“แหะ เจ้าหนู เจ้ามาจากสำนักใด?” วัวคลั่งผู้มีอารมณ์ร้อนที่สุดได้แย่งพูดขึ้นมาก่อน เสียงของเขาดุจดั่งเสียงฟ้าร้องอย่างนั้น
“มีคนเขาบอกว่าข้าเป็นคนของราชวงศ์โต่วเซิ่น” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “ใช่หรือไม่ใช่ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ราชวงศ์โต่วเซิ่น? ราชวงศ์ของเจ้าแก่ฮ่องเต้ไท่ชิง” พวกเขาทั้งสี่ต่างอดที่จะมองหน้าซึ่งกันและกันทีหนึ่ง เมื่อได้ยินว่าหลี่ชิเย่มีชาติกำเนิดมาจากราชวงศ์โต่วเซิ่น
“แหะ แหะ แหะเจ้าหนูไปทำผิดร้ายแรงอะไร ถึงกับถูกจับโยนเข้ามายังคุกหลวงดึกดำบรรพ์ได้? นี่มันคือตายทั้งเป็นชัดๆ นะเนี่ย ตามหลักแล้ว มีเพียงตาแก่อย่างฮ่องเต้ไท่ชิงเท่านั้นจึงจะจับคนโยนเข้ามาในนี้” มังกรทองแปดแขนจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ หัวเราะเสียงน่าเกลียดขึ้นมา
อวี่เหยียนเซินทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง จ้องมองหลี่ชิเย่และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นับเวลาดูแล้วน่าจะผ่านไปยุคสมัยหนึ่งแล้วกระมัง คิดไปคิดมาให้ละเอียด พวกเราสมควรมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานกว่าตาแก่ฮ่องเต้ไท่ชิงจึงจะถูก เกรงว่าฮ่องเต้ไท่ชิงคงตายไปแล้วกระมัง”
ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เขาจ้องมองดูหลี่ชิเย่และเอ่ยถามขึ้นมาว่า “เวลานี้ใครคือเจ้าของราชวงศ์โต่วเซิ่น?”
“ฮ่องเต้ไท่ชิงไหนเลยจะตายได้ง่ายดายปานนั้น” ในขณะนี้ เสียงกะปลกกะเปลี้ยเสียงหนึ่งดังขึ้น กล่าวด้วยท่าทีมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงว่า “ปาฏิหาริย์อย่างฮ่องเต้ไท่ชิงกับซุนเหลิ่งหยิ่งมีชีวิตอยู่สามยุคสมัยไม่ใช่ปัญหา”
เมื่อพวกของอวี่เหยียนเซินทั้งสี่คนได้ยินเสียงที่ กะปลกกะเปลี้ยนี้แล้ว ต่างทยอยกันหันกลับไปมอง
ในเวลานี้ มองเห็นผู้เฒ่าผู้หนึ่งเดินมาอย่างช้าๆ ผู้เฒ่าผู้นี้สวมชุดสีเทาทั้งชุด ในมือมีไม้เท้าอันหนึ่ง เขาก้าวเดินด้วยลักษณะหลังค่อมเหมือนมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง เดินก้าวหนึ่งโง่นแง่นไปสามที เหมือนว่าแค่ลมพัดมาสายหนึ่งก็สามารถทำให้ตัวเขาปลิวไปบนท้องฟ้าอีกทั้งดวงตาคู่นั้นของผู้เฒ่าดูขุ่นมัวปราศจากแวว คล้ายดั่งเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายอย่างนั้น
พวกของอวี่เหยียนเซินทั้งสี่คนต่างหลีกเป็นทางเมื่อมองเห็นผู้เฒ่าที่กะปลกกะเปลี้ยเดินเข้ามา อดไม่ได้ที่จะแสดงความเคารพอย่างสุดซึ้ง
“ปิ้งจวินมาแล้ว” แม้แต่วัวคลั่งที่มีนิสัยมุทะลุเมื่อมองเห็นผู้เฒ่าผู้นี้แล้วก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ดูมีวินัยขึ้นมาทันที
ผู้เฒ่าผู้นี้ก้าวเดินเข้ามา ดวงตาที่ตาลายคู่นั้นมองดูหลี่ชิเย่อย่างพินิจพิเคราะห์และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้ามีชาติกำเนิดมาจากราชวงศ์โต่วเซิ่นรึ? ตามหลักแล้ว ผู้ที่สามารถถูกโยนเข้ามาในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ได้นั้นไม่มีผู้อ่อนแอสักคน แต่ว่า ข้ามองไม่ออกว่าเจ้าได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาโตว่มี่และหรือเจ่อมี่มาก่อน”
“พูดแบบนี้ แสดงว่าเจ้าเชื่อมั่นในสายตาของตนเองมากสินะ” หลี่ชิเย่อดที่จะยิ้มกล่าวเฉยเมยไม่ได้
“เจ้าหนู เกรงว่าเจ้าคงไรรู้สินะ ถ้าหากเจ้ามีชาติกำเนิดมาจากราชวงศ์โต่วเซิ่นจริงล่ะก็ เจ้าน่ะได้พบกับระดับปรมาจารย์เข้าให้แล้ว ฐานะของปิ้งจวินในราชวงศ์โต่วเซิ่นนั้น เรียกได้ว่าสูงกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงเสียอีก ถ้าหากเจ้าพูดมั่วซั่วล่ะก็ ไม่สามารถตบตาคู่นั้นของปิ้งจวินได้หรอกนะ” เทพไฉไลหงส์พิษยิ้มกล่าว
