“ศักยภาพเพียงเท่านี้ยังหาญกล้าพูดจาโอ้อวดไม่รู้จักละอาย” หลี่ชิเย่ยังคงยืนอยู่ที่ตรงนั้น กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงนั้น คล้ายดั่งไม่เคยขยับตัวอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกคนล้วนแล้วแต่เหมือนว่าบังเกิดมโนภาพขึ้นมา เหมือนว่าที่ลงมือเมื่อครู่นั้นไม่ใช่ตัวเขา
ไม่ง่ายนัก กว่าทุกคนจะได้สติคืนกลับมา และมองดูหลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อดที่จะเสียวสันหลังวาบ และหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ ในเวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไร่ที่ต้องร่างสั่นเทิ้มขึ้นมา และขาทั้งสองข้างที่สั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์อดที่จะมองหน้าซึ่งกันและและกันในเวลานี้ ความแข็งแกร่งของฮ่องเต้องค์ใหม่ได้อยู่เหนือจินตนาการของพวกเขาไปมากแล้ว พวกเขาไม่สามารถคำนวณได้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่มีความแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่
“ฮ่องเต้องค์ใหม่อยู่ในระดับใดแล้วกันแน่นะ? ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ปราศจากผู้ต่อกรรึ?” มีผู้ที่คาดเดาและพูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ ทุกคนก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่อยู่ในระดับใดกันแน่ และไม่สามารถแอบส่องถึงรายละเอียดเกี่ยวกับกำลังความสามารถของฮ่องเต้องค์ใหม่ได้อีกแล้ว
“เกรงว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่คงยากที่จะมีผู้ใดสามารถทัดเทียมกับฮ่องเต้องค์ใหม่แล้วกระมัง” ในเวลานี้ แม้แต่อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ปรกติแล้วมองว่าตนเองนั้นสูงเด่น ยังอดที่จะก้มศีรษะที่หยิ่งยโสลง ไม่กล้ามองดูฮ่องเต้องค์ใหม่ใกล้ๆ
“ดูไปแล้วฮ่องเต้องค์ก่อนมีความฉลาดเฉียบแหลมและมีสายตายาวไกล การที่เขายกบัลลังก์ให้กับฮ่องเต้องค์ใหม่นั้นเป็นการกระทำที่ชาญฉลาด เขาคาดการณ์แล้วว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้แน่นอน” ในเวลานี้เอง มีระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิที่ได้สติกลับมา อดที่จะสั่นเทิ้ม และพึมพำขึ้นมาไม่ได้
ก่อนหน้านี้มีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เข้าใจว่าฮ่องเต้ไท่ชิงนั้นแก่แล้วเลอะเลือน บางทีก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าฮ่องเต้ไท่ชิงนั้นหลงรักบุตรนอกสมรสอย่างฮ่องเต้องค์ใหม่มากเกินไป ถึงกับยกเอาแผ่นดินยิ่งใหญ่ให้กับคนที่มั่วโลกีย์และไร้คุณธรรมเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับมาดู ฮ่องเต้ไท่ชิงนั่นแหละที่เป็นผู้ที่ตื่นรู้ตลอด เป็นเขาที่หาผู้ที่จะมาสืบทอดตำแหน่งให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้ถูกตัวอย่างแท้จริง
ในเวลานี้เอง ทุกคนจึงได้ตระหนักว่า เป็นความจริงที่ตนเองดับฮ่องเต้ไท่ชิงนั้นมีความห่างชั้นที่มากทีเดียว การที่ฮ่องเต้ไท่ชิงสามารถเป็นฮ่องเต้ได้สามยุคสมัยได้ ไหนเลยจะเป็นเรื่องธรรมดาได้
“เทียบกับฮ่องเต้ไท่ชิงแล้วเป็นอย่างไร?” ในขณะนี้ภายในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยได้ผุดความคิดที่ประหลาดอย่างยิ่งขึ้นมา ด้วยการนำเอาฮ่องเต้องค์ใหม่ที่อยู่ตรงหน้าเปรียบกับฮ่องเต้องค์ก่อน ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนใครแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยกว่ากันแน่?
ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกันเมื่อได้ฟังคำพูดเช่นนี้ ขณะฮ่องเต้ไท่ชิงยังอยู่ บารมีฮ่องเต้ของเขาสร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มีไม่กี่คนที่หาญกล้าไม่เคารพต่อฮ่องเต้ไท่ชิงแม้แต่น้อย ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากต่างใช้ชีวิตอยู่ภายใต้บารมีของฮ่องเต้ไท่ชิง
เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงได้สวรรคตไปแล้ว ผู้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มกล้าที่จะเผชิญหน้าเอ่ยถึงผลงานและกำลังความสามารถของฮ่องเต้ไท่ชิง ในเวลานี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยหยิบยกเอาฮ่องเต้ไท่ชิงกับฮ่องเต้องค์ใหม่ที่อยู่ตรงหน้ามาเปรียบเทียบกัน
“บางที อาจจะกลายเป็นฮ่องเต้ไท่ชิงที่สอง” มีผู้ที่พึมพำเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
ภายในใจผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ และแอบรู้สึกใจหายใจคว่ำ มีไม่กี่คนที่กล้าส่งเสียงขึ้นมา
ลองนึกภาพดู ขณะฮ่องเต้ไท่ชิงยังคงมีชีวิตอยู่ ได้เป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในหล้า แม้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ในช่วงนั้นจะกลายเป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากที่สุดในแดนลัทธิราชัน มีเพียงบ้านตระกูลหลี่ กับตระกูลมู่เท่านั้นที่สามารถเทียบเคียงได้
แต่ทว่า กล่าวสำหรับสำนักต่างๆ ทั้งหมด และผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แล้ว มันไม่เห็นจะเป็นเรื่องดีตรงไหน
ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้า ใช้อำนาจบาตรใหญ่ตัดสินใจเพียงผู้เดียว ในเวลานั้น มีผู้คนจำนวนเท่าไร มีสำนักจำนวนเท่าไรที่มีชีวิตอยู่อย่างระมัดระวังตัวภายใต้อำนาจบารมีของฮ่องเต้ไท่ชิง มีชีวิตอยู่ภายใต้เงาทมิฬของฮ่องเต้ไท่ชิง ถ้าหากจะกล่าวว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะกลายเป็นฮ่องเต้ไท่ชิงคนที่สอง ย่อมเป็นความจริงที่ทำให้ผู้คนต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่
ช่าาา ช่าาา ช่าาา…จังหวะที่ทุกคนกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น ปรากฏเสียงน้ำที่ดังขึ้นเป็นระลอก ในทะเลสาบได้บังเกิดคลื่นยักษ์ขึ้นมาอีกครั้ง
ในเวลานี้เอง ทังเฮ่อเสียงที่เดิมลอยล่องอยู่ท่ามกลางทะเลสาบได้ดิ้นรนจนลุกขึ้นมาได้ ร่างกายของทังเฮ่อเสียงที่ใหญ่โตมโหฬารยิ่งดั่งเป็นภูเขาขนาดยักษ์ลูกหนึ่ง ยามที่เขาดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นยืนนั้น ฟองคลื่นที่สาดซัดก็คล้ายดั่งคลื่นยักษ์ที่สาดซัดอย่างนั้น
ช่าาา ช่าาา ช่าาา…เสียงน้ำดังขึ้นไม่ขาดสาย ทังเฮ่อเสียงได้ดิ้นรนจนลุกขึ้นมาได้แล้ว ก่อเกิดฟองคลื่นที่ดั่งคลื่นยักษ์สาดซัดขึ้นมา
ไม่ง่ายนัก ทังเฮ่อเสียงได้ลุกขึ้นมาแล้ว ได้ยินเสียงตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น เขาได้อาศัยทวนมังกรในการชันตัวให้ลุกขึ้นยืน เมื่อทวนมังกรของเขาได้กระแทกใส่พื้นดินอย่างแรงนั้น ทำให้พื้นดินสะเทือนขึ้นทีหนึ่ง เสมือนหนึ่งสิ่งของที่หนักมากได้ชนเข้ากับพื้นดินอย่างแรง
ในที่สุดทังเฮ่อเสียงได้ลุกขึ้นยืนตัวตรงได้แล้ว แม้จะกล่าวว่าเวลานี้เขาได้ลุกขึ้นมายืนได้แล้วในที่สุด แต่ทว่า ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด และชุดเกราะบนตัวก็แตกร้าวไปแล้ว สำหรับโล่ยักษ์ในมือยิ่งไม่ต้องพูดถึง แหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี
ในขณะนี้ บริเวณมุมปากของเขายังมีเลือดที่ไหลไม่หยุด เวลานี้สภาพของเขาเรียกได้ว่าย่ำแย่สุดๆ ไม่หลงเหลือท่าทางที่หมางเมินทั่วหล้าเมื่อครู่นั้นอีกแล้ว
“ลุกขึ้นมาได้แล้ว…” มีผู้ที่ร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นทังเฮ่อเสียงที่ลุกขึ้นยืนได้ในที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...