคำพูดได้อีกแล้ว
“ข้า ข้า ข้าพูดแล้วต้องทำได้!” สุดท้าย ปิงฉือหานยวี่ขบริมฝีปากที่งดงามของนาง พูดน้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจังว่า “จะฆ่าจะแกง สุดแล้วแต่เจ้า”
“ไม่รีบ” หลี่ชิเย่ยิ้มเอ้อระเหย เวลานี้เขาไปยังผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดโดยรอบทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ยังมีใครที่ไม่ยอมรับล่ะ? ข้ารู้นะว่า ผู้ที่อยู่ในที่นี้มีอยู่เป็นจำนวนมากที่ไม่สบอารมณ์กับฮ่องเต้ทรราชอย่างข้า ไม่เป็นไร พูดออกมาตอนนี้ก็ได้ มันเป็นโอกาสที่ดีมากทีเดียว คนอย่างข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะรับฟังผู้อื่นวิพากวิจารณ์อยู่แล้ว”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ไม่กล้าส่งเสียงออกมาสักเอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่หัวเราะเยาะหลี่ชิเย่เมื่อครู่นั้น เวลานี้ยิ่งก้มหน้าลงต่ำ อย่าว่าแต่ให้พูดคำๆ หนึ่งออกมา แม้แต่ให้ส่งเสียงสักนิดหนึ่งก็ไม่กล้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...