หลังจากที่หลี่ชิเย่ยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว ได้เหลียวมองเป็นรอบๆ ทุกๆ ที่ที่สายตามองเห็นคือรอยไหม้เป็นบริเวณกว้าง ทุกแห่งหนล้วนแล้วแต่เป็นทรายทั้งสิ้น
เมื่อมองดูทรายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าอย่างละเอียด ทรายที่ตรงนี้แตกต่างกับทรายของทะเลทรายที่อยู่ด้านนอก ทรายของที่ตรงนี้ล้วนแล้วแต่ ออกเป็นสีน้ำตาลไหม้ เหมือนว่าทรายที่ตรงนี้ล้วนแล้วแต่เคยถูกไฟเผาไหม้มาแล้วอย่างนั้น และหรือจะกล่าวว่าถูกนำไปผัดในกระทะด้วยไฟแรงมาแล้ว เม็ดทรายทุกเม็ดจึงเป็นสีน้ำตาลไหม้ทุกเม็ด
อีกทั้งเม็ดทรายทุกเม็ดนอกจากจะมีสีน้ำตาลไหม้แล้ว ล้วนแล้วแต่มีลักษณะเป็นรูปผลึก และหรือก็คือพื้นผิวด้านนอกของเม็ดทรายได้กลายเป็นผลึก ขณะที่ด้านในยังคงเป็นเม็ดทราย
ถ้าหากคนที่มีความรู้ เมื่อมองเห็นเม็ดทรายทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นลักษณะเช่นนี้ต้องใจหายใจคว่ำอย่างแน่นอน กระทั่งหวาดผวาจนขนลุกซู่
สามารถมีผลออกมาในลักษณะเช่นนี้มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นก็คือ ผ่านการเผาไหม้ด้วยอุณหภูมิที่สูงมากจนกลายเป็นเช่นนี้
อีกทั้งสิ่งนี้หาใช่เป็นเพียงการเผาผลาญของเปลวไฟทั่วไปแล้วได้รับประสิทธิผลเช่นนี้ เคยมีระดับปราศจากผู้ต่อกรลงมือด้วยการเผาผลาญผืนแผ่นดิน สามารถเผาผืนแผ่นดินจนกลายเป็นดินที่ไหม้เกรียม และหรือเผาจนกลายเป็นกระเบื้องเคลือบ แต่ว่า ผืนแผ่นดินที่พวกเขาทำการเผาไหม้ก็จะหลอมละลาย ไม่ว่าจะเป็นทราย หิน หรือดินก็จะหลอมรวมกันเป็นก้อน กระทั่งกลายสภาพเป็นกระเบื้องเคลือบ
แต่ทว่า การเผาไหม้ของที่นี่กลับเผาได้อย่างพอเหมาะ หลังจากที่ไฟที่ร้อนแรงได้โหมลุกไหม้ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทรายส่วนที่อยู่บนพื้นผิว หรือใต้ดิน ล้วนแล้วแต่ถูกเผาจนมีสภาพเหมือนกันอย่างกับแกะ กระทั่งเรียกได้ว่าเม็ดทรายทุกเม็ดได้ถึงขั้นกลายเป็นผลึกอย่างนั้น
และหรือกล่าวได้ว่า เม็ดทรายทุกๆ เม็ดล้วนแล้วแต่ได้รับการเผาไหม้ที่เท่าเทียมอย่างยิ่ง การที่สามารถทำให้ได้ถึงระดับเช่นนี้ ไม่เพียงต้องมีกำลังความสามารถที่ปราศจากผู้ต่อกรอย่างยิ่งเท่านั้น ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ สามารถควบคุมไฟโลกันต์ถึงระดับที่สุดยอดมาก ประสิทธิผลที่ได้เกรงว่าระดับปฐมบรรพบุรุษก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ ต่อให้ทำได้ก็ต้องอาศัยเผาด้วยไฟอ่อน ซึ่งต้องใช้เวลามากเหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม ทรายที่เห็นอยู่เต็มพื้นที่ตรงหน้าเหมือนเป็นการทำจนสำเร็จเสร็จสิ้นในขั้นตอนเดียว ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน มันเป็นสิ่งที่ถูกทำให้เกิดขึ้นด้วยไฟโลกันต์ที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียม
จากนั้นมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ท้องฟ้ามีสภาพมืดครึ้มไปทั่ว แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งเพียงใด ต่อให้เปิดเนตรฟ้าส่องสว่างไปทั่วก็ไม่สามารถมองทะลุท้องฟ้าที่มืดครึ้มไปได้ เหมือนว่าท้องฟ้าได้ถูกปิดกั้นไปทั้งหมดอย่างนั้น นี่แหละคือกรงขังที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามหากถูกจับโยนเข้ามาอยู่ในนี้ ก็อย่าหวังได้ออกไปจากที่นี่ตลอดไป
หลี่ชิเย่มองดูกรงขังที่เต็มไปด้วยทรายทุกพื้นที่แล้วสูดลมหายใจเอาอากาศที่นี่เข้าปอดลึกๆ ทีหนึ่ง อากาศของที่นี่ร้อนแผดเผาเมื่อสูดเข้าไปในปอด รู้สึกเหมือนแสบร้อนอย่างหนึ่ง คล้ายลำคอถูกลวกไปทีหนึ่ง
หลี่ชิเย่แยกแยะอากาศที่ร้อนแผดเผานี้อย่างละเอียด และสามารถจับกลิ่นของดินได้เล็กน้อยจากอากาศที่ร้อนแผดเผานี้ โดยกลิ่นดินดังกล่าวมีความเปียกชื้นอยู่เล็กน้อย ของสิ่งนี้ภายใต้อากาศที่ร้อนแผดเผาเช่นนี้ยากที่จะแยกแยะออกมาได้ โดยพื้นฐานแล้วจะถูกมองข้ามไปไม่นับ
