จะอย่างไรเสียดาบอริยะกวานไห่ในเวลานี้คือระดับเทพแท้จริง ขั้นสวรรค์ชั้นเก้าแล้ว ด้วยศักยภาพเช่นนี้ เรียกได้ว่าปราศจากผู้ต่อกรในกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ ผู้ที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างแท้จริงคงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ยิ่งยากจะหาผู้ต่อกรกับเขาได้ เกรงว่าแม้แต่ราชันแท้จริงปาเจิ้นก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้
เวลานี้หลี่ชิเย่กลับพูดจาได้เอ้อระเหยว่าจะละเว้นให้ดาบอริยะกวานไห่ไม่ต้องตาย เหมือนว่าเขากำไพ่ตายไว้ในมือแล้ว
เวลานี้แม้คำพูดของหลี่ชิเย่จะใช้อำนาจบาตรใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา ต่างกลั้นลมหายใจมองดูพวกเขา ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันคือการต่อสู้ที่เสือพบสิงห์อย่างแน่นอน
การต่อสู้ระหว่างดาบอริยะกวานไห่กับหลี่ชิเย่นั้น เกรงว่าบรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ให้ความใส่ใจมากที่สุดก็คือทังเฮ่อเสียงแล้วล่ะ เรียกได้ว่าเวลานี้เขาได้รวบรวมสมาธิอย่างเต็มที่ จ้องมองพวกเขาทั้งสองอย่างเต็มที่ นิ้วมือทั้งห้าที่กำทวนยาวดูจะกำจนแน่นมากขึ้นกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว กระทั่งข้อนิ้วมือยังกลายเป็นสีขาว
ในขณะนี้เอง ทังเฮ่อเสียงประดุจดั่งคันธนูที่น้าวสายเต็มที่พร้อมจะยิงธนูออกไปได้ทุกเวลา
“เช่นนั้นแล้วข้าก็ต้องขอบคุณท่านล่วงหน้าที่ไม่ฆ่า” ดาบอริยะกวานไห่ก็ไม่แสดงความโกรธ และไม่ได้โมโห เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เสียงแช้งค์…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง เขาได้ชักดาบออกมาอย่างช้าๆ
ขณะที่ดาบอริยะกวานไห่ชักดาบศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างช้าๆ นั้น จังหวะที่ดาบยาวสัมผัสกับฝักดาบนั้นเสียงนั้นฟังดูมีจังหวะจะโคนยิ่งนัก เสียงแช้งค์เสียงนี้ดังขึ้นช้าๆ จากนั้นกลับกลายเป็นดังกังวาน ตลอดขั้นตอนดูเหมือนเป็นดนตรีบทหนึ่ง
จากการที่ดาบยาวของดาบอริยะกวานไห่ค่อยๆ ชักออกมาอย่างช้าๆ มองเห็นประกายดาบเสมือนดั่งปรอทที่ค่อยๆ เทลงพื้นดินทีละนิดๆ อย่างนั้น จากดาบยาวที่ถูกชักออกมาทีละนิดๆ ทำให้ประกายดาบที่ถูกปล่อยออกมามีมากขึ้นๆ ทุกที สุดท้าย เมื่อดาบยาวถูกชักออกมาทั้งเล่มแล้ว ประกายดาบที่วูบวาบคล้ายดั่งเป็นการพวยพุ่งออกมาอย่างนั้น
ตึง…ดาบยาวถูกชักออกมาโดยสิ้นเชิง ดาบศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงคำรามเสียงยาวขึ้นมา เสียงคำรามของดาบฟังดูไพเราะน่าเกรงขาม เหมือนหนึ่งทองคำกระทบกับหยก ท่ามกลางเสียงที่ไพเราะแฝงด้วยเสียงที่ดังกังวานมีพลัง เสียงคำรามของดาบเสียงหนึ่งคล้ายแฝงไว้ซึ่งความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของวิถีแห่งดาบ
ดาบยาวออกจากฝัก ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ช่องว่างล้วนแล้วแต่สั่นเทากับสิ่งนี้ จังหวะที่ดาบยาวออกจากฝักในพริบตาเดียวนั้น แม้ว่าดาบยาวของดาบอริยะกวานไห่ไม่ได้ระเบิดพลังอานุภาพมหาศาลออกมา แต่ทว่า พริบตาเดียวที่ดาบยาวออกจากฝัก ปณิธานดาบสูงลิ่ว เสมือนดั่งดาบยาวตั้งตระหง่านบนฟ้าดิน ปราศจากสิ่งใดสามารถสั่นคลอนมันได้อย่างนั้น
ด้วยดาบยาวลักษณะเช่นนี้นี่แหละ แต่เหมือนว่าไม่มีทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถก้าวข้ามไปได้ หนึ่งดาบที่พาดผ่านท้องฟ้า ไม่ว่าใครก็ยากจะก้าวล้ำแม้เพียงครึ่งก้าว
ตึง…เสียงคำรามของดาบดังไม่ขาดสายขึ้นมาอีกครั้ง มาครั้งนี้เสียงคำรามของดาบไม่ได้มาจากการเปล่งเสียงออกมาของดาบยาวของดาบอริยะกวานไห่ แต่เป็นตัวดาบอริยะกวานไห่ที่เปล่งเสียงออกมาเอง