“พูดแบบนี้ พวกเจ้าก็คือผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นศัตรูที่แกร่งที่สุดห้าคนของฮ่องเต้ไท่ชิงที่ถูกจับโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์น่ะสิ” หลี่ชิเย่มองหน้าพวกของปิ้งจวินทีหนึ่ง อดที่จะหัวเราะและเอ่ยขึ้นมา
“เจ้าหนู เจ้ายังไม่รู้นะว่า หากนับตามอาวุโสแล้ว ปิ้งจวินมีฐานะเป็นศิษย์พี่ของฮ่องเต้ไท่ชิง” นักพรตเหยียนหัวเราะส่ายหน้าและกล่าวขึ้นมา
หลี่ชิเย่รู้สึกเหนือความคาดคิดนิดหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ หัวเราะและกล่าวว่า “ที่แท้ยังมีเรื่องเช่นนี้นะเนี่ย นับว่ารู้สึกเหนือความคาดคิดอยู่บ้าง”
“ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเก่าแก่นมนานมาแล้ว ข้าเองก็ออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มานานมากแล้ว” ผู้เฒ่าผู้นี้ไม่สนใจเรื่องนี้ เพียงหัวเราะและกล่าวขึ้น
ผู้เฒ่าที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือปิ้งจวิน ถูกบุคคลภายนอกยกย่องให้เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของฮ่องเต้ไท่ชิง เป็นศัตรูแกร่งหมายเลขหนึ่งของฮ่องเต้ไท่ชิง
ในช่วงเวลาที่ยาวนานมากช่วงหนึ่ง ฮ่องเต้ไท่ชิงก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ กระทั่งมีผู้กล่าวว่า แม้แต่ฮ่องเต้ไท่ชิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ผู้ที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างแท้จริงทั่วทั้งแดนลัทธิราชัน เกรงว่าคงมีเพียงกู่อี้เฟยแห่งบ้านตระกูลหลี่แล้วล่ะ
แต่ทว่า ในยุคของราชันแท้จริงจิ่วหนิง อำนาจของฮ่องเต้ไท่ชิงได้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ตัวเขาเองก็คือผู้ที่อยู่ในฐานะแข็งแกร่งสุดจะหาผู้ใดเทียมอยู่แล้ว บวกกับบุตรสาวที่เป็นราชันแท้จริงสิบเอ็ดหรือสิบสองลัคนา ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงในเวลานั้นมีความแข็งแกร่งถึงระดับเช่นใดแล้ว
ดังนั้น ปิ้งจวินจึงถูกฮ่องเต้ไท่ชิงจับเป็นในยุคนั้น สุดท้าย ถูกจับโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์
แม้ว่าทุกคนต่างก็รู้ว่าปิ้งจวินคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งในบรรดาผู้เป็นศัตรูของฮ่องเต้ไท่ชิง แต่ทว่า มีน้อยคนนักที่รู้ว่าปิ้งจวินมีชาติกำเนิดมาจากราชวงศ์โตว่เซิ่น ทั้งยังเป็นศิษย์พี่ของฮ่องเต้ไท่ชิงอีกด้วย
ปิ้งจวินขณะเยาว์วัยก็ได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่สะเทือนเลื่อนลั่น การฝึกปรือของเขาแกร่งและทรงพลังอย่างยิ่ง เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งทรงพลังยิ่งของฮ่องเต้ไท่ชิงมาตั้งแต่อายุยังน้อย
กระทั่งกล่าวได้ว่า ถ้าหากปิ้งจวินยังคงรั้งอยู่ในราชวงศ์โต่ว่เซิ่นล่ะก็ เกรงว่าตำแหน่งฮ่องเต้คงไม่มีโอกาสสำหรับฮ่องเต้ไท่ชิง
เพียงแต่ในภายหลังปิ้งจวินได้ก้าวสู่ฝ่ายอธรรม ละทิ้งเคล็ดวิชาของราชวงศ์โต่ว่เซิ่น คิดค้นเทพโรคระบาดสัจธรรมที่เป็นของตนเองขึ้นมา และออกจากความเป็นราชวงศ์โต่ว่เซิ่น และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่นับจากนั้นเป็นต้นมา
สืบเนื่องจากการออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของปิ้งจวินนั่นเอง ทำให้ภายหลังมีน้อยคนนักที่รู้ว่าปิ้งจวินมีชาติกำเนิดมาจากราชวงศ์โต่ว่เซิ่น ยิ่งกว่านั้นไม่รู้ว่าปิ้งจวินคือศิษย์พี่ของฮ่องเต้ไท่ชิง
ปิ้งจวินมองดูหลี่ชิเย่และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ดูจากเวลาก็ใกล้จะได้สามยุคสมัยแล้ว ฮ่องเต้ไท่ชิงสบายดีรึ?”
แม้จะกล่าวว่า ปิ้งจวินถูกฮ่องเต้ไท่ชิงจับเป็นและโยนเข้ามาอยู่ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ แต่เมื่อมีการเอ่ยถึงฮ่องเต้ไท่ชิงเขากลับไม่มีอารมณ์เดือดดาลแม้แต่น้อย เหมือนหนึ่งเป็นการพูดถึงสหายเก่าอย่างนั้น ไม่เหมือนดั่งเช่นพวกของวัวคลั่งที่เรียกฮ่องเต้ไท่ชิงตรงๆ ว่าเป็น ‘ตาแก่’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...