“อยู่ที่นี่จริงๆ” หลี่ชิเย่อดที่จะพึมพำขึ้นมาว่า “ดูท่าตาเฒ่าช่างอุบเอาไว้ได้ดีเหลือเกิน ให้ปัญหาข้อยากกับข้า ต้องการให้ข้าเก็บรวมรวมให้ครบทั้งหมดอย่างนั้นรึ?”็น
หลี่ชิเย่หัวเราะนิดหนึ่ง เล็งหาทิศทางที่ถูกต้องได้แล้ว ก็ออกเดินทางต่อไป
เม็ดทรายที่เดินย่ำไปให้ความรู้สึกที่ร้อนแผดเผร การเดินอยู่ท่ามกลางทรายที่เต็มพื้นที่ หายใจด้วยการสูดเอาอากาศที่ร้อนแผดเผาเข้าไป ทำให้รู้สึกไม่สบายมากเป็นพิเศษ ยิ่งทำให้รู้สึกไม่สบายคือความกดดัน ภายใต้ความกดดันนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าตนเองนั้นจะต้องถูกสยบและพันธนาการเอาไว้ภายใต้กรงขังนี้ไปตลอดกาล เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า ทำให้ผู้คนเสียสติได้
หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้าโดยตลอด ระหว่างทางไม่เพียงเต็มไปด้วยทรายที่เต็มพื้นที่เท่านั้น ภายใต้ด้านล่างของทรายยังฝังไว้ซึ่งโครงกระดูกเป็นจำนวนมาก โครงกระดูกที่ถูกฝังอยู่ท่ามกลางเม็ดทรายนั้นมีทุกรูปแบบ
โครงกระดูกบางโครงเรียกได้ว่ามีขนาดใหญ่โตมโหฬาร แค่กระดูกนิ้วก็มีความยาวถึงสิบจ้าง ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าขณะที่มันยังคงมีชีวิตอยู่มันคือสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่โตเช่นใด และก็มีโครงกระดูกขนาดเล็ก ซึ่งโครงกระดูกขนาดเล็กเหล่านี้ยังคงมีประกายของโลหะ ซึ่งบ่งบอกว่าบรรดาโครงกระดูกเหล่านี้ขณะมีชีวิตอยู่คือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งเพียงใด แม้ว่าจะตายมาเป็นเวลานานขนาดนี้ โครงกระดูกยังคงมีจิตวิญญาณอยู่
เมื่อพิจารณาโครงกระดูกเหล่านี้อย่างละเอียดก็จะพบว่า สิ่งมีชีวิตบางส่วนได้ตายไปไม่รู้ว่านานเท่าใดแล้ว โครงกระดูกก็มีการเน่าเปื่อยผุพังไปแล้ว แต่ก็มีบ้างที่เพิ่งจะตายไปได้แค่หนึ่งถึงสองยุคสมัยเท่านั้นเอง
ย่อมไม่ต้องสงสัย ในยุคสมัยที่นาน เนิ่นนานมากๆ ก็มีสิ่งมีชีวิตถูกส่งเข้ามาอยู่ในนี้ อีกทั้งกระทั่งยาวนานกว่าก่อนที่จะมีการก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ขึ้นมาเสียอีก
สมควรทราบว่าปฐมบรรพบุรุษจิ่วมี่หาใช่เป็นผู้สร้างคุกหลวงดึกดำบรรพ์ ยิ่งไม่ใช่ตัวเขาที่เป็นผู้หลอมสร้างขึ้นมากับมือของตน มีคำเล่าลือว่า คุกหลวงดึกดำบรรพ์นั้น ปฐมบรรพบุรุษจิ่วมี่ได้มาจากเป้าผู่ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขา ดังนั้น เขาจึงได้ทำการฝังมันเข้าไปอยู่ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่
และก็มีผู้ที่กล่าวว่า ปฐมบรรพบุรุษจิ่วมี่ไปได้คุกหลวงดึกดำบรรพ์มาจากพื้นที่แห่งความตายที่มีความเก่าแก่โบราณมาก เขาได้ลากเอามันมาและจัดการหลอมรวมเข้าไปอยู่ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ช่วงที่มีการหลอมสร้างระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิในครั้งนั้น
สรุปก็คือ คุกหลวงดึกดำบรรพ์ดำรงอยู่ตั้งแต่ก่อนจะมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เสียอีก อย่างน้อยที่สุดใครคือเจ้าของคนแรกของคุกหลวงดึกดำบรรพ์เขามีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่ไม่มีใครทราบได้แล้ว
ตลอดทางที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้า ได้พบเจอโครงกระดูกจำนวนไม่น้อยทีเดียว ซึ่งสามารถประเมินได้ว่า ในยุคของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ทางระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้เคยโยนเอานักโทษลงมาในนี้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งบรรดานักโทษที่ถูกจับโยนเข้ามานั้นล้วนแล้วแต่มีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่ว่า บรรดาคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ตายอยู่ข้างในนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...