จังหวะที่ดาบอริยะกวานไห่กุมดาบด้วยมือทั้งสองในพริบตาเดียวนั่นเอง เหมือนว่าตัวเขาก็คือดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า มีความแหลมคมยิ่งนัก เหมือนว่าบนตัวของเขาได้เปล่งประกายดาบที่แวววับดั่งหิมะ สามารถตัดแทุกสิ่งทุกอย่างจนขาด
ท่ามกลางเสียงประกายดาบเสียงนี้ ดูเหมือนว่าดาบอริยะกวานไห่ได้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับดาบยาวที่อยู่ในมือของตน ในขณะนี้ ดาบคือตัวเขา ตัวเขาก็คือดาบ ปณิธานดาบฮึกเหิม แม้ไม่ได้ระเบิดกลิ่นอายเข่นฆ่าออกมา แต่ความแหลมคมของตัวดาบ ได้ทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นดั่งลูกนกแล้ว เหมือนว่านี่คือดาบยาวที่แหลมคม และน่ากลัวมากที่สุดในโลก
ตูม…เสียงดังสนั่น ทันใดนั่นเอง ทั่วทั้งร่างของดาบอริยะกวานไห่ได้พวยพุ่งกลิ่นอายที่เป็นธรรมชาติน่าเกรงขามขึ้นมาสายหนึ่ง ร่างของเขาดั่งภูเขาที่สูงชะโงกทรงพลัง ทั้งยังมีความหนักแน่นของผืนแผ่นดิน
“เคล็ดวิชาหลินมี่…” พลันที่มองเห็นดาบอริยะกวานไห่พวยพุ่งกลิ่นอายธรรมชาติน่าเกรงขามขึ้นมา ผู้คนจำนวนมากรู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้คืออะไร
“เกรงว่าในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ ดาบอริยะกวานไห่คือผู้ที่มีพลังวัตรที่ทรงพลังมากที่สุด” ปรมาจารย์สำนักเจ้าลัทธิเอ่ยขึ้นช้าๆ
เคล็ดวิชาหลินมี่ เคล็ดวิชานี้มีความหนักแน่นน่าเกรงขาม แม้ว่าผู้ที่ฝึกปรือเคล็ดวิชานี้จะมีพลังก้าวหน้าไปได้ค่อนข้างช้า แต่ทว่า เมื่อไรที่เคล็ดวิชานี้สำเร็จขั้นสมบูรณ์ ความแข็งแกร่งของพลังวัตรหาใช่ผู้อื่นสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว
แต่ว่า ดาบอริยะกวานไห่ไม่พียงมีพลังวัตรที่แข็งแกร่งเท่านั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ท่ามกลางกลิ่นอายที่เป็นธรรมชาติน่าเกรงขามมีกลิ่นอายจักรพรรดิที่พุ่งทะลุขึ้นมา เสมือนดั่งรุ้งสีขาวที่ทะลุผ่านดวงตะวันอย่างนั้น
ด้วยรุ้งสีขาวที่ทะลุผ่านดวงตะวันนี่เอง ทันใดนั้นร่างทั้งร่างของดาบอริยะกวานไห่เหมือนเคลือบด้วยสีเหลืองฮ่องเต้ชั้นหนึ่ง ทำให้ตัวของเขาแลดูเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายฮ่องเต้
ในพริบตาเดียวนั้นเอง เสื้อสีม่วงที่สวมอยู่บนตัวของดาบอริยะกวานไห่เหมือนสีได้เปลี่ยนไป ถ้าหากก่อนหน้านั้นดาบอริยะกวานไห่คือท่านโหวคนหนึ่งล่ะก็ เช่นนั้นแล้วเวลานี้ดาบอริยะกวานไห่ก็คือดาบฮ่องเต้ ดาบยาวในมือที่ปกครองใต้หล้า
เวลานี้ เสื้อม่วงที่สวมอยู่บนตัวของดาบอริยะกวานไห่ดุจดั่งเป็นชุดมังกรอย่างนั้น ขณะที่เขากำดาบยาวในมือ มีลักษณะท่าทางที่ออกตรวจทุกที่ เสด็จประพาสทั่วหล้า
ลองคิดดู พลังวัตรของดาบอริยะกวานไห่นับว่ามีความเป็นธรรมชาติและมีพลังยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัดมากพออยู่แล้ว ยามที่กลิ่นอายจักรพรรดิของเขาเสมือนดั่งรุ้งขาวที่ทะลุผ่านดวงตะวันนั้น ทำให้ตัวของเขาเสมือนหนึ่งได้กลับกลายเป็นดาบฮ่องเต้ที่อยู่เหนือใต้หล้า ความเป็นฮ่องเต้ที่ล้ำเลิศเป็นหนึ่งไม่มีสอง ราชธรรมยิ่งใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต
“แค่บรรลุวิถีดาบเล็กน้อยเท่านั้น” ดาบอริยะกวานไห่เงื้อมดาบยาวขึ้นมาช้าๆ พลังดาบคุกคามต่อหลี่ชิเย่ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ตั้งชื่อว่าดาบฮ่องเต้!”
การลงมือของดาบอริยะกวานไห่ เขาไม่ได้ใช้สุดยอดเคล็ดวิชาที่คิดค้นขึ้นโดยบรรพชนหอหลินไห่เก๋อของพวกเขา และไม่ได้อาศัยเคล็ดวิชาราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าของหอหลินไห่เก๋อพวกเขา แต่อาศัยดาบวิถีที่เขาเป็นผู้คิดค้นขึ้นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...